พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมปล้นทรัพย์ แม้ไม่ได้ลงมือเองและไม่รู้ว่ามีอาวุธ ก็มีความผิดตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสามนั่งรถยนต์ไปด้วยกันแล่นผ่านหน้าบ้านผู้เสียหายเพื่อดูลาดเลาหาโอกาสชิงทรัพย์ผู้เสียหายก่อนแล้วจอดรถห่างจากผู้เสียหายเพียง 2 เมตรโดยไม่ดับเครื่อง จำเลยที่ 1 ลงจากรถไปรัดคอและกระชากสร้อยคอผู้เสียหายแล้ววิ่งหนีขึ้นรถ จำเลยที่ 2 เฝ้าดูการกระทำของจำเลยที่ 1 อยู่บนรถตลอดเวลา เมื่อได้ทรัพย์แล้วก็นั่งรถหลบหนีไปด้วยกัน ดังนี้ แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้ลงมือกระชากสร้อย จำเลยที่ 2 ก็ต้องมีความผิดฐานร่วมเป็นตัวการกระทำการปล้นทรัพย์ด้วย
เมื่อจำเลยที่ 1 มีอาวุธ (มีด) ติดตัวไปด้วยในการปล้นทรัพย์ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ใช้หรือแสดงอาวุธในการกระทำความผิด และจำเลยที่ 2 ไม่รู้ว่าจำเลยที่ 1 มีอาวุธก็ตาม จำเลยที่ 2 ก็ต้องมีความผิดตามมาตรา340 วรรคสอง ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2514
ศาลล่างพิเคราะห์พยานหลักฐานในสำนวนแล้ว เชื่อตามพยานโจทก์ว่าจำเลยกระทำผิดและลงโทษจำเลย ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าพยานหลักฐานของจำเลยไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ แม้คำพิพากษาไม่ได้กล่าวในรายละเอียดไว้ว่ารับฟังพยานหลักฐานจำเลยไม่ได้อย่างไร ก็ไม่ขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความ
เมื่อจำเลยที่ 1 มีอาวุธ (มีด) ติดตัวไปด้วยในการปล้นทรัพย์ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ใช้หรือแสดงอาวุธในการกระทำความผิด และจำเลยที่ 2 ไม่รู้ว่าจำเลยที่ 1 มีอาวุธก็ตาม จำเลยที่ 2 ก็ต้องมีความผิดตามมาตรา340 วรรคสอง ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2514
ศาลล่างพิเคราะห์พยานหลักฐานในสำนวนแล้ว เชื่อตามพยานโจทก์ว่าจำเลยกระทำผิดและลงโทษจำเลย ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าพยานหลักฐานของจำเลยไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ แม้คำพิพากษาไม่ได้กล่าวในรายละเอียดไว้ว่ารับฟังพยานหลักฐานจำเลยไม่ได้อย่างไร ก็ไม่ขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขัดขวางการสอดเข้าเกี่ยวข้องทรัพย์สิน: การถอนเสาเพื่อป้องกันการบุกรุกไม่ถือเป็นความเสียหาย
จำเลยเข้าใจว่าเสารั้วของโจทก์ที่ขุดหลุมปักไว้อยู่ในที่ดินของจำเลย จำเลยจึงถอนออก โดยเจตนาใช้สิทธิตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336,1337 ไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 358
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2907-2928/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดครองที่ดินสาธารณะโดยสำคัญผิดและใช้ประโยชน์ตามสภาพ ไม่ถึงขั้นทำให้เสียทรัพย์
ที่ดินพิพาทที่จำเลยยึดถือครอบครอง แม้จะอยู่ในเขตที่สาธารณะ แต่จำเลยเข้ายึดถือครอบครองมาหลายปีแล้วโดยสำคัญว่าตนมีสิทธิครอบครอง แม้จำเลยจะแผ้วถางก่นสร้างก็กระทำเพื่อมุ่งประสงค์จะทำนาในที่ดินนั้นๆ อันเป็นการที่จำเลยใช้สิทธิในที่ดินตามสมควรในการทำนาตามสภาพ ปกติของที่ดิน โดยที่ไม่ปรากฏความเสียหายที่แท้จริงหรือได้ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ในที่ดินประการใด การเข้าทำนาตามสภาพของที่ดินเป็นการห่างไกลเกินความประสงค์ของเรื่องทำให้เสียทรัพย์ ทั้งจำเลยหาได้มีเจตนาโดยตรงที่จะทำให้เสียทรัพย์ไม่ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2907-2928/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดครองที่สาธารณะโดยสำคัญผิดและใช้ประโยชน์ทำนา ไม่ถึงขั้นทำให้เสียทรัพย์
ที่ดินพิพาทที่จำเลยยึดถือครอบครอง แม้จะอยู่ในเขตที่สาธารณะแต่จำเลยเข้ายึดถือครอบครองมาหลายปีแล้วโดยสำคัญว่าตนมีสิทธิครอบครอง แม้จำเลยจะแผ้วถางก่นสร้าง ก็กระทำเพื่อมุ่งประสงค์จะทำนาในที่ดินนั้น ๆ อันเป็นการที่จำเลยใช้สิทธิในที่ดินตามสมควรในการทำนาตามสภาพปกติของที่ดินโดยที่ไม่ปรากฏความเสียหายที่แท้จริงหรือได้ทำลายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ในที่ดินประการใดการเข้าทำนาตามสภาพของที่ดินเป็นการห่างไกลเกินความประสงค์ของเรื่องทำให้เสียทรัพย์ ทั้งจำเลยหาได้มีเจตนาโดยตรงที่จะทำให้เสียทรัพย์ไม่ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1378/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: ความเชื่อโดยสุจริตว่ามีคนบุกรุกเพื่อลักทรัพย์
จำเลยเคยถูกปล้นบ้านมาก่อน และเมื่อ 20 วันก่อนเกิดเหตุก็มีคนร้ายเข้าบ้านจำเลย คืนเกิดเหตุสามีจำเลยไม่อยู่ จำเลยปิดประตูบ้านซึ่งเป็นร้านค้าเข้านอนอยู่กับเด็ก ๆ เวลาประมาณ 22 นาฬิกาได้ยินเสียงดังกุกกักที่ระเบียงเรือน จึงหยิบปืนเปิดประตูแง้มออกดูเห็นเงาคนตะคุ่ม ๆ อยู่บนระเบียงเรือนคนหนึ่ง และข้างล่างระเบียงเรือนอีกคนหนึ่ง จำเลยถามว่า 'ใคร' ได้ยินเสียงตอบว่า 'อย่าดัง' จำเลยเข้าใจว่าเป็นคนร้าย จึงยิงปืนไปยังคนที่อยู่ระเบียง 2 นัด คนทั้งสองหนีไปจำเลยยิงขู่อีก 1 นัด แล้วตะโกนว่า 'ช่วยด้วย โจรขึ้นบ้าน' มีชาวบ้านมาและพบผู้ตายนอนตายเพราะถูกกระสุนปืนที่จำเลยยิงอยู่ที่ข้างคูน้ำบริเวณบ้านจำเลย ดังนี้ เป็นกรณีซึ่งมีเหตุทำให้จำเลยเชื่อได้ว่าผู้ตายมีเจตนาจะเข้ามาลักทรัพย์จำเลย เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยสำคัญผิดคิดว่าผู้ตายเป็นคนร้ายจึงใช้ปืนยิง เป็นการป้องกันสิทธิในทรัพย์สินของตนพอสมควรแก่เหตุ ถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ประกอบด้วยมาตรา 62
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1378/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิในทรัพย์สิน: การยิงผู้บุกรุกในเวลากลางคืนโดยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย
จำเลยเคยถูกปล้นบ้านมาก่อน และเมื่อ 20 วันก่อนเกิดเหตุก็มีคนร้ายเข้าบ้านจำเลย คืนเกิดเหตุสามีจำเลยไม่อยู่ จำเลยปิดประตูบ้านซึ่งเป็นร้านค้าเข้านอนอยู่กับเด็ก ๆ เวลาประมาณ 22 นาฬิกาได้ยินเสียงดังกุกกักที่ระเบียงเรือน จึงหยิบปืนเปิดประตูแง้มออกดูเห็นเงาคนตะคุ่ม ๆ อยู่บนระเบียงเรือนคนหนึ่ง และข้างล่างระเบียงเรือนอีกคนหนึ่ง จำเลยถามว่า "ใคร" ได้ยินเสียงตอบว่า "อย่าดัง" จำเลยเข้าใจว่าเป็นคนร้าย จึงยิงปืนไปยังคนที่อยู่ระเบียง 2 นัด คนทั้งสองหนีไปจำเลยยิงขู่อีก 1 นัด แล้วตะโกนว่า "ช่วยด้วย โจรขึ้นบ้าน" มีชาวบ้านมาและพบผู้ตายนอนตายเพราะถูกกระสุนปืนที่จำเลยยิงอยู่ที่ข้างคูน้ำบริเวณบ้านจำเลย ดังนี้ เป็นกรณีซึ่งมีเหตุทำให้จำเลยเชื่อได้ว่าผู้ตายมีเจตนาจะเข้ามาลักทรัพย์จำเลย เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยสำคัญผิดคิดว่าผู้ตายเป็นคนร้ายจึงใช้ปืนยิง เป็นการป้องกันสิทธิในทรัพย์สินของตนพอสมควรแก่เหตุ ถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ประกอบด้วยมาตรา 62
