พบผลลัพธ์ทั้งหมด 66 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากสัญญาหมั้นและการผิดสัญญา การเยียวยาความเสียหายทางชื่อเสียง
ชายหญิงหมั้นกันโดยตกลงว่า เมื่อทำพิธีแต่งงานกันแล้วจะไปจดทะเบียนสมรสภายใน 15 วัน แต่เมื่อได้ทำพิธีแต่งงานและได้อยู่ร่วมกัน 46 วันแล้ว ชายไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับหญิงแต่กลับขับไล่หญิงให้กลับไปอยู่บ้านบิดาเช่นนี้ชายผิดสัญญาหมั้น เป็นเหตุให้หญิงต้องได้รับความอับอายขายหน้า เสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียงและร่างกายชายต้องรับผิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1439(1)
โจทก์ชนะคดี 1 ใน 3 ของคำฟ้อง ศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้ค่าธรรมเนียมเต็มจำนวนตามฟ้องก็ได้เมื่อไม่นอกเหนือไปจากบทบัญญัติของกฎหมาย ศาลฎีกาไม่แก้ไข
โจทก์ชนะคดี 1 ใน 3 ของคำฟ้อง ศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้ค่าธรรมเนียมเต็มจำนวนตามฟ้องก็ได้เมื่อไม่นอกเหนือไปจากบทบัญญัติของกฎหมาย ศาลฎีกาไม่แก้ไข
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 564/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำมั่นสัญญาเลี้ยงดูและการเรียกร้องค่าเสียหาย: การหลอกลวงและการผิดสัญญาไม่มีผลผูกพันทางแพ่ง
โจทก์ได้เสียกับจำเลยโดยถูกจำเลยหลอกลวงว่าจะเลี้ยงดูเป็นภริยาเมื่อโจทก์ตั้งครรภ์จำเลยไม่เลี้ยงดู โจทก์จึงแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนเรียกจำเลยไปจำเลยรับว่าได้เสียกับโจทก์จริงรับจะเลี้ยงดูโจทก์เป็นภริยาพนักงานสอบสวนจึงแนะนำให้โจทก์จำเลยไปจดทะเบียนสมรสกันให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไปและได้ทำบันทึกให้โจทก์จำเลยลงชื่อไว้ แต่โจทก์ก็ไม่เลี้ยงดูหรือจดทะเบียนสมรสกับจำเลยดังนี้ แม้จำเลยจะหลอกลวงว่าจะเลี้ยงดูโจทก์เป็นภริยาการกระทำของจำเลยก็หาเป็นการละเมิดต่อโจทก์ไม่ โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะเหตุดังกล่าวไม่ได้ (นัยคำพิพากษาฎีกาที่ 576/2488) และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาตามบันทึกของพนักงานสอบสวนเพราะมิได้มีข้อกำหนดว่าจำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีที่มีการผิดสัญญาดังกล่าวและมิใช่กรณีผิดสัญญาหมั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1438,1439 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 564/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำมั่นสัญญาเลี้ยงดูและจดทะเบียนสมรสที่ไม่เป็นเหตุให้เกิดการละเมิด หรือผิดสัญญาที่เรียกค่าเสียหายได้
โจทก์ได้เสียกับจำเลยโดยถูกจำเลยหลอกลวงว่าจะเลี้ยงดูเป็นภริยา เมื่อโจทก์ตั้งครรภ์จำเลยไม่เลี้ยงดู โจทก์จึงแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนเรียกจำเลยไป จำเลยรับว่าได้เสียกับโจทก์จริง รับจะเลี้ยงดูโจทก์เป็นภริยาพนักงานสอบสวนจึงแนะนำให้โจทก์จำเลยไปจดทะเบียนสมรสกันให้ถูกต้องตาม กฎหมายต่อไป และได้ทำบันทึกให้โจทก์จำเลยลงชื่อไว้ แต่โจทก์ก็ไม่เลี้ยงดูหรือจดทะเบียนสมรสกับจำเลย ดังนี้ แม้จำเลยจะหลอกลวงว่าจะเลี้ยงดูโจทก์เป็นภริยา การกระทำของจำเลยก็หาเป็นการละเมิดต่อโจทก์ไม่ โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะเหตุดังกล่าวไม่ได้ (นัยคำพิพากษาฎีกาที่ 576/2488) และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาตามบันทึกของพนักงานสอบสวน เพราะมิได้มีข้อกำหนดว่าจำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีที่มีการผิดสัญญาดังกล่าว และมิใช่กรณีผิดสัญญาหมั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1438, 1439 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าสินสอดคืนได้หรือไม่เมื่อไม่มีเจตนาสมรส: เงินที่ให้เพื่อขอขมามารดา ไม่ใช่สินสอด
ขายได้เสียเงินให้แก่มารดาของหญิงเพื่อขอขมามารดาของหญิง เนื่องจากชายได้พาหญิงหนีไปอยู่กันฉันสามีภริยา โดยไม่ได้สู่ขอตามประเพณี และชายกับหญิงนั้นก็อยู่กินกันต่อมาโดยมิได้มีเจตนาจะสมรสกันโดยชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด ดังนี้ถือไม่ได้ว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินสินสอดหรือของหมั้นและมิใช่เป็นการให้เพราะมารดาหญิงหลอกลวงดังฟ้อง โจทก์ด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกคืนเงินดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินที่ให้เพื่อขอขมา ไม่ใช่สินสอด – สิทธิเรียกคืนไม่มี
