คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 222

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 208 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมให้รวมเงินที่ถูกยักยอกเป็นราคาสินค้า ทำให้สิทธิเรียกร้องในความผิดยักยอกระงับ
จำเลยได้ทำใบรับเงินให้แก่ผู้เสียหาย 1 ฉบับ มีข้อความว่าจำเลยได้รับเงินจากผู้เสียหาย 1 หมื่นบาท เพื่อซื้อแร่จากจังหวัดยะลามาให้ผู้เสียหาย แล้วจำเลยได้กลับมาแจ้งแก่ผู้เสียหายว่าได้เอาเงิน 7000 บาท ไปวางมัดจำสำหรับทำสัญญาซื้อแร่ และได้นำเงินที่เหลือมาคืน ต่อมาจำเลยจึงได้ทำสัญญาขายฝากโรงงานถลุงแร่ของจำเลยแก่ผู้เสียหาย จำนวนราคาขายฝากให้ถือเอาหลักฐานที่จำเลยทำไว้กับผู้เสียหาย คือ สัญญากู้ยืม และรับเงินรวม 3 ฉบับ และจำนวนเงิน 1 หมื่นบาท ดังกล่าวข้างต้นได้รวมอยู่เป็นค่าซื้อฝากโรงงานด้วย หลังจากทำสัญญาขายฝากแล้ว ผู้เสียหายจึงได้ทราบว่าจำเลยยักยอกเอาเงิน 7000 บาทซึ่งอ้างว่าไปวางมัดจำซื้อแร่นั้น เอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย
การที่ผู้เสียหายตกลงทำสัญญากับจำเลย เอาเงินที่หาว่าจำเลยยักยอกไปรวมเป็นราคาค่าซื้อฝากขอโรงงานของจำเลยเสร็จไปแล้วนั้น ผู้เสียหายจะกลับรื้อฟื้นขึ้นมาว่ากล่าวฟ้องร้องไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งขอให้คืนเงินรายนี้ หรือทางอาญาขอให้ลงโทษฐานยักยอก เพราะการตกลงกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นนั้น มีผลเป็นการยินยอมไม่ติดใจว่ากล่าวในเงินรายนี้แล้ว
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในท้องสำนวน ศาลฎีกาไม่จำต้องถือตามและมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยินยอมไม่ติดใจว่ากล่าวหลังทำสัญญาซื้อฝากแล้ว แม้มีการยักยอกก่อนหน้า สิทธิเรียกร้องย่อมระงับ
จำเลยได้ทำใบรับเงินให้แก่ผู้เสียหาย 1 ฉบับ มีข้อความว่าจำเลยได้รับเงินจากผู้เสียหาย 1 หมื่นบาทเพื่อซื้อแร่จากจังหวัดยะลามาให้ผู้เสียหายแล้วจำเลยได้กลับมาแจ้งแก่ผู้เสียหายว่าได้เอาเงิน 7000 บาท ไปวางมัดจำสำหรับทำสัญญาซื้อแร่ และได้นำเงินที่เหลือมาคืน ต่อมาจำเลยจึงได้ทำสัญญาขายฝากโรงงานถลุงแร่ของจำเลยแก่ผู้เสียหายจำนวนราคาขายฝากให้ถือเอาหลักฐานที่จำเลยทำไว้กับผู้เสียหาย คือสัญญากู้ยืม และรับเงินรวม 3 ฉบับและเงินจำนวน 1 หมื่นบาทดังกล่าวข้างต้นได้รวมอยู่เป็นค่าซื้อฝากโรงงานด้วย หลังจากทำสัญญาขายฝากแล้วผู้เสียหายจึงได้ทราบว่า จำเลยยักยอกเอาเงิน 7000 บาทซึ่งอ้างว่าไปวางมัดจำซื้อแร่นั้น เอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย
การที่ผู้เสียหายตกลงทำสัญญากับจำเลยเอาเงินที่หาว่าจำเลยยักยอกไปรวมเป็นราคาค่าซื้อฝากของโรงงานของจำเลยเสร็จไปแล้วนั้น ผู้เสียหายจะกลับรื้อฟื้นขึ้นมาว่ากล่าวฟ้องร้องไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งขอให้คืนเงินรายนี้หรือทางอาญาขอให้ลงโทษฐานยักยอก เพราะการตกลงกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นนั้น มีผลเป็นการยินยอมไม่ติดใจว่ากล่าวในเงินรายนี้แล้ว
