พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนโดยสำคัญผิด: ศาลพิจารณาภยันตรายที่ปรากฏต่อผู้กระทำผิด แม้ข้อเท็จจริงจริงจะต่าง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288.แม้จำเลยจะรับสารภาพ. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา176 วรรคหนึ่ง ก็บัญญัติให้ศาลฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง. จึงจะพิพากษาลงโทษได้.
จำเลยมิได้ซักค้านพยานโจทก์ไว้ แล้วนำพยานมาสืบในภายหลัง. แต่เมื่อโจทก์มิได้คัดค้านให้ศาลปฏิเสธ ไม่รับฟังพยานนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89วรรคสอง จึงไม่ต้องห้ามที่จะให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบ.
เจ้าของบ้านทราบว่ามีคนร้ายจะมาปล้นบ้าน. จึงให้จำเลยและบุตรชายนอนเฝ้าบ้าน. ผู้ตายได้ไปที่ประตูรั้วหลังบ้านในเวลาวิกาล ขณะที่ยังมืดสนิท. เสียงสุนัขเห่าดังลั่นไปหมด. จำเลยได้ยินบุตรเจ้าของบ้านร้องว่าขโมย. จึงใช้ปืนยิงไปยังผู้ตาย. โดยมีความรู้สึกขณะยิงปืนว่ามีคนร้ายมาที่ประตูรั้ว เข้ามาจะปล้นบ้าน. พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ถ้าผู้ตายและพวกเป็นคนร้ายจริง. ย่อมฟังได้ว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้เกิดขึ้นแล้ว. และภยันตรายนั้นใกล้จะถึงทรัพย์หรือใกล้จะถึงตัวจำเลยแล้ว. ฉะนั้นการที่จำเลยใช้ปืนยิงไปที่ผู้ตายซึ่งจำเลยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย เช่นนี้. จึงฟังได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิป้องกันตัวจำเลยและเพื่อป้องกันทรัพย์ให้เจ้าของบ้าน. เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.
การที่จำเลยทำการป้องกันตัวโดยสำคัญผิด. ต้องวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62.
จำเลยมิได้ซักค้านพยานโจทก์ไว้ แล้วนำพยานมาสืบในภายหลัง. แต่เมื่อโจทก์มิได้คัดค้านให้ศาลปฏิเสธ ไม่รับฟังพยานนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89วรรคสอง จึงไม่ต้องห้ามที่จะให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบ.
เจ้าของบ้านทราบว่ามีคนร้ายจะมาปล้นบ้าน. จึงให้จำเลยและบุตรชายนอนเฝ้าบ้าน. ผู้ตายได้ไปที่ประตูรั้วหลังบ้านในเวลาวิกาล ขณะที่ยังมืดสนิท. เสียงสุนัขเห่าดังลั่นไปหมด. จำเลยได้ยินบุตรเจ้าของบ้านร้องว่าขโมย. จึงใช้ปืนยิงไปยังผู้ตาย. โดยมีความรู้สึกขณะยิงปืนว่ามีคนร้ายมาที่ประตูรั้ว เข้ามาจะปล้นบ้าน. พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ถ้าผู้ตายและพวกเป็นคนร้ายจริง. ย่อมฟังได้ว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้เกิดขึ้นแล้ว. และภยันตรายนั้นใกล้จะถึงทรัพย์หรือใกล้จะถึงตัวจำเลยแล้ว. ฉะนั้นการที่จำเลยใช้ปืนยิงไปที่ผู้ตายซึ่งจำเลยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย เช่นนี้. จึงฟังได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิป้องกันตัวจำเลยและเพื่อป้องกันทรัพย์ให้เจ้าของบ้าน. เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.
