พบผลลัพธ์ทั้งหมด 124 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6237/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันหนี้ที่ไม่มีกำหนดเวลาชำระชัดเจน ไม่ทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นความรับผิด
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 700 การที่เจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้อันจะมีผลให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดนั้นต้องเป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลาอันมีกำหนดแน่นอน แต่การที่จำเลยที่ 2 ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ว่าหากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างทำให้โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างเสียหายจำเลยที่ 2 ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์นั้น มิได้เป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลา อันมีกำหนดแน่นอน จำเลยที่ 2 จึงไม่หลุดพ้นจากความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6237/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันค่าเสียหายจากลูกจ้าง: การผ่อนเวลาชำระหนี้ไม่ทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้น หากไม่ใช่หนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระแน่นอน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา700การที่เจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้อันจะมีผลให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดนั้นต้องเป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระณเวลาอันมีกำหนดแน่นอนแต่การที่จำเลยที่2ค้ำประกันจำเลยที่1ต่อโจทก์ว่าหากจำเลยที่1ซึ่งเป็นลูกจ้างทำให้โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างเสียหายจำเลยที่2ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์นั้นมิได้เป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระณเวลาอันมีกำหนดแน่นอนจำเลยที่2จึงไม่หลุดพ้นจากความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6237/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันหนี้: การผ่อนเวลาชำระหนี้ไม่ทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้น หากเป็นการค้ำประกันค่าเสียหาย ไม่ใช่หนี้ตามกำหนด
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา700การที่เจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้อันจะมีผลให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดนั้นต้องเป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระณเวลาอันมีกำหนดแน่นอนแต่การที่จำเลยที่2ค้ำประกันจำเลยที่1ต่อโจทก์ว่าหากจำเลยที่1ซึ่งเป็นลูกจ้างทำให้โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างเสียหายจำเลยที่2ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์นั้นมิได้เป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระณเวลาอันมีกำหนดแน่นอนจำเลยที่2จึงไม่หลุดพ้นจากการรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3176/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำและขอบเขตความรับผิดของผู้รับอาวัลในตั๋วสัญญาใช้เงิน: การพิจารณาความแตกต่างของข้อตกลง
คดีเดิมโจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินในฐานะที่จำเลยที่1เป็นผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินและจำเลยที่2เป็นผู้รับอาวัลศาลพิพากษายกฟ้องเพราะคดีขาดอายุความแต่คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่1รับผิดตามหนังสือรับรองการขายตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งเป็นการเรียกร้องให้รับผิดตามสัญญาอีกฉบับหนึ่งต่างหากจากตั๋วสัญญาใช้เงินจึงเป็นคนละประเด็นกับที่โจทก์และจำเลยที่1พิพาทกันในคดีเดิมฟ้องโจทก์ส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่1จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำแต่เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับความรับผิดตามสัญญาที่จำเลยที่1จะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีนี้จึงต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นเสียก่อนแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี สำหรับฟ้องของโจทก์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่2นั้นตามหนังสือรับรองการขายตั๋วสัญญาใช้เงินมีข้อความระบุถึงจำเลยที่2เพียงว่าจำเลยที่2ผู้รับอาวัลได้ทราบข้อตกลงในการที่จำเลยที่1ได้นำตั๋วสัญญาใช้เงินมาขายให้แก่โจทก์ดังกล่าวข้างต้นแล้วทุกประการจำเลยที่2ยินยอมรับอาวัลและลงลายมือชื่อในฐานะผู้รับอาวัลไม่ปรากฏว่ามีข้อความอื่นใดในลักษณะเป็นการค้ำประกันคงระบุแต่เพียงว่าเป็นผู้รับอาวัลแม้จะระบุถึงเรื่องการผ่อนเวลาไว้ก็คงเป็นการกล่าวถึงความรับผิดของจำเลยที่2ในฐานะผู้รับอาวัลซึ่งต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกับบุคคลอื่นตนประกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา940โดยไม่อาจอ้างเรื่องการผ่อนเวลาตามหลักค้ำประกันทั่วไปในมาตรา700ข้อต่อสู้ได้ฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่2คดีนี้จึงเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่2ร่วมรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินอันเป็นประเด็นข้อวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีเดิมและเมื่อคดีเดิมถึงที่สุดแล้วฟ้องของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่2คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3176/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ vs. ประเด็นใหม่: ความรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินและหนังสือรับรองการขาย
คดีเดิมโจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินในฐานะที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินและจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับอาวัล ศาลพิพากษายกฟ้องเพราะคดีขาดอายุความ แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามหนังสือรับรองการขายตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่งเป็นการเรียกร้องให้รับผิดตามสัญญาอีกฉบับหนึ่งต่างหากจากตั๋วสัญญาใช้เงิน จึงเป็นคนละประเด็นกับที่โจทก์และจำเลยที่ 1 พิพาทกันในคดีเดิม ฟ้องโจทก์ส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับความรับผิดตามสัญญาที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีนี้ จึงต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นเสียก่อนแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
สำหรับฟ้องของโจทก์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 2 นั้น ตามหนังสือรับรองการขายตั๋วสัญญาใช้เงินมีข้อความระบุถึงจำเลยที่ 2 เพียงว่า จำเลยที่ 2 ผู้รับอาวัลได้ทราบข้อตกลงในการที่จำเลยที่ 1 ได้นำตั๋วสัญญาใช้เงินมาขายให้แก่โจทก์ดังกล่าวข้างต้นแล้วทุกประการ จำเลยที่ 2 ยินยอมรับอาวัล และลงลายมือชื่อในฐานะผู้รับอาวัล ไม่ปรากฎว่ามีข้อความอื่นใดในลักษณะเป็นการค้ำประกันคงระบุแต่เพียงว่าเป็นผู้รับอาวัล แม้จะระบุถึงเรื่องการผ่อนเวลาไว้ก็คงเป็นการกล่าวถึงความรับผิดของจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับอาวัลซึ่งต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกับบุคคลที่ตนประกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 