ชายได้เสียเงินให้แก่มารดาของหญิงเพื่อขอขมามารดาของหญิง เนื่องจากชายได้พาหญิงหนีไปอยู่กินฉันสามีภริยาโดยไม่ได้สู่ขอตามประเพณี และชายกับหญิงนั้นก็อยู่กินกันต่อมาโดยมิได้มีเจตนาจะสมรสกันโดยชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใดดังนี้ ถือไม่ได้ว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินสินสอดหรือของหมั้น และมิใช่เป็นการให้เพราะมารดาหญิงหลอกลวงดังฟ้องโจทก์ด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกคืนเงินดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 70/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาสมรสและภาระการพิสูจน์ การยอมให้ศาลชี้ขาดเฉพาะค่าเสียหายมิใช่การสละข้อต่อสู้ทั้งหมด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาสมรส ขอให้คืนของหมั้นและใช้ค่าเสียหายค่าใช้จ่ายในการเตรียมการสมรส เงินรับไหว้และสร้อยคอที่โจทก์ที่ 2 ซื้อให้โจทก์ที่ 3 จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยมิได้ผิดสัญญาสมรส โจทก์มิได้เสียหายตามฟ้องวันชี้สองสถานคู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า ในประเด็นค่าเสียหายทั้งหมดตามฟ้องโจทก์ฝ่ายจำเลยตกลงยอมให้ศาลชี้ขาดไปตามฟ้อง ตามสิทธิในกฎหมายโดยจำเลยสละข้อเท็จจริงซึ่งยกเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การ ดังนี้ ถือว่าเฉพาะแต่ประเด็นเรื่องค่าเสียหายเท่านั้นที่จำเลยยอมให้ศาลชี้ขาดไปได้ โดยจำเลยยอมสละข้อเท็จจริงที่ยกเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การ แต่ประเด็นเรื่องผิดสัญญาสมรส จำเลยหาได้สละข้อต่อสู้อย่างใดไม่ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาสมรส เมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน โจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านประการใดว่าโจทก์ยังติดใจสืบพยานในประเด็นข้อนี้อยู่และโจทก์ก็มิได้นำสืบข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้างในฟ้องของตน จึงจะฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาสมรสมิได้
จำเลยได้กล่าวในอุทธรณ์แล้วว่า'คดีนี้โดยข้อเท็จจริงแล้ว ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยที่ 3 มิได้ปฏิบัติผิดสัญญาสมรสแต่ประการใด' ฉะนั้น ในการที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยผิดสัญญาสมรสหรือไม่ศาลอุทธรณ์ก็จำต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวน เมื่อโจทก์ผู้มีหน้าที่หรือภาระในการนำสืบพิสูจน์ข้อเท็จจริงในประเด็นว่าจำเลยผิดสัญญาสมรสตามฟ้องโจทก์หรือไม่ มิได้นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวไว้เลยศาลอุทธรณ์ชอบที่จะยกหน้าที่หรือภาระในการนำสืบพิสูจน์ของโจทก์ขึ้นกล่าวอ้างเป็นข้อยกฟ้องโดยจำเลยมิได้อุทธรณ์เกี่ยวกับภาระการพิสูจน์ได้หาเป็นการเกินคำขอของจำเลยในชั้นอุทธรณ์ไม่
จำเลยได้กล่าวในอุทธรณ์แล้วว่า'คดีนี้โดยข้อเท็จจริงแล้ว ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยที่ 3 มิได้ปฏิบัติผิดสัญญาสมรสแต่ประการใด' ฉะนั้น ในการที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยผิดสัญญาสมรสหรือไม่ศาลอุทธรณ์ก็จำต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวน เมื่อโจทก์ผู้มีหน้าที่หรือภาระในการนำสืบพิสูจน์ข้อเท็จจริงในประเด็นว่าจำเลยผิดสัญญาสมรสตามฟ้องโจทก์หรือไม่ มิได้นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวไว้เลยศาลอุทธรณ์ชอบที่จะยกหน้าที่หรือภาระในการนำสืบพิสูจน์ของโจทก์ขึ้นกล่าวอ้างเป็นข้อยกฟ้องโดยจำเลยมิได้อุทธรณ์เกี่ยวกับภาระการพิสูจน์ได้หาเป็นการเกินคำขอของจำเลยในชั้นอุทธรณ์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1305/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการผิดสัญญาหมั้น ต้องพิสูจน์ความเสียหายต่อชื่อเสียงเป็นเหตุเป็นผล มิใช่เพียงการอ้างลอยๆ
