คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 31 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ในการประเมินค่าเช่าเพื่อคำนวณภาษีโรงเรือนและที่ดิน แม้ต่างจากที่ระบุในสัญญา
พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 8 วรรค 2 บัญญัติเพียงให้เอาค่าเช่าเป็นหลักคำนวณค่ารายปีเท่านั้น มิใช่จะต้องคำนวณค่ารายปีจากค่าเช่าที่ผู้ให้เช่าได้รับตามสัญญาที่ได้ทำไว้ต่อกันเสมอไปไม่ ถ้าเป็นกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่าค่าเช่านั้นมิใช่จำนวนเงินอันสมควรจะให้เช่าได้ในปีหนึ่ง ๆ พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจแก้หรือคำนวณใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โรงเรือนเก็บสินค้า ถือเป็นที่ไว้สินค้าตามกฎหมายภาษีโรงเรือนฯ แม้ไม่ได้ใช้ทำการค้าโดยตรง
เมื่อสิ่งของที่เก็บไว้ในโรงเรือนของจำเลยเป็นสินค้า ทั้งจำเลยทำการค้าเปิดร้านอีกแห่งหนึ่งและปรากฏว่าบางทีจำเลยเอาสินค้านี้ไปใส่ร้านค้าของจำเลยนั้นดังนี้ ถือได้ว่าโรงเรือนของจำเลยเป็นที่ไว้สินค้าตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 10 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2475 มาตรา 3 ไม่จำเป็นว่าจำเลยจะต้องเปิดทำการค้าที่โรงเรือนนี้หรือถึงกับจะต้องใช้โรงเรือนนี้เป็นที่รับทำการเก็บสินค้าเพื่อบำเหน็จจึงจะเป็นที่ไว้สินค้า และเมื่อจำเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการแห่งทรัพย์สินเพื่อเสียภาษีต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยย่อมมีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1103/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของเจ้าพนักงานเก็บเงิน แม้ได้รับมอบหมายหน้าที่จากผู้บังคับบัญชา
จำเลยเป็นพนักงานเก็บเงินรายได้ต่าง ๆ ของเทศบาลรวมทั้งภาษีโรงเรือนและที่ดิน จำเลยได้เก็บหรือรับเงินจากผู้นำมาชำระ จึงเป็นการกระทำในหน้าที่พนักงานเก็บเงิน เมื่อยักยอกเงินซึ่งได้รับมอบหมายไว้ตามหน้าที่ ย่อมมีความผิดตามมตรา 147
นายกเทศมนตรีได้แต่งตั้งปลัดเทศบาลเป็น "พนักงานเจ้าหน้าที่" สมุหบัญชีเป็น "พนักงานเก็บภาษี" มีอำนาจหน้าที่จัดเก็บ เร่งรัด ค่าภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 แต่ปลัดเทศบาลและสมุหบัญชีมิได้ทำหน้าที่ด้วยตนเอง จำเลยได้รับมอบหมายไปปฏิบัติผู้เดียว ฉะนั้น การที่จำเลยเก็บเงินภาษี จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเก็บเงินซึ่งมีสมุหบัญชีเป็นหัวหน้า ถือได้ว่าเป็นหน้าที่ที่จำเลยได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการตามหน้าที่ เมื่อเบียดบังยักยอก จะอ้างว่าไม่ได้ทำในหน้าที่ หรือไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ย่อมฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1103/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์: การมอบหมายหน้าที่เก็บภาษีและหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย
จำเลยเป็นพนักงานเก็บเงินรายได้ต่างๆ ของเทศบาลรวมทั้งภาษีโรงเรือนและที่ดิน จำเลยได้เก็บหรือรับเงินจากผู้นำมาชำระ จึงเป็นการกระทำในหน้าที่พนักงานเก็บเงิน เมื่อยักยอกเงินซึ่งได้รับมอบหมายไว้ตามหน้าที่ ย่อมมีความผิดตามมาตรา 147
นายกเทศมนตรีได้แต่งตั้งปลัดเทศบาลเป็น "พนักงานเจ้าหน้าที่สมุหบัญชีเป็น "พนักงานเก็บภาษี" มีอำนาจหน้าที่จัดเก็บเร่งรัด ค่าภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 แต่ปลัดเทศบาลและสมุหบัญชีมิได้ทำหน้าที่ด้วยตนเองจำเลยได้รับมอบหมายไปปฏิบัติผู้เดียว ฉะนั้น การที่จำเลยเก็บเงินภาษี จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเก็บเงินซึ่งมีสมุหบัญชีเป็นหัวหน้า ถือได้ว่าเป็นหน้าที่ที่จำเลยได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการตามหน้าที่ เมื่อเบียดบังยักยอกจะอ้างว่าไม่ได้ทำในหน้าที่ หรือไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ย่อมฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจประเมินภาษีโรงเรือนใหม่ได้ แม้ค่าเช่าจริงต่ำกว่าราคาตลาด และข้อยกเว้นภาษีสำหรับผู้เฝ้ารักษาเคหะ
ค่าเช่าที่เก็บจริง ถ้าไม่สมควร เจ้าพนักงานก็อาจประเมินเพื่อเก็บภาษีใหม่ได้
ผู้เฝ้าโรงเรือนมีคนอาศัยอยู่ด้วยและมีจักรเย็บผ้ารับจ้างเมื่อมีผู้มาจ้างไม่ใช่ประกอบอุตสาหกรรมหรือใช้เป็นที่ไว้สินค้าได้รับยกเว้นค่าภาษีตาม พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1844/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยุ้งเก็บข้าวเปลือกเพื่อการขาย ไม่ถือเป็นที่เก็บสินค้าทางการค้า จึงได้รับการยกเว้นภาษีโรงเรือน
การที่มียุ้งเก็บข้าวเปลือกซึ่งเก็บได้จากค่าเช่าบ้างปลูกขึ้นเองบ้างแล้วขายไปเช่นนี้หาเรียกว่ายุ้งข้าวนั้นเป็นที่ไว้สินค้าไม่ ฉะนั้นย่อมได้รับความยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตาม มาตรา 3 แห่ง พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2475

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1844/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยุ้งเก็บข้าวเปลือกไม่ใช่ที่เก็บสินค้า เหตุไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือน
การที่มียุ้งเก็บข้าวเปลือก ค่าเช่าบ้าง ปลูกขึ้นเองบ้าง แล้วขายไปเช่นนี้หาเรียกว่ายุ้งข้าวนั้นเป็นที่ไว้สินค้าไม่ ฉนั้นย่อมได้รับความยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตาม ม.3 แห่ง พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2475.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีโรงเรือนต้องมีเหตุผลรองรับ เมื่อจำเลยรับค่าเช่าจริงแล้ว จำเลยต้องพิสูจน์ว่าค่าเช่าไม่สมควร
โจทก์ฟ้องอ้างว่า อาคารของโจทก์อยู่ในเขตเทศบาลถูกควบคุม ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ได้ค่าเช่าจริงในปี 1 เป็นจำนวนเงินจำนวนหนึ่ง แต่จำเลยซึ่งเป็นเทศบาลประเมินเกินกว่าค่าเช่าจริง จึงเรียกเก็บภาษีจากโจทก์ไป เกิน โจทก็ได้ร้องขอให้พิจารณาประเมินใหม่แล้ว ก็ยังชี้ขาดให้โจทก์เสียภาษีเกินอยู่นั่นเอง โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาล บังคับให้จำเลยคืนส่วนที่เกินให้.
