พบผลลัพธ์ทั้งหมด 34 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1921/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้ส่งสินค้า: สิทธิยังไม่ตกแก่ผู้รับตราส่งหากยังไม่ส่งมอบ
บริษัทโจทก์ทำสัญญาขายสุนัขพันธุ์เยอรมันเชฟเพอดรวม 20 ตัวให้กรมตำรวจ และได้ตกลงกันว่าจ้างบริษัทจำเลยขนส่งสุนัขดังกล่าวโดยเครื่องบินจากประเทศเยอรมันตะวันตกมายังท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อส่งให้แก่กรมตำรวจ เมื่อจำเลยขนส่งสุนัขมาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองอันเป็นตำบลที่กำหนดให้ส่ง ปรากฏว่าสุนัขตายไป 12 ตัว อีก 8 ตัว มีอาการอ่อนเพลียเนื่องจากความผิดของบริษัทจำเลยที่มิได้จัดให้มีอากาศหายใจเพียงพอสำหรับสุนัขเหล่านั้น กรรมการบริษัทโจทก์ไปรับมอบจึงได้รับสุนัขที่ยังมีชีวิตจากเจ้าหน้าที่ของจำเลยมาเพียง 8 ตัว ดังนี้ เมื่อประปรากฏว่ากรมตำรวจผู้รับตราส่งยังมิได้เรียกให้ส่งมอบสุนัขตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ตามมาตรา 627 สิทธิทั้งหลายของบริษัทโจทก์ผู้ส่งสุนัขอันเกิดแต่สัญญารับขนนั้นจึงยังมิได้ตกไปได้แก่กรมตำรวจผู้รับตราส่ง โจทก์ในฐานะผู้ส่งจึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับขนทางทะเล: ผู้รับขนส่งต้องรับผิดชอบความเสียหายของสินค้าแม้เกิดจากทุจริตของลูกเรือ และประเด็นเหตุสุดวิสัยต้องยกขึ้นต่อสู้ตั้งแต่ต้น
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยเป็นเจ้าของเรือใบรับจ้างบรรทุกข้าวสารของโจทก์ไปส่งจังหวัดนครศรีธรรมราช แล้วข้าวสารไม่ถึงจังหวัดนครศรีธรรมราชจึงเรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้เป็น 2 ประการ ประการแรกเรือจำเลยไปไม่ได้ถึง 2 ครั้ง จำเลยจึงได้บอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้วประการที่ 2 โจทก์ได้ไปตกลงกับคนเรือของจำเลยให้เดินทางไปอีกเป็นครั้งที่ 3 ก่อนตกลงกับจำเลย และไม่แจ้งให้จำเลยทราบ จึงเกิดการเสียหายขึ้นเนื่องจากคนเรือทุจริตโดยจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้อง จำเลยไม่ได้ต่อสู้เลยว่าเรือถูกปล้นกลางทางอันเป็นเหตุสุดวิสัยทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบ ดังที่ จำเลยยกขึ้นกล่าวในฟ้องฎีกา ถ้าจำเลยประสงค์จะต่อสู้เช่นนี้ จำเลยชอบที่จะกล่าวให้ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสองเมื่อข้อความเหล่านี้ไม่เป็นประเด็นในคดีในศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยก็ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคแรก แม้ศาลอุทธรณ์จะรับพิจารณาในประเด็นข้อปล้นให้ทั้งๆ ที่ไม่เป็นประเด็นในคดีเลยเช่นนี้ ก็ไม่ทำให้กลายเป็นประเด็นขึ้นได้
ในคดีรับขนของ เมื่อของไม่ถึงปลายทางและสูญหายไปแล้ว ค่าระวางเรือก็เป็นค่าเสียหาย ซึ่งผู้ส่งจะได้รับ ผู้รับขนส่งจะต้องรับผิดชอบในเงินจำนวนนั้น
ในคดีรับขนของ เมื่อของไม่ถึงปลายทางและสูญหายไปแล้ว ค่าระวางเรือก็เป็นค่าเสียหาย ซึ่งผู้ส่งจะได้รับ ผู้รับขนส่งจะต้องรับผิดชอบในเงินจำนวนนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขนส่ง: เหตุการณ์เรือชนจากปัจจัยภายนอก ถือเป็นอุบัติเหตุตามสัญญา
ในสัญญาขนส่งข้าวสารระบุไว้ว่า ถ้าของที่บรรทุกขาดจำนวนหรือเปียกน้ำ ผู้รับจ้างจะใช้ค่าเสียหาย หากถูกพายุหรือเอกซิเด็นท์ใดๆ ต่างยกเลิกสัญญานี้ทั้งสิ้น ปรากฏว่าเรือบรรทุกข้าวสารขณะจอดอยู่ เรือกลไฟจูงเรือพ่วงตัดหน้าในระยะใกล้ ในขณะนั้นลมแรงและน้ำเชี่ยวเรือพ่วงลำสุดท้ายชนเรือบรรทุกข้าวสารหัวเรือแตกน้ำเข้าเรือเป็นเหตุให้ข้าวสารที่บรรทุกเสียหาย ดังนี้ นับว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นแก่การขนส่งตามความมุ่งหมายแห่งสัญญาดังกล่าวนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากเรือชนและการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้เกี่ยวข้อง
เมื่อเรือกลไฟของจำเลยโยงเรือเขามาและทำให้เรือที่โยงมานั้นล่มคดีย่อมเข้า มาตรา 437 ซึ่งจำเลยต้องรับผิดเพื่อการเสียหายอันเกิดแก่เรือที่โยงนั้น เรือที่ถูกโยงจะเป็นเรืออะไรไม่เป็นข้อวินิจฉัย เจ้าของข้าวจ้างผู้อื่นบรรทุกข้าว เจ้าของเรือจ้างเรือกลไฟจูงเมื่อเรือบรรทุกข้าวล่ม เจ้าของข้าวฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของเรือกลไฟฐานละเมิดได้