คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 318

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 27 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5776/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินบังคับคดีค่าจ้าง จำเลยมีสิทธิขอหักภาษีเฉพาะเงินที่จ่ายในคราวนั้น มิใช่รวมกับเงินที่จ่ายไปก่อน
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายนั้น ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 จตุทศ, 50, 52 ให้บุคคลผู้มีหน้าที่จ่ายเงินได้พึงประเมินหักภาษีเงินได้ทุกคราวที่มีการจ่ายเงินได้พึงประเมินเกี่ยวกับค่าจ้างและนำส่ง ณ ที่ว่าการอำเภอภายใน 7 วัน จำเลยที่ 1 ผู้มีหน้าที่จ่ายเงินได้พึงประเมินต้องหักภาษีทุกคราวที่มีการจ่าย ถ้าจำเลยที่ 1 มิได้หักและนำส่งเงินภาษีให้ถูกต้อง จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดร่วมกับโจทก์ที่ 1 ผู้มีเงินได้พึงประเมินด้วยตามมาตรา 54 แห่งประมวลรัษฎากร เช่นนี้ ย่อมเห็นได้ว่าเงินภาษีหัก ณ ที่จ่าย ถ้าจำเลยที่ 1 เป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินให้โจทก์ที่ 1 โดยตรงจำเลยที่ 1 มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายในคราวที่จ่ายและนำส่งให้ถูกต้อง แต่เงินซึ่งได้จากการบังคับคดีสำหรับค่าจ้างที่ค้างชำระ เจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้จ่ายให้โจทก์ที่ 1 กรณีเช่นนี้ถือว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินได้พึงประเมินให้โจทก์ที่ 1 แทนจำเลยที่ 1 เท่ากับจำเลยที่ 1 เป็นผู้จ่ายเองจำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิจะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกักเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายไว้ได้ เพื่อจะได้ส่งเป็นเงินภาษีต่อไป
การหักภาษี ณ ที่จ่ายต้องหักทุกคราวที่มีการจ่าย เมื่อจ่ายเงินได้พึงประเมินในคราวใดเป็นจำนวนเท่าใด ก็ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับเงินได้พึงประเมินในการจ่ายในคราวนั้นแต่จำนวนเงินที่จำเลยที่ 1 ขอให้กักไว้เป็นภาษี ณ ที่จ่ายในคดีนี้ จำเลยที่ 1 คิดจากเงินได้พึงประเมินทั้งหมดที่จำเลยที่ 1 จ่ายให้แก่โจทก์ที่ 1 รวมทั้งค่าจ้างที่จ่ายไปก่อนแล้ว แต่จำเลยที่ 1 มิได้หักภาษีไว้ดังนั้นจะเอาเงินได้พึงประเมินที่จ่ายไปก่อนแล้วมาคิดหักเป็นภาษีในคราวนี้ด้วยย่อมไม่ชอบ จำเลยที่ 1คงมีสิทธิขอหักภาษี ณ ที่จ่ายเฉพาะเงินได้พึงประเมินเกี่ยวกับค่าจ้างสำหรับการจ่ายในคราวนี้เท่านั้น
เงินดอกเบี้ยของค่าจ้างมิใช่ค่าจ้างที่จะหักภาษี ณ ที่จ่ายอย่างค่าจ้างได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6486/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยจากเงินขายทอดตลาด: การบังคับคดีไม่สมบูรณ์จนกว่าศาลฎีกาจะอ่านคำพิพากษา
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยและผู้ค้ำประกันจำเลยที่โจทก์นำยึดไว้ จำเลยและผู้ค้ำประกันยื่นคำร้องคัดค้านให้ยกเลิกการขายและขอให้ขายใหม่ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งแล้ว จำเลยก็อุทธรณ์ฎีกา ทำให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่อาจจ่ายเงินจากการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ได้ การที่โจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษา ถือว่าการบังคับคดียังไม่เสร็จบริบูรณ์จนกว่าจะได้มีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยจากเงินที่ขายทอดตลาดได้ซึ่งเป็นจำนวนน้อยกว่าเงินต้นที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์ จนถึงวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่คิดดอกเบี้ยดังกล่าวให้โจทก์นั้น โจทก์ไม่จำต้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นภายใน 8 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี เพราะมิใช่เป็นเรื่องเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง แต่เป็นกรณีวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเมื่อใดและจำนวนเท่าใด กรณีจึงไม่ต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3102/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการหักภาษี ณ ที่จ่ายจากการขายทอดตลาด: สิทธิของเจ้าหนี้และหน้าที่ของผู้ซื้อ
โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีตามคำพิพากษา มีสิทธิคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ให้กันเงินจากการขายทอดตลาดไว้เป็นค่าภาษีเงินได้