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันทรัพย์สินเกินกว่าเหตุ: การยิงสำคัญผิดคิดว่าเป็นคนร้าย
บ้านของจำเลยถูกลอบวางเพลิง ไฟกำลังไหม้หน้าบ้านจำเลยออกมาจากบ้านถือปืนออกมาด้วย แสดงว่าจะยิงคนร้ายครั้นเห็นผู้ตายยืนอยู่ที่หน้าบ้านจำเลยก็สำคัญผิดคิดว่าเป็นคนร้ายที่มาลอบวางเพลิง จำเลยจึงยิงผู้ตาย ถือได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันทรัพย์ของจำเลย แต่ไม่ได้ความว่าผู้ตายกำลังทำอะไรแก่บ้านของจำเลยที่ถูกไฟไหม้ ไม่มีเหตุอันสมควรที่จำเลยจะต้องยิงผู้ตายจึงเป็นการเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2842/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงปืนขู่ป้องกันทรัพย์สิน ไม่เข้าข่ายเจตนาฆ่า หรือยิงปืนโดยใช่เหตุ
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ผู้เสียหายได้กระโดดลงจากเรือนจำเลยแล้ววิ่งหนีไป จำเลยสงสัยว่าจะเป็นคนร้ายที่เข้ามาขโมยสัตว์เลี้ยงที่ใต้ถุนบ้าน จึงยิงปืนขู่ไป1 นัด เช่นนี้ ไม่ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย และการกระทำของจำเลยก็มิใช่การยิงปืนโดยใช่เหตุในหมู่บ้าน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 376
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวและการป้องกันทรัพย์สิน: การยิงเพื่อป้องกันภัยจากกลุ่มผู้บุกรุกในเวลากลางคืน
บริเวณแถบบ้านจำเลยมีโจรผู้ร้ายชุกชุมมาก ที่เกิดเหตุเป็นหนองขังน้ำที่มิใช่หนองสาธารณะ ใช้เป็นบ่อเลี้ยงปลาของจำเลย อยู่ในที่ดินที่จำเลยครอบครองและอยู่ไม่ไกลจากเรือนจำเลย ก่อนเกิดเหตุราว 10 วัน เครื่องสูบน้ำที่ขอบหนองหายไป คืนเกิดเหตุมืดมองเห็นกันไม่ถนัดโจทก์กับพวกราว 20 คนไปลักลอบหาปลาที่หนองน้ำดังกล่าวจำเลยกับพวกอีกหนึ่งคนเดินไปเงียบๆ เพื่อดูเหตุการณ์เมื่อมาใกล้ที่เกิดเหตุ จำเลยได้ยินเสียงคนลักลอบหาปลามีจำนวนมาก จึงยิงปืนขู่ขึ้น 1 นัด พวกหาปลาแตกตื่นหลายคนวิ่งมาทางจำเลย ไม่รู้ว่าใครเป็นใครและไม่รู้ว่าผู้ใดมีอาวุธติดมือมาบ้าง ทำให้จำเลยเข้าใจว่าพวกที่ลักลอบจับปลาซึ่งกำลังวิ่งมานั้นจะเข้ามาทำร้ายตน จำเลยจึงใช้ปืนยิงสุ่มๆ ไป 1 นัด (ถูกโจทก์บาดเจ็บสาหัส) แล้วยิงขึ้นฟ้าอีก 1 นัดโดยไม่ได้ยิงซ้ำเติมไปยังพวกโจทก์อีก ถือได้ว่าเป็น การป้องกันตัวจำเลยให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึงที่พอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองและทรัพย์สินจากการบุกรุกจับปลาในที่ดินส่วนตัวโดยกลุ่มบุคคลจำนวนมาก
บริเวณแถบบ้านจำเลยมีโจรผู้ร้ายชุกชุมมาก ที่เกิดเหตุเป็นหนองขังน้ำที่มิใช่หนองสาธารณะ ใช้เป็นบ่อเลี้ยงปลาของจำเลย อยู่ในที่ดินที่จำเลยครอบครองและอยู่ไม่ไกลจากเรือนจำเลย ก่อนเกิดเหตุราว 10 วัน เครื่องสูบน้ำที่ขอบหนองหายไป คืนเกิดเหตุมืดมองเห็นกันไม่ถนัดโจทก์กับพวกราว 20 คนไปลักลอบหาปลาที่หนองน้ำดังกล่าวจำเลยกับพวกอีกหนึ่งคนเดินไปเงียบๆ เพื่อดูเหตุการณ์เมื่อมาใกล้ที่เกิดเหตุ จำเลยได้ยินเสียงคนลักลอบหาปลามีจำนวนมาก จึงยิงปืนขู่ขึ้น 1 นัด พวกหาปลาแตกตื่น หลายคนวิ่งมาทางจำเลย ไม่รู้ว่าใครเป็นใครและไม่รู้ว่าผู้ใดมีอาวุธติดมือมาบ้าง ทำให้จำเลยเข้าใจว่าพวกที่ลักลอบจับปลาซึ่งกำลังวิ่งมานั้นจะเข้ามาทำร้ายตน จำเลยจึงใช้ปืนยิงสุ่มๆ ไป 1 นัด (ถูกโจทก์บาดเจ็บสาหัส) แล้วยิงขึ้นฟ้าอีก 1 นัดโดยไม่ได้ยิงซ้ำเติมไปยังพวกโจทก์อีก ถือได้ว่าเป็น การป้องกันตัวจำเลยให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึงที่พอสมควรแก่เหตุ