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในท้องสำนวนศาลฎีกาไม่จำต้องถือตามและมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532-533/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขัดขวางเจ้าพนักงานและช่วยเหลือผู้กระทำผิด: การถืออาวุธข่มขู่ตำรวจขณะจับกุม
ถือไม้ตะพดยืนคุมเชิงอยู่ที่ประตูทางเข้าห้องเล่นการพนัน และพูดอ้างอำนาจนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาขู่เข็ญตำรวจที่มาทำการจับกุม มิให้ทำการจับกุมผู้เล่นการพนัน ดังนี้เป็นความผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 119
คู่ความฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย คู่ความก็ไม่ได้คัดค้านอย่างใด ดังนี้ ศาลฎีกาต้องถือว่าทั้งสองฝ่ายได้ยอมรับข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลอุทธรณ์เป็นยุติแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532-533/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขัดขวางเจ้าพนักงานจับกุมการพนัน และความผิดช่วยเหลือผู้กระทำผิด โดยจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์
ถือไม้ตะพดยืนคุมเชิงอยู่ที่ประตูทางเข้าห้องเล่นการพะนัน และพูดอ้างอำนาจนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาขู่เข็นตำรวจที่มาทำการจับกุม มิให้ทำการจับกุมผู้เล่นการพะนัน ดังนี้ เป็นความผิดตาม ก.ม.อาญา มาตรา 119.
คู่ความฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาฉะเพาะปัญหาข้อกฎหมาย คู่ความก็ไม่ได้คัดค้านอย่างใด ดังนี้ศาลฎีกาต้องถือว่าทั้งสองฝ่ายได้ยอมรับข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลอุทธรณ์เป็นยุตติแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินความผิดฐานทำร้ายร่างกาย: ด้ามไม้กวาดไม่ใช่สาตราวุธร้ายแรง
คดีที่มีแต่ฟ้องและคำรับ แม้ศาลล่างตัดสินต้องกันมา คู่ความก็ฎีกาว่าตามคำฟ้องและคำรับนั้นลงโทษฐานพยายามทำร้ายร่างกายได้
ใช้ด้ามไม้กวาดตีศรีษะแต่เขายกแขนรับ ไม่ถึงบาดเจ็ด ศาลลงโทษเพียงฐานทำร้ายไม่ถึงบาดเจ็ด ไม่ลงโทษฐานพยายามทำร้ายถึงบาดเจ็บตามมาตรา 254,60.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินความผิดฐานทำร้ายร่างกายเมื่อใช้ไม้กวาดตี แต่ผู้ถูกทำร้ายยกแขนป้องกันจนไม่ถึงบาดเจ็บ
คดีที่มีแต่ฟ้องและคำรับแม้ศาลล่างตัดสินต้องกันมา
คู่ความก็ฎีกาว่าตามคำฟ้องและคำรับนั้นลงโทษฐานพยายามทำร้ายร่างกายได้
ใช้ด้ามไม้กวาดตีศีรษะแต่เขายกแขนรับ ไม่ถึงบาดเจ็บ ศาลลงโทษเพียงฐานทำร้ายไม่ถึงบาดเจ็บ ไม่ลงโทษฐานพยายามทำร้ายถึงบาดเจ็บตามมาตรา 254,60

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2489

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรู้ร่วมคิดรับสินบน เจ้าพนักงานออกบัตรโดยมิชอบ และความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 สมคบกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ออกบัตรให้กรรมกรหยุดงานได้โดยมิได้กล่าวในฟ้องด้วยว่า จำเลยที่ 2 มีอำนาจออกบัตรนั้นด้วย ดังนี้ศาลก็คงลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมรู้กับจำเลยที่ 1 ได้