การที่จำเลยทำการป้องกันตัวโดยสำคัญผิด. ต้องวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในตัวบุคคลและการป้องกันเกินกว่ากรณี: ความผิดฐานฆ่าโดยเจตนาและประมาท
จำเลยใช้ปืนยิงเด็กซึ่งส่องไฟหากบที่ริมรั้วบ้านจำเลยถึงแก่ความตายโดยจำเลยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้ายจะมาฆ่าพี่จำเลย เป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,69
ความสำคัญผิดว่ามีภยันตรายอันต้องป้องกันนั้น เป็นความสำคัญผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 62 ไม่ใช่มาตรา 61
ความสำคัญผิดตามมาตรา 61 เป็นเรื่องสำคัญผิดในตัวบุคคลซึ่งแม้จะกระทำต่อบุคคลใดก็เป็นผิดทั้งนั้น ส่วนความสำคัญผิดตามมาตรา 62 นั้น เป็นความสำคัญผิดซึ่งทำให้การกระทำไม่เป็นความผิด หรือทำให้ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษหรือได้รับโทษน้อยลงได้
จำเลยยิงคนตายโดยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย เป็นการกระทำโดยเจตนาแต่เป็นการป้องกันซึ่งเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน จึงเป็นผิดตามมาตรา 288,69 และความสำคัญผิดนั้นก็เกิดโดยความประมาทของจำเลย เช่นนี้จำเลยย่อมผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาท โดยผลของมาตรา 62วรรคสอง ด้วย กรณีเช่นนี้เป็นเรื่องกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงต้องลงโทษในเรื่องฆ่าโดยป้องกันเกินกว่ากรณี อันเป็นบทหนักตามมาตรา 90 แต่ถ้าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ซึ่งไม่เป็นความผิดก็คงเหลือเพียงความผิดในส่วนที่สำคัญผิดโดยประมาทตามมาตรา 62วรรคสอง คือความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทตามมาตรา 291 ฐานเดียว
ผู้ที่กระทำการป้องกันด้วยกันหาได้ร่วมกันกระทำผิดไม่ เมื่อผลของการกระทำของผู้นั้นไม่เป็นอันตรายแก่ผู้ใด ผู้นั้นก็ย่อมไม่มีความผิด แม้ว่าผู้ร่วมป้องกันคนอื่นจะได้รับโทษฐานป้องกันเกินกว่ากรณีจากผลแห่งการกระทำส่วนของคนอื่นนั้นก็ตาม (ประชุมใหญ่ ครั้งที่10/2510)
ความสำคัญผิดว่ามีภยันตรายอันต้องป้องกันนั้น เป็นความสำคัญผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 62 ไม่ใช่มาตรา 61
ความสำคัญผิดตามมาตรา 61 เป็นเรื่องสำคัญผิดในตัวบุคคลซึ่งแม้จะกระทำต่อบุคคลใดก็เป็นผิดทั้งนั้น ส่วนความสำคัญผิดตามมาตรา 62 นั้น เป็นความสำคัญผิดซึ่งทำให้การกระทำไม่เป็นความผิด หรือทำให้ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษหรือได้รับโทษน้อยลงได้
จำเลยยิงคนตายโดยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย เป็นการกระทำโดยเจตนาแต่เป็นการป้องกันซึ่งเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน จึงเป็นผิดตามมาตรา 288,69 และความสำคัญผิดนั้นก็เกิดโดยความประมาทของจำเลย เช่นนี้จำเลยย่อมผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาท โดยผลของมาตรา 62วรรคสอง ด้วย กรณีเช่นนี้เป็นเรื่องกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงต้องลงโทษในเรื่องฆ่าโดยป้องกันเกินกว่ากรณี อันเป็นบทหนักตามมาตรา 90 แต่ถ้าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ซึ่งไม่เป็นความผิดก็คงเหลือเพียงความผิดในส่วนที่สำคัญผิดโดยประมาทตามมาตรา 62วรรคสอง คือความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทตามมาตรา 291 ฐานเดียว