940 โดยไม่อาจอ้างเรื่องการผ่อนเวลาตามหลักค้ำประกันทั่วไปในมาตรา 700 ขึ้นต่อสู้ได้ ฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 คดีนี้จึงเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงิน อันเป็นประเด็นข้อวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีเดิม และเมื่อคดีเดิมถึงที่สุดแล้วฟ้องของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ
สำหรับฟ้องของโจทก์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 2 นั้น ตามหนังสือรับรองการขายตั๋วสัญญาใช้เงินมีข้อความระบุถึงจำเลยที่ 2 เพียงว่า จำเลยที่ 2 ผู้รับอาวัลได้ทราบข้อตกลงในการที่จำเลยที่ 1 ได้นำตั๋วสัญญาใช้เงินมาขายให้แก่โจทก์ดังกล่าวข้างต้นแล้วทุกประการ จำเลยที่ 2 ยินยอมรับอาวัล และลงลายมือชื่อในฐานะผู้รับอาวัล ไม่ปรากฎว่ามีข้อความอื่นใดในลักษณะเป็นการค้ำประกันคงระบุแต่เพียงว่าเป็นผู้รับอาวัล แม้จะระบุถึงเรื่องการผ่อนเวลาไว้ก็คงเป็นการกล่าวถึงความรับผิดของจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับอาวัลซึ่งต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกับบุคคลที่ตนประกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 940 โดยไม่อาจอ้างเรื่องการผ่อนเวลาตามหลักค้ำประกันทั่วไปในมาตรา 700 ขึ้นต่อสู้ได้ ฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 คดีนี้จึงเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงิน อันเป็นประเด็นข้อวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีเดิม และเมื่อคดีเดิมถึงที่สุดแล้วฟ้องของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค้ำประกัน - การคืนหนังสือค้ำประกันโดยความเข้าใจผิด - ผู้ค้ำประกันยังคงต้องรับผิดชอบ - ไม่ถือเป็นการระงับสิ้นหนี้
จำเลยที่1ได้ยื่นซอง ประกวดราคาเสนอขายเสาไฟฟ้าคอนกรีตอัดแรงให้โจทก์ตามใบเสนอราคาเมื่อวันที่4มีนาคม2530โดยให้สนองรับคำเสนอราคานั้นได้ภายใน120วันนับแต่วันที่เสนอราคาคือภายในวันที่2กรกฎาคม2530ต่อมาก่อนครบกำหนดระยะเวลา120วันนั้นจำเลยที่1และโจทก์ได้ตกลงขยายระยะเวลาการยืนราคาตามใบเสนอราคาออกไปจนถึงวันที่4สิงหาคม2530จำเลยที่1จึงต้องผูกพันต่อโจทก์ตามคำเสนอของตนในใบเสนอราคาภายในกำหนดระยะเวลาที่ได้มีการขยายการยืนราคาออกไปนั้นการตกลง ขยายระยะเวลายืนราคาตามใบเสนอราคาออกไปมิใช่เป็นการผัดหรือผ่อนเวลาหรือผ่อนผันการปฏิบัติตามประกาศประกวดราคาจำเลยที่3ผู้ค้ำประกันจึงต้องผูกพันต่อโจทก์ตามสัญญาค้ำประกันตลอดเวลาที่จำเลยที่1ต้องรับผิดต่อโจทก์ในการยื่นซองประกวดราคา แม้ในใจจริงจำเลยที่3 เจตนา ค้ำประกันจำเลยที่1ภายในกำหนดระยะเวลา120วันนับแต่วันที่4มีนาคม2530มิได้เจตนาค้ำประกันจำเลยที่1ตลอดเวลาที่จำเลยที่1ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประกาศประกวดราคาก็ตามแต่ตามสัญญาค้ำประกันก็มิได้กำหนดระยะเวลาค้ำประกันไว้เพียง120วันนับแต่วันที่4มีนาคม2530แต่จำเลยที่3กลับทำสัญญาค้ำประกันโดยแสดงเจตนาว่าจะไม่เพิกถอนการค้ำประกันในระหว่างเวลาที่จำเลยที่1ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประกาศประกวดราคาโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รู้ถึงเจตนาในใจของจำเลยที่3ว่าต้องการผูกพันเพียง120วันจำเลยที่3จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตลอดเวลาที่จำเลยที่1ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประกาศประกวดราคาตามที่ได้ แสดงเจตนาออกมา