เงินรายได้จากการขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(8) และผู้ซื้อเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมิน มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ตามมาตรา50(5)(ข) และนำส่งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในขณะที่มีการจดทะเบียนตามมาตรา 52 วรรค 2 เมื่อผู้ซื้อได้จ่ายเงินตามสัญญาขายทอดตลาดและมอบเงินที่ผู้ซื้อมีหน้าที่หักไว้เป็นภาษีแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีด้วย เงินจำนวนดังกล่าวเป็นภาษีเงินได้ที่ผู้ซื้อจะต้องนำส่งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมถือไม่ได้ว่าเป็นเงินรายได้สุทธิที่ได้จากการขายทอดตลาดที่จะนำไปจ่ายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ไม่มีสิทธิขอรับเงินจำนวนดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3102/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการหักภาษีจากการขายทอดตลาด: สิทธิของเจ้าหนี้และหน้าที่ของผู้ซื้อ
โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีตามคำพิพากษา มีสิทธิคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ให้กันเงินจากการขายทอดตลาดไว้เป็นค่าภาษีเงินได้
เงินรายได้จากการขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 (8) และผู้ซื้อเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมิน มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ตามมาตรา 50 (5) (ข) และนำส่งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในขณะที่มีการจดทะเบียนตามมาตรา 52 วรรค 2 เมื่อผู้ซื้อได้จ่ายเงินตามสัญญาขายทอดตลาดและมอบเงินที่ผู้ซื้อมีหน้าที่หักไว้เป็นภาษีแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีด้วย เงินจำนวนดังกล่าวเป็นภาษีเงินได้ที่ผู้ซื้อจะต้องนำส่งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมถือไม่ได้ว่าเป็นเงินรายได้สุทธิที่ได้จากการขายทอดตลาดที่จะนำไปจ่ายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ไม่มีสิทธิขอรับเงินจำนวนดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการชำระหนี้จากทรัพย์สินจำนอง เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับเงินจากการขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้
เดิมโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ แล้วตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความผ่อนชำระหนี้เป็นงวด ๆ ภายใน 12 ปีโดยจำเลยจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไว้เป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ดังนั้นเมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำเลยจำนองนั้นโดยติดจำนอง เงินที่ได้มาเมื่อหักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีแล้วจึงต้องนำมาจ่ายให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 318

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมบังคับคดี: ผู้แพ้คดีไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์สินหากไม่มีการขาย
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมผู้แพ้คดีใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์นั้น จำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมต้องรับผิดเฉพาะค่าฤชาธรรมเนียมก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเท่านั้น ส่วนกรณียึดทรัพย์สินซึ่งมิใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5(3)ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นเป็นค่าฤชาธรรมเนียมที่เกิดขึ้นภายหลัง จำเลยผู้แพ้คดีหาต้องรับผิดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ไม่
โจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยร่วม จึงถือได้ว่าโจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 เมื่อไม่มีการขายหรือจำหน่ายโจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง5(3) ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าว หาใช่จำเลยผู้แพ้คดีจะต้องเป็นผู้ชำระไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: ผู้แพ้คดีไม่ต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์หากไม่มีการขายทอดตลาด
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมผู้แพ้คดีใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์นั้น จำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมต้องรับผิดเฉพาะค่าฤชาธรรมเนียมก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเท่านั้น ส่วนกรณียึดทรัพย์สินซึ่งมิใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5 (3) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นเป็นค่าฤชาธรรมเนียมที่เกิดขึ้นหลัง จำเลยผู้แพ้คดีหาต้องรับผิดใช้ค่าธรรมเนียมแทนโจทก์ไม่
