พบผลลัพธ์ทั้งหมด 208 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่สมบูรณ์ – ศาลฎีกายกฟ้อง เพราะแม้ฟ้องสมบูรณ์ก็ไม่ทำให้จำเลยมีความผิด
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยอาศัยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายด้วยสำหรับข้อเท็จจริงเป็นอันเสร็จเด็ดขาดแล้ว ฎีกาของโจทก์ในข้อกฎหมายที่ว่า ฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วนั้น แม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยไปก็ไม่มีประโยชน์ หากจะฟังว่าฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ ก็ไม่ทำให้โจทก์ได้รับประโยชน์ เพราะจะเอาความผิดแก่จำเลยมิได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ เพราะไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยหากไม่ปฏิบัติตามวิธีพิจารณา
การที่จะเชื่อหรือฟังว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 369/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยนอกเหนือพยานหลักฐาน ศาลฎีกามีอำนาจไม่รับฟังและพิพากษากลับได้
กรณีที่เป็นการวินิจฉัยนอกคำพยานหลักฐานในสำนวนเมื่อข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาเป็นการวินิจฉัยนอกคำพยานหลักฐานในสำนวนศาลฎีกาย่อมไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยนอกสำนวนนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 369/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกาไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกคำพยานหลักฐาน และพิพากษากลับได้
กรณีที่เป็นการวินิจฉัยนอกคำพยานหลักฐานในสำนวน
เมื่อข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาเป็นการวินิจฉัยนอกคำพยานหลักฐานในสำนวน ศาลฎีกาย่อมไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยนอกสำนวนนั้น
เมื่อข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาเป็นการวินิจฉัยนอกคำพยานหลักฐานในสำนวน ศาลฎีกาย่อมไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยนอกสำนวนนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฉ้อโกงต้องมีองค์ประกอบการหลงเชื่อจำเลยโดยตรง หากผู้เสียหายหลงเชื่อผู้อื่น การกระทำของจำเลยไม่ถือเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย
เมื่อข้อเท็จจริงในห้องสำนวนปรากฏว่า ผู้เสียหายมอบเงินให้แก่ผู้แทนผู้เสียหายไปรับจำนองแทนผู้เสียหายเพราะเชื่อตามที่ผู้แทนบอกเช่นนี้และศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าผู้เสียหายหลงเชื่อจำเลยดังนี้เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงไม่ตรงกับความจริง ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยเสียใหม่ให้ตรงความจริงได้
เมื่อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ร้องทุกข์ มิได้เสียหายเนื่องจากหลงเชื่อการกระทำของจำเลยแล้วก็ย่อมขาดองค์สำคัญแห่งความผิดฐานฉ้อโกง จะลงโทษจำเลยหาได้ไม่.
เมื่อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ร้องทุกข์ มิได้เสียหายเนื่องจากหลงเชื่อการกระทำของจำเลยแล้วก็ย่อมขาดองค์สำคัญแห่งความผิดฐานฉ้อโกง จะลงโทษจำเลยหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฉ้อโกงต้องเกิดจากการหลงเชื่อจำเลยโดยตรง หากผู้เสียหายหลงเชื่อผู้อื่นและส่งทรัพย์ให้ผู้นั้น ไม่ถือว่าเสียหายจากการฉ้อโกงของจำเลย