ผู้ที่กระทำการป้องกันด้วยกันหาได้ร่วมกันกระทำผิดไม่ เมื่อผลของการกระทำของผู้นั้นไม่เป็นอันตรายแก่ผู้ใด ผู้นั้นก็ย่อมไม่มีความผิด แม้ว่าผู้ร่วมป้องกันคนอื่นจะได้รับโทษฐานป้องกันเกินกว่ากรณีจากผลแห่งการกระทำส่วนของคนอื่นนั้นก็ตาม (ประชุมใหญ่ ครั้งที่10/2510)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฆ่าโดยป้องกันเกินกว่ากรณี และการปรับบทความผิดโดยประมาท
จำเลยใช้ปืนยิงเด็กซึ่งส่องไฟหากบที่ริมรั้วบ้านจำเลยถึงแก่ความตาย โดยจำเลยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้ายจะมาฆ่าพี่จำเลย เป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 69
ความสำคัญผิดว่ามีภยันตรายอันต้องป้องกันนั้น เป็นความสำคัญผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 62 ไม่ใช่มาตรา 61
ความสำคัญผิดตามมาตรา 61 เป็นเรื่องสำคัญผิดในตัวบุคคล ซึ่งแม้จะกระทำต่อบุคคลใดก็เป็นผิดทั้งนั้น ส่วนความสำคัญผิดตามมาตรา 62 นั้น เป็นความสำคัญผิดซึ่งทำให้การกระทำไม่เป็นความผิด หรือทำให้ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ หรือได้รับโทษน้อยลงได้
จำเลยยิงคนตายโดยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย เป็นการกระทำโดยเจตนาแต่เป็นการป้องกันซึ่งเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน จึงเป็นผิดตามมาตรา 288, 69 และความสำคัญผิดนั้นก็เกิดโดยความประมาทของจำเลย เช่นนี้ จำเลยย่อมผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาท โดยผลของมาตรา 62 วรรค 2 ด้วย กรณีเช่นนี้เป็นเรื่องกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงต้องลงโทษในเรื่องฆ่าโดยป้องกันเกินกว่ากรณี อันเป็นบทหนักตามมาตรา 90 แต่ถ้าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ซึ่งไม่เป็นความผิด ก็คงเหลือเพียงความผิดในส่วนที่สำคัญผิดโดยประมาทตามมาตรา 62 วรรค 2 คือความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทตามมาตรา 291 ฐานเดียว
ผู้ที่กระทำการป้องกันด้วยกันหาได้ร่วมกันกระทำผิดไม่ เมื่อผลของการกระทำของผู้นั้นไม่เป็นอันตรายแก่ผู้ใด ผู้นั้นก็ย่อมไม่มีความผิด แม้ว่าผู้ร่วมป้องกันคนอื่นจะได้รับโทษฐานป้องกันเกินกว่ากรณีจากผลแห่งการกระทำส่วนของคนอื่นนั้นก็ตาม (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2510)
ความสำคัญผิดว่ามีภยันตรายอันต้องป้องกันนั้น เป็นความสำคัญผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 62 ไม่ใช่มาตรา 61
ความสำคัญผิดตามมาตรา 61 เป็นเรื่องสำคัญผิดในตัวบุคคล ซึ่งแม้จะกระทำต่อบุคคลใดก็เป็นผิดทั้งนั้น ส่วนความสำคัญผิดตามมาตรา 62 นั้น เป็นความสำคัญผิดซึ่งทำให้การกระทำไม่เป็นความผิด หรือทำให้ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ หรือได้รับโทษน้อยลงได้
จำเลยยิงคนตายโดยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย เป็นการกระทำโดยเจตนาแต่เป็นการป้องกันซึ่งเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน จึงเป็นผิดตามมาตรา 288, 69 และความสำคัญผิดนั้นก็เกิดโดยความประมาทของจำเลย เช่นนี้ จำเลยย่อมผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาท โดยผลของมาตรา 62 วรรค 2 ด้วย กรณีเช่นนี้เป็นเรื่องกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงต้องลงโทษในเรื่องฆ่าโดยป้องกันเกินกว่ากรณี อันเป็นบทหนักตามมาตรา 90 แต่ถ้าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ซึ่งไม่เป็นความผิด ก็คงเหลือเพียงความผิดในส่วนที่สำคัญผิดโดยประมาทตามมาตรา 62 วรรค 2 คือความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทตามมาตรา 291 ฐานเดียว
