พบผลลัพธ์ทั้งหมด 259 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเบียดบังเงินประกันตัวผู้ต้องหา แสดงเจตนาทุจริต
เมื่อสารวัตรใหญ่ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยได้สั่งให้จำเลยทำหน้าที่เก็บรักษาเงินประกันตัวผู้ต้องหาของสถานีตำรวจย่อมถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปฏิบัติราชการในการเก็บรักษาเงินดังกล่าวตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาแล้ว การที่จำเลยนำเงินของทางราชการไปฝากผู้อื่นไว้ มิได้นำมาเก็บไว้ในตู้นิรภัยของทางราชการ หรือหากไม่มีตู้นิรภัยของทางราชการ ควรจะเก็บเงินนั้นอย่างใด จำเลยก็จะต้องขอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาคือสารวัตรใหญ่ เสียก่อน แต่จำเลยก็หาได้กระทำไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลย มีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินจำนวนนั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเบียดบังเงินประกันตัว: เจตนาทุจริตและหน้าที่เก็บรักษาเงิน
เมื่อสารวัตรใหญ่ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยได้สั่งให้จำเลยทำหน้าที่เก็บรักษาเงินประกันตัวผู้ต้องหาของสถานีตำรวจ ย่อมถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปฏิบัติราชการในการเก็บรักษาเงินดังกล่าวตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาแล้ว
การที่จำเลยนำเงินของทางราชการไปฝากผู้อื่นไว้ มิได้นำมาเก็บไว้ในตู้นิรภัยของทางราชการ หรือหากไม่มีตู้นิรภัยของทางราชการ ควรจะเก็บเงินนั้นอย่างใด จำเลยก็จะต้องขอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาคือสารวัตรใหญ่ เสียก่อน แต่จำเลยก็หาได้กระทำไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลย มีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินจำนวนนั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นแล้ว
การที่จำเลยนำเงินของทางราชการไปฝากผู้อื่นไว้ มิได้นำมาเก็บไว้ในตู้นิรภัยของทางราชการ หรือหากไม่มีตู้นิรภัยของทางราชการ ควรจะเก็บเงินนั้นอย่างใด จำเลยก็จะต้องขอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาคือสารวัตรใหญ่ เสียก่อน แต่จำเลยก็หาได้กระทำไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลย มีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินจำนวนนั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานทุจริต - การใช้บทกฎหมายเฉพาะ (มาตรา 147) ย่อมตัดบททั่วไป (มาตรา 157) และผลของการใช้กฎหมายใหม่ที่เป็นคุณแก่จำเลย
การกระทำของจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 157 อันเป็นบททั่วไปอีก
ข้อที่โจทก์ฎีกาว่าสัญญารับรองการยืมจะเป็นเอกสารสิทธิหรือไม่ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266นั้น มิได้เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์จึงเป็นปัญหาที่ยุติแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 ออกใช้บังคับ ซึ่งแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดและเป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 จึงต้องลงโทษจำคุกจำเลยที่1 เพียง 50 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งถูกจำคุก 72 ปี6 เดือนนั้น แม้จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาก็ตาม แต่การใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยเป็นเหตุในลักษณะคดี จึงมีผลถึงจำเลยที่ 2 ด้วย และลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ได้เพียง 50 ปี
ข้อที่โจทก์ฎีกาว่าสัญญารับรองการยืมจะเป็นเอกสารสิทธิหรือไม่ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266นั้น มิได้เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์จึงเป็นปัญหาที่ยุติแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 ออกใช้บังคับ ซึ่งแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดและเป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 จึงต้องลงโทษจำคุกจำเลยที่1 เพียง 50 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งถูกจำคุก 72 ปี6 เดือนนั้น แม้จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาก็ตาม แต่การใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยเป็นเหตุในลักษณะคดี จึงมีผลถึงจำเลยที่ 2 ด้วย และลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ได้เพียง 50 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และความผิดฐานสนับสนุนความผิดนั้น ศาลใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย
การกระทำของจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 157 อันเป็นบททั่วไปอีก