โจทก์เป็นผู้ดำเนินการกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยร่วม จึงถือได้ว่าโจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอยางอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 เมื่อไม่มีการขายหรือจำหน่ายโจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 (3) ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าว หาใช่จำเลยผู้แพ้คดีจะต้องเป็นผู้ชำระไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินมัดจำจากการขายทอดตลาดบังคับคดี: สิทธิของเจ้าหนี้และขั้นตอนการรับชำระหนี้
เงินที่ผู้ประมูลซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดได้นำมาวางศาลเป็นเงินมัดจำนั้น แม้ผู้ซื้อผิดสัญญาและศาลสั่งริบเงินมัดจำ ก็หาทำให้เงินที่ศาลสั่งริบตกเป็นรายได้ของแผ่นดินไม่ แต่ถือว่าเงินจำนวนดังกล่าวนี้เป็นเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ในการบังคับคดีซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีในฐานะเป็นผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะได้รวบรวมไว้เพื่อเอาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต่อไป
เมื่อการขายทอดตลาดยังไม่แล้วเสร็จ ศาลชั้นต้นสั่งให้ขายทอดตลาดใหม่ แม้ว่าเงินมัดจำที่ศาลสั่งริบจะถือว่าเป็นเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยลูกหนี้โจทก์ก็ยังไม่มีสิทธิขอรับไปจากศาล แต่จะต้องให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินให้เสร็จและหักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีไว้เสียก่อน จึงจะจ่ายเงินให้แก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 318,319

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินมัดจำจากการขายทอดตลาดบังคับคดี: สิทธิของเจ้าหนี้และการจัดการเงินหลังการยกเลิกการขาย
เงินที่ผู้ประมูลซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดได้นำมาวางศาลเป็นเงินมัดจำนั้น แม้ผู้ซื้อผิดสัญญาและศาลสั่งริบเงินมัดจำ ก็หาทำให้เงินที่ศาลสั่งริบตกเป็นรายได้ของแผ่นดินไม่ แต่ถือว่าเงินจำนวนดังกล่าวนี้เป็นเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ในการบังคับคดี ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีในฐานะเป็นผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะได้รวบรวมไว้ เพื่อเอาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต่อไป
เมื่อการขายทอดตลาดยังไม่แล้วเสร็จ ศาลชั้นต้นสั่งให้ขายทอดตลาดใหม่ แม้ว่าเงินมัดจำที่ศาลสั่งริบจะถือว่าเป็นเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยลูกหนี้ โจทก์ก็ยังไม่มีสิทธิขอรับไปจากศาล แต่จะต้องให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินให้เสร็จและหักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีไว้เสียก่อน จึงจะจ่ายเงินให้แก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 318, 319

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2877/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดค่าฤชาธรรมเนียมบังคับคดีตกแก่คู่ความที่แพ้คดี แม้ผู้ร้องได้รับประโยชน์จากการขายทอดตลาดก็ไม่ต้องรับผิด
ความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 วรรคสองให้รวมถึงค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีด้วย ย่อมตกแก่คู่ความเฉพาะฝ่ายที่แพ้คดี จำเลยเป็นคู่ความและเป็นฝ่ายที่แพ้คดีจำเลยจึงต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมแต่ผู้เดียวผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาของจำเลยยื่นคำร้องเข้ามาในชั้นบังคับคดีขอรับส่วนแบ่งจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด มิได้เป็นคู่ความที่แพ้คดีด้วย จึงไม่มีส่วนต้องรับผิดร่วมด้วยในค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี (อ้างฎีกาที่ 193/2502)
มาตรา 153(2),318 และ 319 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นบทบัญญัติกำหนดวิธีการจ่ายเงิน โดยให้หักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีออกจากเงินได้จากการขายทรัพย์เสียก่อน เหลือเงินสุทธิเท่าใดจึงจ่ายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา หาใช่เป็นบทบัญญัติที่กำหนดความรับผิดในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความไม่
of 3