พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1074/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างอาคารผิดแบบและการยกเว้นความรับผิดทางอาญาจากความเข้าใจผิดเรื่องกฎหมาย
จำเลยถูกฟ้องว่าปลูกสร้างอาคาร ไม่ตรงตามแบบที่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่าโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยไม่เข้าข้อยกเว้นตาม มาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร ฯลฯ อันจะทำให้ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิด เช่นนี้การที่โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์นำสืบข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบแห่งความผิดครบถ้วนแล้ว และเป็นหน้าที่ของจำเลย ที่จะต้องนำสืบว่าการกระทำของจำเลยเข้าข้อยกเว้นข้ออุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ข้อบัญญัติส่วนท้องถิ่นเป็นกฎหมายใช้บังคับแก่คนทั่วประเทศมิใช่บังคับเฉพาะแต่คนในท้องถิ่นเท่านั้น จึงเป็น ข้อกฎหมายที่ศาลจะต้องทราบเอง โดยโจทก์มิต้องนำสืบความในข้อบัญญัติดังกล่าว
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแก่จำเลยว่า "ก่อสร้างอาคารผิดแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตจากคณะเทศมนตรีเมืองปทุมธานี" เช่นนี้เป็นการแจ้งข้อหาชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134 พนักงานสอบสวนหาจำต้องแจ้งชื่อพระราชบัญญัติด้วยไม่การสอบสวนจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
จำเลยทราบอยู่แล้วว่าการก่อสร้างอาคารในเขตเทศบาลต้องได้รับอนุญาตจากเทศบาล ซึ่งมีพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 ในเขตเทศบาลเมืองปทุมธานี ฯ แล้ว การที่จำเลยก่อสร้างฝ่าฝืนต่อเติมอาคารผิดไปจากที่ได้รับอนุญาต จึงจะยกเป็นเหตุอ้างว่าไม่รู้กฎหมาย เพื่อไม่ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 ไม่ได้
ข้อบัญญัติส่วนท้องถิ่นเป็นกฎหมายใช้บังคับแก่คนทั่วประเทศมิใช่บังคับเฉพาะแต่คนในท้องถิ่นเท่านั้น จึงเป็น ข้อกฎหมายที่ศาลจะต้องทราบเอง โดยโจทก์มิต้องนำสืบความในข้อบัญญัติดังกล่าว
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแก่จำเลยว่า "ก่อสร้างอาคารผิดแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตจากคณะเทศมนตรีเมืองปทุมธานี" เช่นนี้เป็นการแจ้งข้อหาชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134 พนักงานสอบสวนหาจำต้องแจ้งชื่อพระราชบัญญัติด้วยไม่การสอบสวนจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
จำเลยทราบอยู่แล้วว่าการก่อสร้างอาคารในเขตเทศบาลต้องได้รับอนุญาตจากเทศบาล ซึ่งมีพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 ในเขตเทศบาลเมืองปทุมธานี ฯ แล้ว การที่จำเลยก่อสร้างฝ่าฝืนต่อเติมอาคารผิดไปจากที่ได้รับอนุญาต จึงจะยกเป็นเหตุอ้างว่าไม่รู้กฎหมาย เพื่อไม่ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงสวนเพื่อป้องกันภัยอันตรายจากผู้ที่ถืออาวุธและแสดงท่าทีจะทำร้ายซ้ำ
จำเลยที่ 1 เมาสุราถือปืนคาไบน์ส่งเสียงเอะอะในบริเวณงาน จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตำรวจสถานีเดียวกันยื้อยุดฉุดตัวจำเลยที่ 1 กลับบ้าน ระหว่างนี้เองปืนคาไบน์ในมือจำเลยที่ 1 ลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนถูกจำเลยที่2 ที่ท้องทะลุหลัง ปืนลั่นแล้วจำเลยที่ 1 ยังตามเข้าไปเตะจำเลยที่ 2 มีคนเข้าช่วยแย่งปืน ปืนของจำเลยที่ 1 ได้ลั่นขึ้นอีก 1 นัด เป็นเหตุให้ จำเลยที่ 2 เข้าใจในขณะนั้นว่าจำเลยที่ 1 ตามเข้าไปเพื่อจะยิงซ้ำ จำเลยที่ 2 จึงได้ใช้ปืนพกที่มีอยู่ยิงจำเลยที่ 1 ไปในทันทีถูกที่ขาจำเลยที่ 1 ดังนี้ เห็นว่าจำเลยที่ 2 มิใช่ผู้ก่อเหตุและกระทำไปด้วยความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงถึงภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และใกล้จะถึงตัว จำเลยที่ 2 มีสิทธิจะป้องกันชีวิตของตนได้ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62ประกอบด้วยมาตรา 68