การที่โจทก์ได้คืนหนังสือสัญญาค้ำประกันให้แก่จำเลยที่3ด้วยความเข้าใจผิดของพนักงานโจทก์ซึ่งโจทก์มิได้มีเจตนาประสงค์จะปลดหนี้ให้แก่จำเลยที่3แม้จำเลยที่3ได้รับหนังสือสัญญาค้ำประกันซึ่งเป็นเอกสารอันเป็น หลักฐานแห่งหนี้คืนไปซึ่งเข้าข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา327วรรคสามว่าหนี้นั้นเป็นอันระงับสิ้นไปแล้วก็ตามแต่ข้อสันนิษฐานตามบทบัญญัติดังกล่าวมิใช่ข้อสันนิษฐานเด็ดขาดเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าขณะที่โจทก์ส่งหนังสือสัญญาค้ำประกันคืนจำเลยที่3จำเลยที่1ยังไม่ได้มาทำสัญญา ซื้อขายกับโจทก์ตามกำหนดนัดให้ถูกต้องจำเลยที่1ยังต้องรับผิดชำระหนี้ต่อโจทก์ตามประกาศประกวดราคาอยู่และจำเลยที่3ผู้ค้ำประกันยังไม่หลุดพ้นจากความรับผิดในหนี้ดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา698จำเลยที่3จึงจะอ้างว่าเมื่อได้รับเวนคืนต้นฉบับหนังสือสัญญาค้ำประกันจากโจทก์โดยสุจริตจำเลยที่3ก็หลุดพ้นจากความรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันแล้วหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกัน - ขอบเขตความรับผิด - การอนุมัติลาศึกษาต่อเพิ่มเติมไม่ถือเป็นการผ่อนเวลาชำระหนี้
สัญญาระหว่างโจทก์กับอ.มิได้ระบุระยะเวลาที่อ.ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาต่อณต่างประเทศและสัญญาค้ำประกันที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ก็มิได้ระบุเวลาที่อ.ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาต่อเช่นกันฉะนั้นการที่อ.ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาต่อณต่างประเทศเป็นเวลา2ปีครบกำหนดแล้วโจทก์ได้อนุมัติให้อ.ลาศึกษาต่อและลากิจเป็นเวลา4ปี5เดือนโดยจำเลยมิได้ยินยอมในการที่โจทก์อนุมัติให้อ.ศึกษาต่ออีกนั้นแม้จะเป็นภาระหนักขึ้นแก่จำเลยผู้ค้ำประกันแต่ก็ไม่เป็นการฝ่าฝืนข้อตกลงในสัญญาและเป็นคนละเรื่องกับการที่เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้ลูกหนี้จำเลยจึงไม่หลุดพ้นจากความรับผิดเมื่ออ.สำเร็จการศึกษาแล้วไม่กับมารับราชการกับโจทก์อันเป็นการผิดสัญญาต้องรับผิดต่อโจทก์จำเลยจึงต้องรับผิดในหนี้ที่อ.ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยจึงไม่มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่จำเลยมิได้ให้การไว้จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย อ.ต้องกลับมารับราชการในวันที่1มิถุนายน2525แต่อ.ไม่กลับมารับราชการตามกำหนดดังกล่าวโจทก์จึงมีคำสั่งปลดออกจากราชการตั้งแต่วันที่1มิถุนายน2525ถือได้ว่าอ.ผิดสัญญาตั้งแต่วันดังกล่าวโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่8มีนาคม2532ยังไม่เกิน10ปีคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกัน – การขยายเวลาศึกษาต่อ – การผิดสัญญา – อายุความ
สัญญาระหว่างโจทก์กับ อ.มิได้ระบุระยะเวลาที่ อ.ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ และสัญญาค้ำประกันที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ก็มิได้ระบุเวลาที่ อ.ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาต่อเช่นกัน ฉะนั้น การที่ อ.ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาต่อ ณต่างประเทศเป็นเวลา 2 ปี ครบกำหนดแล้วโจทก์ได้อนุมัติให้ อ.ลาศึกษาต่อและลากิจเป็นเวลา 4 ปี 5 เดือน โดยจำเลยมิได้ยินยอมในการที่โจทก์อนุมัติให้ อ.ศึกษาต่ออีกนั้น แม้จะเป็นภาระหนักขึ้นแก่จำเลยผู้ค้ำประกัน แต่ก็ไม่เป็นการฝ่าฝืนข้อตกลงในสัญญาและเป็นคนละเรื่องกับการที่เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้ลูกหนี้ จำเลยจึงไม่หลุดพ้นจากความรับผิด เมื่อ อ.สำเร็จการศึกษาแล้วไม่กลับมารับราชการกับโจทก์ อันเป็นการผิดสัญญาต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดในหนี้ที่ อ.ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยจึงไม่มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยมิได้ให้การไว้ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