ค่าทดแทนความเสียหายต่อกายหรือชื่อเสียงเมื่อมีการผิดสัญญาหมั้นนั้นลำพังแต่การที่ฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงผิดสัญญาหมั้น หาเป็นผลก่อให้เกิดความเสียหายแก่กายหรือชื่อเสียงของอีกฝ่ายหนึ่งเสมอไปไม่ (เป็นหน้าที่ของฝ่ายที่อ้างว่าเสียหายจะต้องนำสืบพิสูจน์)
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อชื่อเสียงจากจำเลยโดยอ้างว่า จำเลยผิดสัญญาหมั้น แต่ข้อนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงในการที่จำเลยผิดสัญญาหมั้นอย่างไรบ้างสาเหตุที่ทำให้เกิดการถอนหมั้น ดังที่โจทก์นำสืบก็ไม่ปรากฏว่าทำความเสียหายให้โจทก์แต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวลอย ๆ ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายนั้น ยังไม่เพียงพอที่ศาลจะรับฟังว่า โจทก์ได้รับความเสียหายอันจะกำหนดจำนวนเงินให้จำเลยรับผิดใช้ค่าทดแทน
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อชื่อเสียงจากจำเลยโดยอ้างว่า จำเลยผิดสัญญาหมั้น แต่ข้อนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงในการที่จำเลยผิดสัญญาหมั้นอย่างไรบ้างสาเหตุที่ทำให้เกิดการถอนหมั้น ดังที่โจทก์นำสืบก็ไม่ปรากฏว่าทำความเสียหายให้โจทก์แต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวลอย ๆ ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายนั้น ยังไม่เพียงพอที่ศาลจะรับฟังว่า โจทก์ได้รับความเสียหายอันจะกำหนดจำนวนเงินให้จำเลยรับผิดใช้ค่าทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1305/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการผิดสัญญาหมั้นต้องพิสูจน์ความเสียหายต่อชื่อเสียง การกล่าวอ้างลอยๆ ไม่เพียงพอ
ค่าทดแทนความเสียหายต่อกายหรือชื่อเสียงเมื่อมีการผิดสัญญาหมั้นนั้นลำพังแต่การที่ฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงผิดสัญญาหมั้น หาเป็นผลก่อให้เกิดความเสียหายแก่กายหรือชื่อเสียงของอีกฝ่ายหนึ่งเสมอไปไม่ (เป็นหน้าที่ของฝ่ายที่อ้างว่าเสียหายจะต้องนำสืบพิสูจน์)
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อชื่อเสียงจากจำเลยโดยอ้างว่า จำเลยผิดสัญญาหมั้น แต่ข้อนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงในการที่จำเลยผิดสัญญาหมั้นอย่างไรบ้างสาเหตุที่ทำให้เกิดการถอนหมั้น ดังที่โจทก์นำสืบก็ไม่ปรากฏว่าทำความเสียหายให้โจทก์แต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวลอย ๆ ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายนั้น ยังไม่เพียงพอที่ศาลจะรับฟังว่า โจทก์ได้รับความเสียหายอันจะกำหนดจำนวนเงินให้จำเลยรับผิดใช้ค่าทดแทน
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อชื่อเสียงจากจำเลยโดยอ้างว่า จำเลยผิดสัญญาหมั้น แต่ข้อนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงในการที่จำเลยผิดสัญญาหมั้นอย่างไรบ้างสาเหตุที่ทำให้เกิดการถอนหมั้น ดังที่โจทก์นำสืบก็ไม่ปรากฏว่าทำความเสียหายให้โจทก์แต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวลอย ๆ ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายนั้น ยังไม่เพียงพอที่ศาลจะรับฟังว่า โจทก์ได้รับความเสียหายอันจะกำหนดจำนวนเงินให้จำเลยรับผิดใช้ค่าทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 994/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่จดทะเบียนสมรสทำให้สิทธิเรียกร้องสินสอดและทองหมั้นคืนไม่มีผลบังคับใช้
ชายหมั้นและแต่งงานกับหญิงตามประเพณี โดยชายให้ของหมั้นและสินสอดแก่ฝ่ายหญิงจนได้อยู่กินด้วยกันแล้ว โดยชายเป็นฝ่ายผิดไม่ไปจดทะเบียนสมรส ต่อมาชายหญิงเลิกกัน ชายจะฟ้องเรียกของหมั้นและสินสอดคืนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการจดทะเบียนสมรสเป็นสิทธิส่วนบุคคลของคู่สมรส บิดามารดาให้ความยินยอมเฉพาะกรณีจำเป็น
การจะจดทะเบียนสมรสหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของชายหญิงคู่สมรสเองบิดามารดาของหญิงมีแต่จะให้ความยินยอมในกรณีจำเป็นฉะนั้นเมื่อไม่ปรากฏว่าบิดามารดาของหญิงได้ขัดขวางไม่ให้บุตรสาวไปจดทะเบียนกับชายหรือไม่ให้ความยินยอมอนุญาตแต่ประการใดแล้วชายจะฟ้องขอให้บิดามารดาหญิง ใช้ค่าเสียหายแก่ตนในการที่ตนไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับหญิง ไม่ได้