ผู้ที่กระทำการป้องกันด้วยกันหาได้ร่วมกันกระทำผิดไม่ เมื่อผลของการกระทำของผู้นั้นไม่เป็นอันตรายแก่ผู้ใด ผู้นั้นก็ย่อมไม่มีความผิด แม้ว่าผู้ร่วมป้องกันคนอื่นจะได้รับโทษฐานป้องกันเกินกว่ากรณีจากผลแห่งการกระทำส่วนของคนอื่นนั้นก็ตาม (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2510)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา: การแทงในขณะตระหนกตกใจและขาดเจตนาฆ่า
ตามพฤติการณ์ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยเห็นผู้ตายเป็นผีตาโต แต่น่าเชื่อว่าจำเลยแทงผู้ตายในเวลาที่จำเลยตระหนกตกใจ จำเลยไม่ได้จงใจแทงให้ถูกที่สำคัญ จำเลยแทงเพียงทีเดียว จำเลยกับผู้ตายต่างรักใคร่กันดี จึงเชื่อได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา: พิจารณาจากเหตุการณ์ตระหนก ความรักใคร่ และการแทงเพียงครั้งเดียว
ตามพฤติการณ์ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยเห็นผู้ตายเป็นผีตาโตแต่น่าเชื่อว่าจำเลยแทงผู้ตายในเวลาที่จำเลยตระหนกตกใจจำเลยไม่ได้จงใจแทงให้ถูกที่สำคัญ จำเลยแทงเพียงทีเดียว จำเลยกับผู้ตายต่างรักใคร่กันดี จึงเชื่อได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานขนสุราโดยไม่มีใบขน: เจตนาสำคัญกว่า หากสำคัญผิดโดยสุจริตไม่มีความผิด
จำเลยขนสุราจากร้านขายส่งไปยังร้านจำเลย ซึ่งอยู่ในอำเภอเดียวกันเป็นปกติ แต่ทางที่ขนไปนั้นต้องผ่านเข้าเขตอีกจังหวัดหนึ่ง เมื่อจำเลยสำคัญผิดว่าผู้รับใบอนุญาตขายสุรามีอำนาจออกใบขนสุราให้ขนสุราไปได้โดยไม่ผิดกฎหมายเช่นนี้ จำเลยย่อมไม่มีเจตนาขนสุราโดยไม่มีใบขนอันถูกต้อง จึงไม่มีความผิด
ประกาศกรมสรรพสามิตที่กำหนดเงื่อนไขแก่ผู้รับใบอนุญาตขายส่งสุรา ในการออกใบขนนั้นมิใช่กฎหมาย เพราะเป็นแต่ระเบียบการที่เจ้าพนักงานกำหนดขึ้นเพื่อปฏิบัติการตามอำนาจที่กฎหมายระบุไว้เท่านั้น ประกาศนี้จึงเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่ง
ประกาศกรมสรรพสามิตที่กำหนดเงื่อนไขแก่ผู้รับใบอนุญาตขายส่งสุรา ในการออกใบขนนั้นมิใช่กฎหมาย เพราะเป็นแต่ระเบียบการที่เจ้าพนักงานกำหนดขึ้นเพื่อปฏิบัติการตามอำนาจที่กฎหมายระบุไว้เท่านั้น ประกาศนี้จึงเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเข้าใจผิดเรื่องอำนาจออกใบขนสุรา ทำให้ไม่มีเจตนาขนสุราโดยผิดกฎหมาย จึงไม่มีความผิด
จำเลยขนสุราจากร้านขายส่งไปยังร้านจำเลยซึ่งอยู่ในอำเภอเดียวกันเป็นปกติแต่ทางที่ขนไปนั้นต้องผ่านเข้าเขตอีกจังหวัดหนึ่ง เมื่อจำเลยสำคัญผิดว่าผู้รับใบอนุญาตขายสุรามีอำนาจออกใบขนสุราให้ขนสุราไปได้โดยไม่ผิดกฎหมายเช่นนี้จำเลยย่อมไม่มีเจตนาขนสุราโดยไม่มีใบขนอันถูกต้อง จึงไม่มีความผิด
ประกาศกรมสรรพสามิตที่กำหนดเงื่อนไขแก่ผู้รับใบอนุญาตขายส่งสุรา ในการออกใบขนนั้นมิใช่กฎหมาย เพราะเป็นแต่ระเบียบการที่เจ้าพนักงานกำหนดขึ้นเพื่อปฏิบัติการตามอำนาจที่กฎหมายระบุไว้เท่านั้น ประกาศนี้จึงเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่ง
