พบผลลัพธ์ทั้งหมด 159 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาฝากทรัพย์ อายุความฟ้องร้อง 6 เดือน กรณีไม้ของกลางสูญหาย
โจทก์จำเลยทำสัญญากันมีข้อความเป็นสารสำคัญว่า โจทก์มอบไม้ของกลางให้จำเลยจัดการขนย้ายจากสถานีตำรวจภูธรตำบลกำพวนไปเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัยบริเวณหมู่ที่ 2 ตำบลบางหิน อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง แล้วจำเลยต้องเก็บรักษาไม้ของกลางไว้เป็นการชั่วคราวในอารักขาแห่งตนอันเป็นการยอมให้จำเลยครอบครองไม้ของกลางแทนโจทก์ สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาฝากทรัพย์ และคดีมีอายุความฟ้องร้องภายใน 6 เดือน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 671
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2517 เจ้าหน้าที่ของโจทก์ตรวจพบว่าไม้ของกลางที่ได้ทำสัญญาให้จำเลยเฝ้าระวังหายไปทั้งหมด 5 ท่อน จึงทวงถามให้จำเลยชำระเบี้ยปรับตามสัญญา จำเลยไม่ชำระ จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะนับแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2517 อันเป็นวันที่โจทก์ทราบว่าไม้ของกลางหายไปจนบัดนี้เกิน 6 เดือนแล้ว โจทก์มิได้นำสืบในข้อนี้ ถือว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้วตั้งแต่วันนั้นและถือว่าเป็นวันสิ้นสัญญา เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องคดีภายใน 6 เดือน นับแต่วันสิ้นสัญญาดังกล่าว คดีของโจทก์ขาดอายุความ
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2521)
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2517 เจ้าหน้าที่ของโจทก์ตรวจพบว่าไม้ของกลางที่ได้ทำสัญญาให้จำเลยเฝ้าระวังหายไปทั้งหมด 5 ท่อน จึงทวงถามให้จำเลยชำระเบี้ยปรับตามสัญญา จำเลยไม่ชำระ จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะนับแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2517 อันเป็นวันที่โจทก์ทราบว่าไม้ของกลางหายไปจนบัดนี้เกิน 6 เดือนแล้ว โจทก์มิได้นำสืบในข้อนี้ ถือว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้วตั้งแต่วันนั้นและถือว่าเป็นวันสิ้นสัญญา เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องคดีภายใน 6 เดือน นับแต่วันสิ้นสัญญาดังกล่าว คดีของโจทก์ขาดอายุความ
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2521)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสัญญาฝากทรัพย์: การครอบครองไม้ของกลางและการบอกเลิกสัญญา
โจทก์จำเลยทำสัญญากันมีข้อความเป็นสารสำคัญว่าโจทก์มอบไม้ ของกลางให้จำเลยจัดการขนย้ายจากสถานีตำรวจภูธรตำบลกำพวนไปเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัยบริเวณหมู่ที่ 2 ตำบลบางหินอำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง แล้วจำเลยต้องเก็บรักษาไม้ของกลางไว้เป็นการชั่วคราวในอารักขาแห่งตนอันเป็นการยอมให้จำเลยครอบครองไม้ของกลางแทนโจทก์สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาฝากทรัพย์ และคดี มีอายุความฟ้องร้องภายใน 6 เดือนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 671
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2517 เจ้าหน้าที่ของโจทก์ตรวจพบว่าไม้ของกลางที่ได้ทำสัญญาให้จำเลยเฝ้ารักษาหายไปทั้งหมด 5 ท่อน จึงทวงถามให้จำเลยชำระเบี้ยปรับตามสัญญา จำเลยไม่ชำระ จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะนับแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2517 อันเป็นวันที่โจทก์ทราบว่าไม้ของกลางหายไปจนบัดนี้เกิน 6 เดือนแล้ว โจทก์มิได้นำสืบในข้อนี้ ถือว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้วตั้งแต่วันนั้นและถือว่าเป็นวันสิ้นสัญญา เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องคดีภายใน 6 เดือน นับแต่วันสิ้นสัญญาดังกล่าว คดีของโจทก์ขาดอายุความ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2521)