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายจากเหตุประทุษร้ายอันใกล้จะถึงตัว แม้ถูกยิงก่อน แต่มีเหตุสมควรเชื่อว่าถูกยิงซ้ำ
จำเลยที่ 1 เมาสุราถือปืนคาไบน์ส่งเสียเอะอะในบริเวณงาน จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตำรวจสถานีเดียวกันยื้อยุดฉุดตัวจำเลยที่ 1 กลับบ้าน ระหว่างนี้เองปืนคาไบน์ในมือจำเลยที่ 1 ลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนถูกจำเลยที่ 2 ที่ท้องทะลุหลัง ปืนลั่นแล้วจำเลยที่ 1 ยังตามเข้าไปเตะจำเลยที่ 2 มีคนเข้าช่วยแย่งปืน ปืนของจำเลยที่1 ได้ลั่นขึ้นอีก 1 นัด เป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 เข้าใจในขณะนั้นว่าจำเลยที่ 1 ตามเข้าไปเพื่อจะยิงซ้ำ จำเลยที่ + จึงได้ใช้ปืนพกที่มีอยู่ยิงจำเลยที่ 1 ไปในทันทีถูกที่ขาจำเลยที่ 1 ทันที ดังนี้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มิใช่ผู้ก่อเหตุและกระทำไปด้วยความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงถึงภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุ+อันละเมิดต่อกฎหมาย และใกล้จะถึงตัว จำเลยที่ 2 มีสิทธิจะป้องกันชีวิตของตนได้ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 ประกอบด้วยมาตรา 68
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1873/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในเหตุป้องกัน การป้องกันเกินกว่าเหตุ และการลดโทษจากประวัติผู้กระทำ
จำเลยเป็นกำนันยิงผู้ตาย 3 นัด เพราะสำคัญผิดว่าผู้ตายจะยิงจำเลย เป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุ ศาลลดโทษและลงโทษตาม มาตรา 288,69 ได้ จำเลยมีประวัติดีเด่นในหน้าที่ราชการ ศาลจำคุก 2 ปี รอการลงโทษไว้ 5 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในความผิดอาญา การกระทำโดยสุจริตและเชื่อโดยชอบธรรมเป็นเหตุยกเว้นความรับผิด
จำเลยเป็นข้าราชการบำนาญได้รับแต่งตั้งเป็นรองอธิการบดีรับเงินสมนาคุณจากงบประมาณแผ่นดินประเภทค่าทดแทนจำเลยซื้อที่ดินในนามของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในฐานะผู้รับมอบอำนาจจาก ป. ภรรยาจำเลยร่วมกัน แล้วจำเลยดำเนินการแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมส่วนของ ป. อยู่ติดชายทะเลไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะจำเลยจึงดำเนินการจดทะเบียนภารจำยอมในที่ดินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ที่ดินของ ป. ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะเช่นนี้ จำเลยอาจเข้าใจผิดคิดว่าน่าจะทำได้ เพื่อจะได้ไม่ยุ่งยากภายหลังในพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยน่าจะเชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยทำได้ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดอาญา ไม่เป็นความผิดตาม มาตรา152
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2513/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: พฤติการณ์ข่มขู่และความจำเป็นในการใช้ปืน
ผู้เสียหายกับจำเลยเคยรักใคร่กัน ต่อมาจำเลยเลิกติดต่อกับผู้เสียหาย ผู้เสียหายโกรธเคยตบหน้าจำเลยและมีหนังสือแจ้งว่าจะทำลายล้างจำเลยและมารดาจำเลยจะเอาน้ำกรดสาดหน้าจำเลย วันเกิดเหตุผู้เสียหายมาที่ประตูบ้านจำเลย จำเลยร้องบอกให้มารดาผู้เสียหายมาเอาตัวผู้เสียหายไป มารดาผู้เสียหายบอกให้ผู้เสียหายกลับบ้านแต่ผู้เสียหายกลับเดินเข้าไปหาจำเลย จำเลยบอกให้ออกไป ผู้เสียหายกลับพูดว่าไม่มีใครช่วยมึงได้หรอก พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมเห็นได้ว่าผู้เสียหายเข้าไปเพื่อจะทำร้ายจำเลย แต่ไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาวุธ การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายจึงเป็นการพยายามฆ่าโดยป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2513/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: ผู้เสียหายมีพฤติกรรมคุกคาม จำเลยมีสิทธิป้องกันตนเองได้ แต่ต้องไม่เกินความจำเป็น
