คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 222

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 208 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2375/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีเช็ค: การผ่อนผันการชำระหนี้ทางแพ่ง ไม่ถือเป็นการยอมความทางอาญา
คดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย เมื่อข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมายังไม่พอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมายศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงต่อไปได้
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ร่วม เมื่อเช็คขึ้นเงินไม่ได้ผู้จัดการของโจทก์ร่วมตกลงให้จำเลยผ่อนชำระเป็นรายเดือน ๆ ละ 10,000 บาท จำเลยได้ชำระเงินบ้างแล้ว แต่ยังไม่ครบจำนวนตามเช็คต่อมาจำเลยขอผ่อนชำระเดือนละ 5,000 บาท โจทก์ร่วมไม่ยอมดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์ร่วมผ่อนผันการชำระเงินทางแพ่งเท่านั้น การที่โจทก์ร่วมมิได้คืนเช็คให้จำเลย ย่อมแสดงเจตนาของโจทก์ร่วมที่ไม่ประสงค์จะให้คดีอาญาระงับ ถือไม่ได้ว่ามีการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายสิทธินำคดีอาญามาฟ้องหาระงับไปไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1540/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับคะแนนเลือกตั้ง: การนำบัตรออกจากหีบเพื่อตรวจสอบและนับ ไม่ถือเป็นความผิด หากเจตนาไม่ทุจริต
พนักงานคะแนน กรรมการตรวจคะแนน ผู้ดำเนินการเลือกตั้งและผู้อำนวยความสะดวกในการเลือกตั้ง เอาบัตรในหีบเลือกตั้งออกมานับว่าตรงกับจำนวนผู้ออกเสียงหรือไม่ และตรวจว่าเป็นบัตรเสียหรือไม่ ตามกฎกระทรวงมหาดไทยแต่ตรวจยังไม่หมดเกรงจะมืด จึงเอาบัตรใส่คืนลงในหีบแล้วนำออกนับคะแนนทันที ไม่เป็นการจงใจนับบัตรเลือกตั้งให้ผิดความจริงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด พ.ศ. 2482 มาตรา 58
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคนละตอนขัดกัน ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงใหม่โดยไม่ย้อนสำนวนไปก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1205/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกสำนวนของศาลอุทธรณ์ และการกลับคำพิพากษาโดยศาลฎีกา
คดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้นหากศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนศาลฎีกาไม่ต้องถือตาม และวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงใหม่กลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาทเลินเล่อในการช่วยเหลือผู้ตกน้ำ เรือถอยหลังฟันคนตาย ขาดความระวังตามควร
คนโดยสารเรือยนต์ตกน้ำ เรือถอยหลังไปช่วย ทำให้ใบจักรฟันคนที่ตกน้ำตาย แทนที่จะโยนชูชีพลงไปช่วยตามข้อบังคับการเดินเรือเป็นการขาดความระวังตามควรแก่เหตุการณ์และนายท้ายผู้ประกอบวิชาชีพเดินเรือควรได้คาดคิด จึงเป็นประมาททำให้คนตายตาม มาตรา 291
ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังและพิพากษายืน ให้ยกฟ้องนั้น ศาลฎีกาฟังพยานในสำนวนเพิ่มเติมให้พอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมายได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1490/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้แปรรูปเป็นเครื่องใช้: การพิจารณาว่าเครื่องใช้ทำจากไม้แปรรูปนั้นชอบด้วยลักษณะการใช้งานทั่วไปหรือไม่ เพื่อตัดสินว่าเป็นไม้แปรรูปตามกฎหมายหรือไม่
ไม้สักของกลางทำเป็นถาดแบบฝักถั่ว ทำขึ้นเพื่อใส่อาหารมีรูปร่างเช่นเดียวกับถาดที่สำเร็จรูปแล้ว แม้จะยังไม่ขัดน้ำมันอย่างเช่นถาดสำเร็จรูป แต่เมื่อไม่อาจนำไปเปลี่ยนแปลงทำเป็นสิ่งอื่นต่อไปได้ และใช้ใส่อาหารได้แล้ว ไม้สักของกลางจึงมีสภาพเป็นเครื่องใช้ แต่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 4(4) ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 116 ข้อ 1 นั้น แม้ไม้สักของกลางมีสภาพเป็นเครื่องใช้ แต่ถ้าเครื่องใช้นั้นเป็นเครื่องใช้ที่ไม่ชอบด้วยลักษณะของเครื่องใช้ที่ใช้เป็นปกติในท้องที่นั้นหรือที่ผิดปกติวิสัยแล้ว ไม้สักของกลางก็ยังคงเป็นไม้แปรรูปอยู่ เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงข้อนี้มาข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาจึงยังไม่พอที่จะวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า ไม้สักของกลางยังเป็นไม้แปรรูปตามกฎหมายอยู่หรือไม่ ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นสมควรก็ชอบที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงข้อนี้ไปได้โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน และฟังว่าไม้สักของกลางเป็นเครื่องใช้ที่ชอบด้วยลักษณะของเครื่องใช้ที่ใช้เป็นปกติในท้องที่นั้น และไม่ผิดปกติวิสัย จึงไม่เป็นไม้แปรรูป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 790/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางคดีป่าไม้: ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยได้แม้ไม่มีประเด็นในชั้นอุทธรณ์ หากเป็นประโยชน์แก่จำเลยและเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