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2517 เจ้าหน้าที่ของโจทก์ตรวจพบว่าไม้ของกลางที่ได้ทำสัญญาให้จำเลยเฝ้ารักษาหายไปทั้งหมด 5 ท่อน จึงทวงถามให้จำเลยชำระเบี้ยปรับตามสัญญา จำเลยไม่ชำระ จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะนับแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2517 อันเป็นวันที่โจทก์ทราบว่าไม้ของกลางหายไปจนบัดนี้เกิน 6 เดือนแล้ว โจทก์มิได้นำสืบในข้อนี้ ถือว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้วตั้งแต่วันนั้นและถือว่าเป็นวันสิ้นสัญญา เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องคดีภายใน 6 เดือน นับแต่วันสิ้นสัญญาดังกล่าว คดีของโจทก์ขาดอายุความ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2521)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฝากทรัพย์ vs. เช่าที่จอดรถ: ศาลฎีกาชี้ขาดตามการปฏิบัติจริง แม้มีเอกสารระบุเป็นค่าเช่า
นำรถยนต์ไปจอดไว้ที่ปั๊มน้ำมัน โดยมอบกุญแจรถแก่ลูกจ้างเจ้าของปั๊ม จอดไม่ประจำที่ แม้จะมีประกาศปิดไว้ที่ปั๊มและในใบเสร็จระบุว่าเป็นเรื่องให้เช่าและค่าเช่าสถานที่จอดรถ ก็ไม่หักล้างการปฏิบัติซึ่งเป็นการฝากทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2584/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องในสัญญาฝากทรัพย์: ผู้เช่าซื้อรถไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้รับฝากโดยตรง
โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์พิพาทมาและได้ให้ พ. เช่าไปวันเกิดเหตุ พ. นำรถคันดังกล่าวไปฝากไว้ในสถานที่จอดรถของภัตตาคารซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของ โดยจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ลูกจ้างจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่บริการและเป็นผู้รับฝาก ต่อจากนั้น พ. กับพวกได้เข้าไปรับประทานอาหารในภัตตาคารดังกล่าว เมื่อกลับออกมาจะขอรับรถคืน ปรากฏว่ารถถูกคนร้ายลักไป ดังนี้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ฐานผิดสัญญาฝากทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องระหว่าง พ. กับจำเลย และโจทก์มิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถพิพาท ขณะเกิดเหตุรถอยู่ในความครอบครองของ พ. กรณีมิใช่จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2584/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องในสัญญาฝากทรัพย์: ผู้เช่าซื้อรถยนต์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับฝากทรัพย์โดยตรง
โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์พิพาทมาและได้ให้ พ.เช่าไป วันเกิดเหตุ พ.นำรถคันดังกล่าวไปฝากไว้ในสถานที่จอดรถของภัตตาคารซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของโดยจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ลูกจ้างจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่บริการและเป็นผู้รับฝากต่อจากนั้น พ.กับพวกได้เข้าไปรับประทานอาหารในภัตตาคารดังกล่าว เมื่อกลับออกมาจะขอรับรถคืนปรากฏว่ารถถูกคนร้ายลักไป ดังนี้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ฐานผิดสัญญาฝากทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องระหว่าง พ.กับจำเลย และโจทก์มิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถพิพาท ขณะเกิดเหตุรถอยู่ในความครอบครองของ พ.กรณีมิใช่จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1801/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับฝากทรัพย์กรณีทรัพย์สินสูญหายจากการประมาทเลินเล่อ
การฝากทรัพย์ที่มีบำเหน็จค่าฝาก ผู้รับฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินที่ฝากเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์ดังนั้น ทั้งนี้ย่อมรวมทั้งการใช้ฝีมืออันพิเศษเฉพาะการในการที่จะพึงใช้ฝีมือเช่นนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 วรรคสอง