เมื่อข้อเท็จจริงในท้องสำนวนปรากฏว่า ผู้เสียหายมอบเงินให้แก่ผู้แทนผู้เสียหายไปรับจำนองแทนผู้เสียหาย เพราะเชื่อตามที่ผู้แทนบอกเช่นนี้ และศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าผู้เสียหายหลงเชื่อจำเลย ดังนี้เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงไม่ตรงกับความจริง ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยเสียใหม่ให้ตรงความจริงได้
เมื่อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ร้องทุกข์ มิได้เสียหายเนื่องจากหลงเชื่อการกระทำของจำเลยแล้ว ก็ย่อมขาดองค์สำคัญแห่งความผิดฐานฉ้อโกง จะลงโทษจำเลยหาได้ไม่
เมื่อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ร้องทุกข์ มิได้เสียหายเนื่องจากหลงเชื่อการกระทำของจำเลยแล้ว ก็ย่อมขาดองค์สำคัญแห่งความผิดฐานฉ้อโกง จะลงโทษจำเลยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิดทางอาญา: การประเมินจากพฤติการณ์และข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
จำเลยกระทำอย่างไรเป็นปัญหาข้อเท็จจริง แต่การกระทำนั้นจะเป็นความผิดหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ในการวินิจฉัยข้อกฎหมายจำต้องอาศัยข้อเท็จจริงต่างๆประกอบ เมื่อขาดข้อเท็จจริงบางอย่างเช่นขวากวางห่างหัวคันนาเพียงใด แล้วก็หาอาจวินิจฉัยได้ไม่ว่าจำเลยมีเจตนาจะให้ผู้เดินนอกนาต้องได้รับบาดเจ็บจากขวาก
ในการวินิจฉัยข้อกฎหมายจำต้องอาศัยข้อเท็จจริงต่างๆประกอบ เมื่อขาดข้อเท็จจริงบางอย่างเช่นขวากวางห่างหัวคันนาเพียงใด แล้วก็หาอาจวินิจฉัยได้ไม่ว่าจำเลยมีเจตนาจะให้ผู้เดินนอกนาต้องได้รับบาดเจ็บจากขวาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาความผิดอาญา: การวางขวากกีดขวางทางเดินและการพิสูจน์เจตนาทำร้าย
จำเลยกระทำอย่างไรเป็นปัญหาข้อเท็จจริง แต่การกระทำนั้นจะเป็นความผิดหรือไม่เป็นปัญหาข้อ ก.ม.
ในการวินิจฉัยข้อกฎหมายจำต้องอาศัยข้อเท็จจริงต่าง ๆ ประกอบ เมื่อขาดข้อเท็จจริงบางอย่างเช่นขวากวางห่างหัวคันนาเพียงใดแล้วก็หาอาจวินิจฉัยได้ไม่ว่าจำเลยมีเจตนาจะให้ผู้เดินนอกนาต้องได้รับบาดเจ็บจากขวาก.
ในการวินิจฉัยข้อกฎหมายจำต้องอาศัยข้อเท็จจริงต่าง ๆ ประกอบ เมื่อขาดข้อเท็จจริงบางอย่างเช่นขวากวางห่างหัวคันนาเพียงใดแล้วก็หาอาจวินิจฉัยได้ไม่ว่าจำเลยมีเจตนาจะให้ผู้เดินนอกนาต้องได้รับบาดเจ็บจากขวาก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานขุดดินรุกล้ำทางหลวง: การตีความความผิดตามมาตรา 336(2) และ 336(13) แห่งประมวลกฎหมายอาญา
การที่ขุดพื้นดินยกคันนาล้ำทางหลวงย่อมเป็นความผิดตาม ม.336(13) หาใช่ตาม ม.336(2) ไม่
เมื่อศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ตามมาตราหนึ่งโจทก์มิได้อุทธรณ์คดีจึงเป็นอันยุติ โจทก์จะฎีกาต่อมาขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรานั้นหาได้ไม่.
เมื่อศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ตามมาตราหนึ่งโจทก์มิได้อุทธรณ์คดีจึงเป็นอันยุติ โจทก์จะฎีกาต่อมาขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรานั้นหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดทางอาญาจากการขุดดินรุกล้ำทางหลวง: การจำกัดสิทธิในการอุทธรณ์และการฎีกา
การที่ขุดพื้นดินยกคันนาล้ำทางหลวงย่อมเป็นความผิดตามมาตรา 336(13) หาใช่ตาม มาตรา 336(2) ไม่
เมื่อศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ตามมาตราหนึ่งโจทก์มิได้อุทธรณ์คดีจึงเป็นอันยุติ โจทก์จะฎีกาต่อมาขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรานั้นหาได้ไม่
เมื่อศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ตามมาตราหนึ่งโจทก์มิได้อุทธรณ์คดีจึงเป็นอันยุติ โจทก์จะฎีกาต่อมาขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรานั้นหาได้ไม่