ข้อที่โจทก์ฎีกาว่าสัญญารับรองการยืมจะเป็นเอกสารสิทธิหรือไม่ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266 นั้น มิได้เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์จึงเป็นปัญหาที่ยุติแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 ออกใช้บังคับซึ่งแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดและเป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 จึงต้องลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เพียง 50 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งถูกจำคุก 72 ปี 6 เดือนนั้น แม้จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาก็ตาม แต่การใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยเป็นเหตุในลักษณะคดี จึงมีผลถึงจำเลยที่ 2 ด้วย และลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ได้เพียง 50 ปี
ข้อที่โจทก์ฎีกาว่าสัญญารับรองการยืมจะเป็นเอกสารสิทธิหรือไม่ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266 นั้น มิได้เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์จึงเป็นปัญหาที่ยุติแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 ออกใช้บังคับซึ่งแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดและเป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 จึงต้องลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เพียง 50 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งถูกจำคุก 72 ปี 6 เดือนนั้น แม้จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาก็ตาม แต่การใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยเป็นเหตุในลักษณะคดี จึงมีผลถึงจำเลยที่ 2 ด้วย และลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ได้เพียง 50 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3123/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาของเจ้าพนักงานที่ลงนามในเอกสารโดยมิได้ตรวจสอบความถูกต้อง และการเบียดบังเงิน
หนังสือนำส่งเงินพิมพ์ 2 ครั้ง ครั้งแรกระบุจำนวนเงิน 350,009 บาท ครั้งที่ 2 จำนวนเงิน 370,009 บาทผู้พิมพ์ฉีกทำลายต้นฉบับและสำเนาสลับกัน แล้วนำเสนอจำเลยซึ่งเป็นสมุห์บัญชีประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลงชื่อโดยมิได้ตรวจสอบว่าต้นฉบับกับสำเนาตรงกันหรือไม่เป็นเหตุให้มีเงินเกินอยู่ที่จำเลย 20,000 บาท ตรวจไม่พบว่าเป็นเงินประเภทใดและเกิดการผิดพลาดด้วยเหตุใดรุ่งขึ้นได้รายงานให้รองผู้กำกับการตำรวจภูธรทราบ แต่ไม่ได้นำเงินเก็บไว้ในเซฟ ผิดระเบียบของทางราชการจำเลยไม่แจ้งให้พนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่มาตรวจนับตัวเงินให้ทราบว่ามีเงินเกินบัญชีอยู่ที่จำเลย แต่แจ้งให้ทราบในวันที่มาตรวจสอบบัญชี เมื่อจำเลยเก็บเงินไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานโดยไม่ปรากฏว่าได้เอาเงินนั้นไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยมิชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นแต่อย่างใด จึงไม่พอฟังว่าจำเลยเบียดบังเงินนั้นเป็นของตนโดยทุจริต ไม่มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2009/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดบัญชีเงินงบประมาณ ไม่พอฟังว่าทุจริต ต้องมีหลักฐานชัดเจน
จากการตรวจสอบบัญชี หลักฐานการเบิกจ่ายเงินงบประมาณซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของจำเลย คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเสนอต่อทางจังหวัดว่า เงินขาดบัญชีไป 1 ล้านบาทเศษ ซึ่งโจทก์ยึดถือกล่าวหาจำเลยเป็นคดีนี้ แต่คณะกรรมการที่ทางจังหวัดตั้งขึ้นตรวจสอบปรากฏว่าจำนวนเงินขาดไปเพียง 1 แสนบาทเศษ ทั้งยังพบหลักฐานการจ่ายเงิน ซึ่งเป็นใบสำคัญคู่จ่ายที่จำเลยยังมิได้ลงไว้ในหลักฐานการเบิกจ่ายเงินในบัญชีเป็นจำนวน 8 แสนบาทเศษ ถ้าหากมีการอนุมัติการจ่ายถูกต้องและลงบัญชีให้ครบถ้วนแล้ว เงินก็จะไม่ขาดบัญชี การที่เงินขาดบัญชีไปน่าจะเกิดจากความบกพร่องในการทำบัญชีไม่เรียบร้อยมิใช่การทุจริตเกิดขึ้น ดังนี้ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3596/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานไม่มีหน้าที่จัดการทรัพย์สิน ไม่ผิดฐานยักยอกทรัพย์ และการยอมความทำให้สิทธิฟ้องระงับ
จำเลยเป็นสหกรณ์อำเภอท่าใหม่และเป็นเลขานุการคณะกรรมการร้านสหกรณ์ท่าใหม่ จำกัด มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบการเงินของร้านสหกรณ์ทุกประเภทในเขตอำเภอนั้น ๆ และมีหน้าที่บันทึกรายงานการประชุม ทำหนังสือโต้ตอบ ทำงบเดือน โดยไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน การที่จำเลยเก็บและรักษาเงินจากการจำหน่ายปุ๋ยให้แก่สมาชิกสหกรณ์แล้วเบียดบังเอาไว้ จึงไม่ใช่เป็นการกระทำของเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเพราะการยอมความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านปัญหานี้ไว้จึงยุติ เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุดังกล่าว ปัญหาเรื่องคดีขาดอายุความหรือไม่ที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้องได้ฎีกาของโจทก์ที่ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความนั้น จึงไม่เป็นสาระแก่คดีศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเพราะการยอมความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านปัญหานี้ไว้จึงยุติ เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุดังกล่าว ปัญหาเรื่องคดีขาดอายุความหรือไม่ที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้องได้ฎีกาของโจทก์ที่ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความนั้น จึงไม่เป็นสาระแก่คดีศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3596/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานไม่มีหน้าที่จัดการทรัพย์สิน ไม่ผิดฐานยักยอกทรัพย์ และการระงับคดีด้วยการยอมความ