ฟ้องตอนแรกบรรยายว่าจำเลยรับเงินไว้เป็นสินน้ำใจตอนหลังว่าเป็นสินบน ดังนี้ไม่ใช่ฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อได้ความว่า จำเลยมีอำนาจออกบัตรให้กรรมกรหยุดงานเพราะป่วยได้แล้ว แม้ปรากฏว่าจำเลยได้ทำเตรียมบัตรนั้นไว้ก่อนได้รับมอบตัวกรรมกรก็ตาม จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานปลอมหนังสือในตำแหน่งหน้าที่ราชการ
ศาลอุทธรณ์มีความเห็นแย้ง แต่มิได้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ดังนี้จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบกันเรียกรับสินบนและปลอมแปลงเอกสารราชการ โดยจำเลยมีหน้าที่ออกบัตรอนุญาต
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 สมคบกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ออกบัตร์ให้กรรมกรหยุดงานได้โดยมิได้กล่าวในฟ้องด้วยว่า จำเลยที่ 2 มีอำนาจออกบัตร์นั้นด้วย ดังนี้ศาลก็คงลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมรู้กับจำเลยที่ 1 ได้
ฟ้องตอนแรกบรรยายว่าจำเลยรับเงินไว้เป็นสินน้ำใจ ตอนหลังว่าเป็นสินบน ดังนี้ไม่ใช่ฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อได้ความว่า จำเลยมีอำนาจออกบัตร์ให้กรรมกรหยุดงานเพราะป่วยได้แล้ว แม้ปรากฏว่าจำเลยได้ทำเตรียมบัตร์นั้นไว้ก่อนได้รับมอบตัวกรรมกรก็ตาม จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานปลอมหนังสือในตำแหน่งหน้าที่ราชการ
ศาลอุทธรณ์มีความเห็นแย้ง แต่มิได้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ดังนี้จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตเป็นองค์ประกอบความผิด ม.136-138 อาญา การอ้างไม่รู้กฎหมายใช้ไม่ได้เมื่อยังไม่ครบองค์ความผิด
ความผิดตาม ม.136,137,138 ผู้กระทำจะต้องมีเจตนาทุจริต
กำนันเรียกค่าเปรียบเทียบความโดยเข้าใจว่ามีสิทธิเรียกได้ดังนี้ ไม่มีความผิด
ปัญหาว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ข้อกฎหมายที่ไม่ยอมให้จำเลยยกเอาข้อที่ตัวไม่รู้กฎหมายมาเป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิดนั้น จะใช้ยันจำเลยได้ต่อเมื่อจำเลยได้กระทำผิดครบองค์ความผิดอันต้องมีโทษตาม ก.ม.ทุกประการแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2489

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตเป็นองค์ประกอบความผิดมาตรา 136-138 การอ้างไม่รู้กฎหมายใช้ไม่ได้หากยังไม่ครบองค์ความผิด
ความผิดตาม มาตรา 136,137,138 ผู้กระทำจะต้องมีเจตนาทุจริต
กำนันเรียกค่าเปรียบเทียบความโดยเข้าใจว่ามีสิทธิเรียกได้ดังนี้ ไม่มีความผิด
ปัญหาว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ข้อกฎหมายที่ไม่ยอมให้จำเลยยกเอาข้อที่ตัวไม่รู้กฎหมายมาเป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิดนั้น จะใช้ยันจำเลยได้ต่อเมื่อจำเลยได้กระทำผิดครบองค์ความผิดอันต้องมีโทษตามกฎหมายทุกประการแล้ว
of 21