ประกาศกรมสรรพสามิตที่กำหนดเงื่อนไขแก่ผู้รับใบอนุญาตขายส่งสุรา ในการออกใบขนนั้นมิใช่กฎหมาย เพราะเป็นแต่ระเบียบการที่เจ้าพนักงานกำหนดขึ้นเพื่อปฏิบัติการตามอำนาจที่กฎหมายระบุไว้เท่านั้น ประกาศนี้จึงเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสำแดงรายการสินค้าเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี แม้ไม่มีเจตนาหรือประมาทเลินเล่อก็ถือเป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากร
ใบขนสินค้าขาเข้าที่จำเลยยื่นต่อเจ้าพนักงานระบุว่าเป็นร่มทำด้วยผ้าฝ้ายล้วน 50 โหล แต่ความจริงกลับเป็นร่มทำด้วยผ้าฝ่ายล้วนเพียง 26 โหล อีก 24 โหล เป็นร่มทำด้วยแพรเทียม ถือว่าใบขนสินค้านี้เป็นเท็จ ถ้าเจ้าพนักงานหลงเชื่อก็จะทำให้ขาดค่าภาษีไป 2,016 บาท เพราะร่วมทำด้วยแพรเทียมต้องเสียภาษีสูงกว่าร่มทำด้วยผ้าฝ้ายล้วน เป็นการหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีศุลกากร จำเลยจะอ้างว่าจำเลยมิได้ประมาทเลินเล่อหรือเป็นเรื่องที่จำเลยเข้าใจผิด ไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 + บัญญัติไว้ชัดแจ้งให้ถือว่าการกระทำดังที่ระบุไว้ในมาตรา 27 และ 99 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 นั้น เป็นความผิดแม้ผู้กระทำมิได้มีเจตนาหรือทำโดยประมาทเลินเล่อ
ในกรณีเช่นนี้ ร่มที่ทำด้วยแพรเทียม 24 โหล ของกลางเป็นของที่ส่งมาให้จำเลยโดยผิดกฎหมายจำเลยจะขอรับคืนหาได้ไม่
ในกรณีเช่นนี้ ร่มที่ทำด้วยแพรเทียม 24 โหล ของกลางเป็นของที่ส่งมาให้จำเลยโดยผิดกฎหมายจำเลยจะขอรับคืนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสำแดงรายการสินค้าเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี แม้ไม่มีเจตนาหรือประมาทเลินเล่อก็เป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากร
ใบขนสินค้าขาเข้าที่จำเลยยื่นต่อเจ้าพนักงานระบุว่าเป็นร่มทำด้วยผ้าฝ้ายล้วน 50 โหล แต่ความจริงกลับเป็นร่มทำด้วยผ้าฝ้ายล้วนเพียง26 โหลอีก24โหลเป็นร่มทำด้วยแพรเทียม ถือว่าใบขนสินค้านี้เป็นเท็จ ถ้าเจ้าพนักงานหลงเชื่อก็จะทำให้ขาดค่าภาษีไป 2,016 บาทเพราะร่มทำด้วยแพรเทียมต้องเสียภาษีสูงกว่าร่มทำด้วยผ้าฝ้ายล้วนเป็นการหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีศุลกากรจำเลยจะอ้างว่าจำเลยมิได้ประมาทเลินเล่อหรือเป็นเรื่องที่จำเลยเข้าใจผิดไม่ได้ทั้งสิ้นเพราะพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 มาตรา 16 บัญญัติไว้ชัดแจ้งให้ถือว่าการกระทำดังที่ระบุไว้ในมาตรา 27 และ 99 แห่ง พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 นั้น เป็นความผิดแม้ผู้กระทำมิได้มีเจตนาหรือทำโดยประมาทเลินเล่อ
ในกรณีเช่นนี้ ร่มที่ทำด้วยแพรเทียม24โหล ของกลางเป็นของที่ส่งมาให้จำเลยโดยผิดกฎหมาย จำเลยจะขอรับคืนหาได้ไม่
ในกรณีเช่นนี้ ร่มที่ทำด้วยแพรเทียม24โหล ของกลางเป็นของที่ส่งมาให้จำเลยโดยผิดกฎหมาย จำเลยจะขอรับคืนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริง ยิงขู่เพื่อป้องกันตัว ไม่เจตนาฆ่าหรือทำร้าย
แม้จำเลยจะคิดว่าพลตำรวจม้วนเป็นคนร้ายงัดห้องแต่จำเลยก็มิได้เจตนาจะยิงคนร้ายจำเลยเพียงแต่ยิงเพื่อขู่โดยไม่เห็นตัวและได้ยิงลงต่ำ ไม่ประสงค์ให้ถูกใครหากแต่เผอิญกระสุนไปถูกไม้คร่าวจึงแฉลบไปถูกพลตำรวจม้วนเข้าถือว่า จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าหรือแม้แต่เจตนาจะทำร้ายพลตำรวจม้วนเลย