จำเลยที่ 1 เจ้าของปั๊มน้ำมันรับฝากรถยนต์ของโจทก์ไว้และรับเงินค่ารับฝาก เมื่อรถยนต์สูญหายโดยนำสืบไม่ได้ว่าสูญหายเพราะเหตุใด ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อขาดความระมัดระวัง จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 1 เจ้าของปั๊มน้ำมันรับฝากรถยนต์ของโจทก์ไว้และรับเงินค่ารับฝาก เมื่อรถยนต์สูญหายโดยนำสืบไม่ได้ว่าสูญหายเพราะเหตุใด ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อขาดความระมัดระวัง จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้รับฝากทรัพย์ กรณีรถยนต์สูญหาย และอายุความฟ้องคดี
บ. เอารถยนต์ของ บ. ประกันภัยการสูญหายไว้กับโจทก์และฝากรถยนต์นั้นไว้กับจำเลย รถหาย โจทก์ได้จ่ายเงินค่าประกันภัยให้ บ. แล้วจึงรับช่วงสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลย กรณีมิใช่เป็นการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 671 ซึ่งเป็นอายุความใช้สิทธิเรียกร้องในความรับผิดเพื่อใช้เงินค่าบำเหน็จ ค่าใช้จ่ายและค่าสินไหมทดแทนเกี่ยวแก่การฝากทรัพย์ หากเป็นกรณีเกี่ยวกับเรื่องฟ้องเรียกร้องให้ชดใช้ราคาทรัพย์ซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
โจทก์จำเลยท้ากันข้อหนึ่งว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องเกี่ยวกับรถยนต์ซึ่ง บ. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือไม่ ตามคำท้าดังกล่าวมีความหมายชัดตามตัวอักษรว่ารับกันว่า บ. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ จำเลยจะอ้างว่าไม่มีเจตนาให้เป็นดังข้อท้าหาได้ไม่ แม้เอกสารที่รับกันจะมีข้อความว่า ส. เป็นผู้เอาประกันภัยและเป็นผู้ฝากรถ ก็ต้องฟังว่า บ. เป็นเจ้าของรถที่แท้จริงตามที่คู่ความรับกันและ ส. มีชื่อตามเอกสารดังกล่าวแต่ในนามแทน บ. เท่านั้น
โจทก์จำเลยท้ากันข้อหนึ่งว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องเกี่ยวกับรถยนต์ซึ่ง บ. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือไม่ ตามคำท้าดังกล่าวมีความหมายชัดตามตัวอักษรว่ารับกันว่า บ. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ จำเลยจะอ้างว่าไม่มีเจตนาให้เป็นดังข้อท้าหาได้ไม่ แม้เอกสารที่รับกันจะมีข้อความว่า ส. เป็นผู้เอาประกันภัยและเป็นผู้ฝากรถ ก็ต้องฟังว่า บ. เป็นเจ้าของรถที่แท้จริงตามที่คู่ความรับกันและ ส. มีชื่อตามเอกสารดังกล่าวแต่ในนามแทน บ. เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับเงินและหน้าที่คืนเงิน แม้รายละเอียดการส่งมอบจะต่างกันเล็กน้อย ศาลยังคงบังคับคดีได้หากพิสูจน์ได้ว่าจำเลยได้รับเงินจริง
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าได้ฝากเงินจำเลยไว้ แต่นำสืบว่าโจทก์ได้ฝากเงินให้จำเลยไปฝากธนาคารนั้น เป็นเรื่องการแตกต่างกันเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น ข้อใหญ่ใจความของคดีคงอยู่ที่ว่า โจทก์ได้อ้างว่าเงินของโจทก์อยู่ที่จำเลย และขอให้จำเลยส่งคืนซึ่งข้อนี้จำเลยได้ให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่เคยได้รับฝากเงินจากโจทก์ไว้เลยในวันที่โจทก์อ้างตามฟ้องนั้น จำเลยก็ไม่ได้รับเงินไว้จากโจทก์ ฉะนั้น หากทางพิจารณาคดีฟังได้ว่าจำเลยได้รับเงินของโจทก์ไว้ ศาลก็ชอบที่จะบังคับตามคำขอท้ายฟ้องให้จำเลยคืนเงินให้แก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของโรงแรมต่อความเสียหายของรถยนต์ที่จอดไว้ และประเด็นการนำสืบพยานที่ไม่ชัดเจน
บรรยายฟ้องว่ารถยนต์คันพิพาทได้เสียหายอะไรบ้าง ประมาณค่าเสียหายรวมกันเป็นเงินจำนวนหนึ่งดังรายการเอกสารท้ายฟ้องซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรค 2 โดยไม่จำต้องกล่าวว่าเสียหายรายการใด ราคาเท่าใด เพราะเป็นรายละเอียดซึ่งจะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา
จำเลยเป็นบริษัทจำกัด ประกอบธุรกิจการโรงแรม โจทก์ที่ 1 ได้มาพักโรงแรมจำเลย และนำรถยนต์คันพิพาทที่ยืมโจทก์ที่ 2 มาจอดไว้ในบริเวณโรงแรม แล้วเกิดเสียหายขึ้น กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงแรม ต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 และ 675 มาปรับแก่คดีมิใช่เป็นเรื่องฝากทรัพย์ตามธรรมดาทั่วไป จำเลยต้องรับผิดต่อเจ้าของรถ โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ทำให้เกิดความเสียหายเป็นลูกจ้างของจำเลยหรือไม่
จำเลยนำสืบว่าโจทก์ที่ 1 ใช้ลูกจ้างจำเลยช่วยขับรถยนต์คันพิพาทไปเติมน้ำมันแต่ตามคำให้การจำเลยมิได้กล่าวไว้ให้ชัดแจ้งที่จำเลยนำสืบ ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยไม่มีข้อต่อสู้และไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ แม้ศาลชั้นต้นยอมให้จำเลยสืบพยานมา ก็หาก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อต่อสู้ขึ้นไม่ และไม่อาจนำพยานจำเลยไม่ถูกต้องนี้มาวินิจฉัยได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยเป็นบริษัทจำกัด ประกอบธุรกิจการโรงแรม โจทก์ที่ 1 ได้มาพักโรงแรมจำเลย และนำรถยนต์คันพิพาทที่ยืมโจทก์ที่ 2 มาจอดไว้ในบริเวณโรงแรม แล้วเกิดเสียหายขึ้น กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงแรม ต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 และ 675 มาปรับแก่คดีมิใช่เป็นเรื่องฝากทรัพย์ตามธรรมดาทั่วไป จำเลยต้องรับผิดต่อเจ้าของรถ โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ทำให้เกิดความเสียหายเป็นลูกจ้างของจำเลยหรือไม่
จำเลยนำสืบว่าโจทก์ที่ 1 ใช้ลูกจ้างจำเลยช่วยขับรถยนต์คันพิพาทไปเติมน้ำมันแต่ตามคำให้การจำเลยมิได้กล่าวไว้ให้ชัดแจ้งที่จำเลยนำสืบ ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยไม่มีข้อต่อสู้และไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ แม้ศาลชั้นต้นยอมให้จำเลยสืบพยานมา ก็หาก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อต่อสู้ขึ้นไม่ และไม่อาจนำพยานจำเลยไม่ถูกต้องนี้มาวินิจฉัยได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักษณะสัญญา: สัญญาจ้างแรงงาน vs. สัญญาฝากทรัพย์ และอายุความการฟ้องเรียกค่าปรับ
สัญญาที่โจทก์จำเลยทำกันไว้ระบุชื่อว่า "สัญญาจ้างเฝ้ารักษา" มีข้อกำหนดว่าผู้ว่าจ้าง (โจทก์) ตกลงให้ค่าจ้างแก่ผู้รับจ้าง(จำเลย) เฝ้ารักษาไม้ของกลางโดยคิดค่าจ้างเฝ้ารักษาเป็นเงิน 4,500 บาท จนกว่าผู้จ้างจะรับไม้ของกลางคืน หากไม้ของกลางสูญหายหรือเป็นอันตราย ผู้รับจ้างยอมให้ปรับไหมเป็นรายลูกบาศก์เมตร ระหว่างนั้นผู้จ้างอาจขนไม้ของกลางทั้งหมดหรือบางส่วนไปจากที่เดิมในเวลาใดๆ ก็ได้ แต่ต้องแจ้งให้ผู้รับจ้างทราบ และทำใบรับไม้ของกลางไว้ ทั้งตามบัญชีรายการไม้ของกลางต่อท้ายสัญญา ก็ระบุว่าไม้ของกลางอยู่ที่ป่าใดด้วย ทำสัญญาแล้วก็ไม่ปรากฏว่าผู้รับจ้างได้ชักลากไม้ของกลางจากป่านั้นไปเก็บรักษาไว้ในความอารักขาของตนเแต่อย่างใด ไม้ยังคงอยู่ที่เดิม พฤติการณ์ดังนี้แสดงว่าอำนาจครอบครองไม้ของกลางยังอยู่แก่ผู้ว่าจ้าง ผู้รับจ้างเพียงแต่เฝ้ารักษาระวังไม่ให้เป็นอันตรายหรือสูญหายไปเท่านั้น สัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาจ้างแรงงานหาใช่เป็นสัญญาฝากทรัพย์ไม่(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 685/2512)
การฟ้องให้ผู้รับจ้างใช้เบี้ยปรับ เพราะไม้ของกลางดังกล่าวสูญหายไปมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เมื่อนับตั้งแต่วันที่ไม้ของกลางหายไปจนถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี จึงหาขาดอายุความไม่
การฟ้องให้ผู้รับจ้างใช้เบี้ยปรับ เพราะไม้ของกลางดังกล่าวสูญหายไปมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เมื่อนับตั้งแต่วันที่ไม้ของกลางหายไปจนถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี จึงหาขาดอายุความไม่