ผู้เสียหายกับจำเลยเคยรักใคร่กัน ต่อมาจำเลยเลิกติดต่อกับผู้เสียหายผู้เสียหายโกรธเคยตบหน้าจำเลยและมีหนังสือแจ้งว่าจะทำลายล้างจำเลยและ มารดาจำเลยจะเอาน้ำกรดสาดหน้าจำเลย วันเกิดเหตุผู้เสียหายมาที่ประตูบ้านจำเลย จำเลยร้องบอกให้มารดาผู้เสียหายมาเอาตัวผู้เสียหายไป มารดาผู้เสียหายบอกให้ผู้เสียหายกลับบ้านแต่ผู้เสียหายกลับเดินเข้าไปหาจำเลย จำเลยบอกให้ออกไปผู้เสียหายกลับพูดว่าไม่มีใครช่วยมึงได้ พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมเห็นได้ว่าผู้เสียหายเข้าไปเพื่อจะทำร้ายจำเลยแต่ไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาวุธ การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายจึงเป็นการพยายามฆ่าโดยป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในเหตุป้องกัน: การกระทำเกินกว่ากรณีจำต้องป้องกันตนเอง และการพิจารณาเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยเป็นผู้ที่นายสนองเจ้าของร้านสนองพานิชได้ว่าจ้างให้มาคุ้มครองรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ร้านสนองพานิช วันเกิดเหตุผู้ตาย ผู้เสียหายได้เอาอาวุธปืนใส่ถุงกระดาษมาส่งคืนให้แก่ชายจีนที่ทางเท้าหน้าร้านสนองพานิช ก่อนจะส่งถุงปืนให้ ผู้เสียหายดึงอาวุธปืนให้โผล่ออกจากถุงเล็กน้อยให้ชายจีนเห็น แล้วชวนกันไปพูดที่ประตูหน้าร้านสนองพานิช จำเลยแลเห็นเหตุการณ์โดยตลอด จำเลยสำคัญผิดว่าบุคคลทั้งสามเป็นคนร้ายจะเข้าไปยิงประทุษร้ายนายสนอง จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 3 นัด กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายและถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย โดยผู้เสียหายหาได้ชักอาวุธปืนออกมาในอาการที่เห็นว่าจะจ้องยิงประทุษร้ายจำเลยหรือบุคคลในร้านสนองพานิชไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 การกระทำของจำเลยยังรับฟังไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากความตกใจหรือความกลัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในเหตุป้องกัน: การยิงป้องกันภัยที่เกินกว่าเหตุ และความรับผิดทางอาญา
จำเลยเป็นผู้ที่นายสนองเจ้าของร้านสนองพานิชได้ว่าจ้างให้มาคุ้มครองรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ร้านสนองพานิช วันเกิดเหตุ ผู้ตาย ผู้เสียหายได้เอาอาวุธปืนใส่ถุงกระดาษมาส่งคืนให้แก่ชายจีนที่ทางเท้าหน้าร้านสนองพานิช ก่อนจะส่งถุงปืนให้ ผู้เสียดึงอาวุธปืนให้โผล่ออกจากถุงเล็กน้อยให้ชายจีนเห็น แล้วชวนกันไปพูดที่ประตูหน้าร้านสนองพานิช จำเลยแลเห็นเหตุการณ์โดยตลอด จำเลยสำคัญผิดว่าบุคคลทั้งสามเป็นคนร้ายจะเข้าไปยิงประทุษร้ายนายสนอง จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 3 นัด กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายและถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย โดยผู้เสียหายหาได้ชักอาวุธปืนออกมาในอาการที่เห็นว่าจะจ้องยิงประทุษร้ายจำเลยหรือบุคคลในร้านสนองพานิชไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 การกระทำของจำเลยยังรับฟังไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากความตกใจหรือความกลัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินกว่าเหตุ: การยิงเพื่อป้องกันตัวเมื่อถูกทำร้ายและห้ามปราม
ผู้ตายมีสนับมือเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยยิงผู้ตายเป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุ พวกผู้ตาย 2 คนวิ่งเข้าไปที่ผู้ตายและจำเลยเพื่อห้ามแต่จำเลยเข้าใจว่าจะเข้าไปรุมทำร้ายจำเลย จำเลยยิงไป 3 นัด เป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุเช่นเดียวกัน