จำเลยเป็นสหกรณ์อำเภอท่าใหม่และเป็นเลขานุการคณะกรรมการร้านสหกรณ์ท่าใหม่ จำกัด มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบการเงินของร้านสหกรณ์ทุกประเภทในเขตอำเภอนั้น ๆและมีหน้าที่บันทึกรายงานการประชุม ทำหนังสือโต้ตอบ ทำงบเดือน โดยไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน การที่จำเลยเก็บและรักษาเงินจากการจำหน่ายปุ๋ยให้แก่สมาชิกสหกรณ์แล้วเบียดบังเอาไว้ จึงไม่ใช่เป็นการกระทำของเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเพราะการยอมความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา39(2)โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านปัญหานี้ไว้จึงยุติ เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุดังกล่าว ปัญหาเรื่องคดีขาดอายุความหรือไม่ที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา ย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้องได้ ฎีกาของโจทก์ที่ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความนั้น จึงไม่เป็นสาระแก่คดี ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเพราะการยอมความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา39(2)โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านปัญหานี้ไว้จึงยุติ เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุดังกล่าว ปัญหาเรื่องคดีขาดอายุความหรือไม่ที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา ย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้องได้ ฎีกาของโจทก์ที่ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความนั้น จึงไม่เป็นสาระแก่คดี ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3410/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานรับเงินเกินค่าบริการ ไม่เป็นความผิดฐานเรียกรับผลประโยชน์
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รับจดและต่อทะเบียนยานพาหนะเก็บรักษาเงินค่าภาษียานพาหนะและค่าแผ่นป้ายหมายเลขทะเบียนยานพาหนะ ได้รับเงินที่ผู้มาต่อทะเบียนมอบให้ด้วยความสมัครใจเป็นค่าบริการการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เพราะเงินดังกล่าวใช้เป็นทรัพย์ที่จำเลยมีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษา ทั้งไม่ใช่เป็นเงินของทางราชการหรือของรัฐบาลด้วย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,154 และ 157 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 147 ข้อหาอื่นให้ยกเสียโจทก์มิได้อุทธรณ์ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงยุติแล้วโจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในฐานความผิดตามมาตรา 157อีกไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,154 และ 157 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 147 ข้อหาอื่นให้ยกเสียโจทก์มิได้อุทธรณ์ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงยุติแล้วโจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในฐานความผิดตามมาตรา 157อีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3410/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานรับเงินเกินค่าบริการ ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ หรือปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รับจดและต่อทะเบียนยานพาหนะเก็บรักษาเงินค่าภาษียานพาหนะและค่าแผ่นป้ายหมายเลขทะเบียนยานพาหนะ ได้รับเงินที่ผู้มาต่อทะเบียนมอบให้ด้วยความสมัครใจเป็นค่าบริการ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เพราะเงินดังกล่าวใช้เป็นทรัพย์ที่จำเลยมีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษา ทั้งไม่ใช่เป็นเงินของทางราชการหรือของรัฐบาลด้วย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 154 และ 157 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 147 ข้อหาอื่นให้ยกเสียโจทก์มิได้อุทธรณ์ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงยุติแล้วโจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในฐานความผิดตามมาตรา 157 อีกไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 154 และ 157 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 147 ข้อหาอื่นให้ยกเสียโจทก์มิได้อุทธรณ์ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงยุติแล้วโจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในฐานความผิดตามมาตรา 157 อีกไม่ได้