แม้จะมีประเด็นในชั้นอุทธรณ์เพียงประเด็นเดียวว่าจะริบถ่านไม้ของกลางได้หรือไม่ก็ตาม ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจวินิจฉัยในทางที่เป็นประโยชน์แก่จำเลยว่า จำเลยไม่มีความผิดในข้อหานำของป่าเคลื่อนที่โดยไม่มีใบเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับได้ เพราะเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
จำเลยได้ถ่านไม้ของกลางมาโดยมิชอบ การที่จำเลยนำถ่านไม้ของกลางเคลื่อนที่ จึงมิใช่เป็นกรณีตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ซึงแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 18 อันจะพึงขอใบเบิกทางได้ ไม่เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 39
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีถ่านไม้อันเป็นของป่าหวงห้ามไว้ในความครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศกำหนดไว้ โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยให้การรับสารภาพ ดังนี้ ต้องฟังข้อเท็จจริงตามฟ้อง จำเลยจะฎีกาอ้างข้อเท็จจริงซึ่งไม่ปรากฏในสำนวนว่าถ่านไม้ของกลาง จำเลยได้รับอนุญาตให้ตัดฟันและเผาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1559/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ผู้เยาว์ไม่ได้เต็มใจ ศาลปรับบทลงโทษตามมาตรา 319
จำเลยได้เสียกับผู้เยาว์อายุ 16 ปี แล้วชวนผู้เยาว์ไปอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่ไปจะเปิดเผยเรื่องที่ได้เสียกัน ผู้เยาว์กลัวคำขู่จึงยอมไปกับจำเลย จะถือว่าผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยกับจำเลยหาได้ไม่
หลังจากจำเลยได้พาผู้เยาว์ตระเวนไปตามจังหวัดต่างๆ แล้วจำเลยจะให้ผู้เยาว์ไปมีอาชีพเป็นหญิงนั่งชั่วโมงตามร้านอาหาร ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นอาชีพที่เกี่ยวกับกามารมณ์ มิใช่จำเลยมุ่งหมายจะเลี้ยงดูผู้เยาว์เป็นภรรยา จึงถือได้ว่าจำเลยพาผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319แม้ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามมาตรา 318 ศาลก็ปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา 319 ได้ (อ้างฎีกาที่119/2517)
ในชั้นฎีกาคดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย ซึ่งศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วนั้น ถ้าข้อเท็จจริงเท่าที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้นไม่พอแก่การวินิจฉัย ศาลฎีกาย่อมหยิบยกข้อเท็จจริงอื่นๆ ในสำนวนขึ้นพิจารณาประกอบได้ (อ้างฎีกาที่ 1094/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนโทษกักขังเป็นจำคุก: พิจารณาพฤติการณ์และระยะเวลาการกักขัง
คดีมีแต่ปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 222 แต่ถ้าศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงมา ศาลฎีกาเห็นสมควรก็วินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน
ผู้ต้องโทษกักขังแทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29ในระหว่างรับโทษกักขังอยู่ทำผิดข้อกำหนดตามมาตรา 27 ศาลอาจเปลี่ยนโทษกักขังเป็นโทษจำคุกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนโทษกักขังเป็นจำคุก: พิจารณาพฤติการณ์และระยะเวลาการกักขัง
คดีมีแต่ปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 222 แต่ถ้าศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงมา ศาลฎีกาเห็นสมควรก็วินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน
ผู้ต้องโทษกักขังแทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29ในระหว่างรับโทษกักขังอยู่ทำผิดข้อกำหนดตามมาตรา 27 ศาลอาจเปลี่ยนโทษกักขังเป็นโทษจำคุกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การโต้แย้งเจตนาออกเช็คเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ไม่อาจฎีกาได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือน โดยวินิจฉัยข้อเท็จจริงต้องกันมาแล้วว่า จำเลยออกเช็คให้โจทก์ร่วมโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค เมื่อข้อฎีกาขอบจำเลยที่อ้างว่าเป็นข้อกฎหมาย มีใจความเป็นการโต้แย้งว่า จำเลยออกเช็ค โดยมิได้มีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ฎีกาของจำเลยย่อมเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
of 21