อ.ต้องกลับมารับราชการในวันที่ 1 มิถุนายน 2525 แต่ อ.ไม่กลับมารับราชการตามกำหนดดังกล่าว โจทก์จึงมีคำสั่งปลดออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2525 ถือได้ว่า อ.ผิดสัญญาตั้งแต่วันดังกล่าว โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2532 ยังไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยจึงไม่มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยมิได้ให้การไว้ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
อ.ต้องกลับมารับราชการในวันที่ 1 มิถุนายน 2525 แต่ อ.ไม่กลับมารับราชการตามกำหนดดังกล่าว โจทก์จึงมีคำสั่งปลดออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2525 ถือได้ว่า อ.ผิดสัญญาตั้งแต่วันดังกล่าว โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2532 ยังไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6192/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผ่อนเวลาชำระหนี้และการต่ออายุสัญญากู้ของผู้กู้มีผลผูกพันผู้ค้ำประกันตามข้อตกลงในสัญญาค้ำประกัน
ตามสัญญาค้ำประกันในการประกันการเพิ่มวงเงินมีข้อความว่าถ้าผู้ให้กู้ผ่อนเวลาการชำระหนี้หรือต่ออายุสัญญาเงินกูัให้แก่ผู้กู้โดยจะแจ้งหรือมิได้แจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบก็ตาม ผู้ค้ำประกันเป็นอันยอมตกลงด้วยการให้ผ่อนเวลาการชำระหนี้หรือการให้ต่ออายุสัญญาเงินกู้เช่นว่านั้นทุกครั้งไป แม้สัญญาค้ำประกันที่ทำขึ้นก่อนการค้ำประกันการเพิ่มวงเงินกู้นั้นจะมีข้อความแตกต่างไปโดยไม่มีข้อความเกี่ยวกับการต่ออายุสัญญาเงินกู้ แต่ก็มีข้อตกลงว่า ถ้าผู้ให้กู้ผ่อนเวลาให้แก่ผู้กู้ชำระหนี้โดยจะได้แจ้งหรือมิได้แจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบก็ตาม ผู้ค้ำประกันเป็นอันยอมตกลงด้วยในการผ่อนเวลานั้นทุกครั้งไป การต่ออายุสัญญาเงินกู้ให้ผู้กู้ในกรณีนี้ก็หมายถึงการผ่อนเวลาชำระหนี้นั่นเอง แม้ไม่มีข้อความระบุถึงการต่ออายุสัญญาโดยตรง เมื่อมีการผ่อนเวลาชำระหนี้โดยต่ออายุสัญญากู้ให้ลูกหนี้ก็ถือว่าผู้ค้ำประกันยินยอมตกลงด้วยผู้ค้ำประกันจึงยกเอาเหตุนี้มาปลดเปลื้องความรับผิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6192/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมของผู้ค้ำประกันต่อการต่ออายุสัญญากู้ แม้ไม่มีข้อความระบุโดยตรง หากมีข้อตกลงเกี่ยวกับการผ่อนเวลาชำระหนี้ ย่อมถือว่ายินยอม
ตามสัญญาค้ำประกันในการประกันการเพิ่มวงเงินมีข้อความว่า ถ้าผู้ให้กู้ผ่อนเวลา การชำระหนี้หรือต่ออายุสัญญาเงินกู้ให้แก่ผู้กู้โดยจะแจ้งหรือมิได้แจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบก็ตาม ผู้ค้ำประกันเป็นอันยอมตกลงด้วยการให้ผ่อนเวลาการชำระหนี้หรือการให้ต่ออายุสัญญาเงินกู้เช่นว่านั้นทุกครั้งไป แม้สัญญาค้ำประกันที่ทำขึ้นก่อนการค้ำประกันการเพิ่มวงเงินกู้นั้นจะมีข้อความแตกต่างไปโดยไม่มีข้อความเกี่ยวกับการต่ออายุสัญญาเงินกู้ แต่ก็มีข้อตกลงว่า ถ้าผู้ให้กู้ผ่อนเวลาให้แก่ผู้กู้ชำระหนี้โดยจะได้แจ้งหรือมิได้แจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบก็ตาม ผู้ค้ำประกันเป็นอันยอมตกลงด้วยในการผ่อนเวลานั้นทุกครั้งไป การต่ออายุสัญญาเงินกู้ให้ผู้กู้ในกรณีนี้ก็หมายถึงการผ่อนเวลาชำระหนี้นั่นเองแม้ไม่มีข้อความระบุถึงการต่ออายุสัญญาโดยตรง เมื่อมีการผ่อนเวลาชำระหนี้โดยต่ออายุสัญญากู้ให้ลูกหนี้ก็ถือว่าผู้ค้ำประกันยินยอมตกลงด้วยผู้ค้ำประกันจึงยกเอาเหตุนี้มาปลดเปลื้องความรับผิดไม่ได้