จำเลยรับว่า โจทก์เก็บค่าเช่าได้ตามบัญชีท้ายฟ้องจริง แต่อ้างว่าจำเลยและพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ปฏิบัติ ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย และกำหนดค่ารายปีโรงเรือนและที่ดินของโจทก์ เหมาะสมถูกต้องแล้ว ดังนี้ ข้อที่ ต้องพิจารณาจึงมีว่าค่าเช่าโรงเรือนของโจทก์นี้มีเหตุอันบ่งให้เห็นว่ามิใช่จำนวนอันสมควรที่จะเช่าได้ในปีหนึ่ง ๆ จริง หรือไม่ เมื่อจำเลยรับว่าโจทก์เก็บค่าเช่าได้ตามบัญชีท้ายฟ้องจริง การที่จำเลยจะประเมินภาษีใหม่ ก็ต้องมีเหตุ ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เหตุดังกล่าวเป็นหน้าที่จำเลยต้องนำสืบ แต่จำเลยไม่นำสืบแสดงว่าค่าเช่าที่โจทก์ได้รับ มิใช่ จำนวนตามสมควรแต่ประการใด จำเลยจึงต้องแพ้คดี./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน ต้องมีเหตุผลสมควรและมีหลักฐานสนับสนุน หากจำเลยรับค่าเช่าตามบัญชีแล้ว จำเลยต้องพิสูจน์เหตุผลในการประเมินใหม่
โจทก์ฟ้องอ้างว่า อาคารของโจทก์อยู่ในเขตเทศบาลถูกควบคุม ตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ได้ค่าเช่าจริงในปี 1 เป็นจำนวนเงินจำนวนหนึ่ง แต่จำเลยซึ่งเป็นเทศบาลประเมินเกินกว่าค่าเช่าจริง จึงเรียกเก็บภาษีจากโจทก์ไปเกิน โจทก์ได้ร้องขอให้พิจารณาประเมินใหม่แล้ว ก็ยังชี้ขาดให้โจทก์เสียภาษีเกินอยู่นั่นเอง โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยคืนส่วนที่เกินให้
จำเลยรับว่า โจทก์เก็บค่าเช่าได้ตามบัญชีท้ายฟ้องจริง แต่อ้างว่าจำเลยและพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย และกำหนดค่ารายปีโรงเรือนและที่ดินของโจทก์ เหมาะสมถูกต้องแล้ว ดังนี้ ข้อที่ต้องพิจารณาจึงมีว่าค่าเช่าโรงเรือนของโจทก์นี้มีเหตุอันบ่งให้เห็นว่ามิใช่จำนวนอันสมควรที่จะให้เช่าได้ในปีหนึ่งๆ จริงหรือไม่ เมื่อจำเลยรับว่าโจทก์เก็บค่าเช่าได้ตามบัญชีท้ายฟ้องจริง การที่จำเลยจะประเมินภาษีใหม่ ก็ต้องมีเหตุตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เหตุดังกล่าวเป็นหน้าที่จำเลยต้องนำสืบ แต่จำเลยไม่นำสืบแสดงว่าค่าเช่าที่โจทก์ได้รับ มิใช่จำนวนตามสมควรแต่ประการใด จำเลยจึงต้องแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1925/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินเกินกว่าค่าเช่าที่ได้รับจริง ผู้ให้เช่ามีสิทธิฟ้องเรียกคืน
แม้ใน พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน มาตรา 8 จะได้ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่แก้หรือคำนวณค่ารายปีใหม่ เมื่อมีเหตุอันบ่งให้เห็นว่าค่าเช่านั้นมิใช่จำนวนเงินอันสมควรจะให้เช่าได้ก็ดี ถ้าผู้ให้เช่าได้เรียกเก็บค่าเช่าตามสัญญาที่ให้เช่าและค่าเช่าที่เรียกเก็บก็ไม่น้อยเกินไปหรือมีเหตุที่น่าจะเห็นว่าผู้เช่ากับผู้ให้เช่าสมยอมกันแล้ว ก็ไม่มีเหตุสมควรที่เจ้าพนักงานประเมินจะประเมินค่ารายปีเกินไปกว่าค่าเช่าที่ผู้ให้เช่าได้รับจริง เพราะไม่เป็นธรรมแก่ฝ่ายผู้ให้เช่า ฉะนั้นถ้าประเมินค่ารายปีเกินไปโดยไม่สมควรแล้ว ผู้ให้เช่าย่อมฟ้องเรียกคืนได้
of 4