คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 877

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 428 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งเท็จข้อมูลประกันภัยทำให้กรมธรรม์เป็นโมฆะ ผู้เอาประกันภัยไม่ได้รับค่าสินไหม
โกดังของโจทก์ที่ถูกเพลิงไหม้เป็นอาคารชั้นเดียวแต่โจทก์แจ้งเท็จแก่จำเลยที่1ผู้รับประกันภัยขณะเอาประกันภัยโกดังดังกล่าวว่าเป็นอาคารสองชั้นเพื่อได้มูลค่าประกันสูงขึ้นนั้นเป็นการปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งกำหนดไว้ว่าความรับผิดเพื่อการสูญหายหรือการเสียหายของจำเลยที่1ที่มีต่อผู้เอาประกันภัยเป็นอันลบล้างไปเมื่อผู้เอาประกันภัยแสดงรายการอันเป็นเท็จเพื่อจะได้มาซึ่งประโยชน์ตามกรมธรรม์และเป็นการฉ้อฉลจำเลยที่1จำเลยที่1จึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกันภัยสินค้า บทสันนิษฐานความเสียหาย และการพิสูจน์มูลค่าความเสียหายที่แท้จริง
โจทก์เอาประกันภัยสต๊อกสินค้า รองเท้าทุกชนิดในร้านค้าของโจทก์ไว้กับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 200,000 บาท จำเลยที่ 2ซึ่งเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 เบิกความรับว่า จำเลยที่ 1รับประกันภัยเฉพาะรองเท้าและสินค้าที่อยู่ในร้านโจทก์ ดังนั้นสต๊อกสินค้า รองเท้าทุกชนิด ซึ่งเป็นวัตถุที่เอาประกันภัยไว้จึงมีความหมายรวมถึงรองเท้าและเครื่องหนังทุกชนิด ที่โจทก์มีไว้ในร้านเพื่อขาย มิใช่กรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองแต่รองเท้าอย่างเดียว เมื่อสินค้าในร้านของโจทก์ได้ถูกเพลิงไหม้เสียหายโดยสิ้นเชิง และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 877ได้สันนิษฐานเป็นคุณแก่โจทก์ไว้ก่อนว่า โจทก์มีสิทธิจะเรียกให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าสินไหมทดแทนได้เต็มจำนวนที่เอาประกันภัยไว้เว้นแต่จำเลยที่ 1 จะพิสูจน์หักล้างได้ว่า ความเสียหายของสินค้านั้นต่ำกว่าจำนวนเงินที่ได้เอาประกันไว้ เมื่อจำเลยที่ 1ไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงจำนวนสินค้าที่ถูกเพลิงไหม้อันแท้จริงได้ และน่าเชื่อว่าขณะเกิดเพลิงไหม้สินค้ารองเท้าและเครื่องหนังที่วางจำหน่ายอยู่ในร้านโจทก์ มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4707/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิค่าเสียหายจากประกันภัย: ข้อจำกัดความคุ้มครองและอำนาจฟ้อง
จำเลยขับรถชนรถของ พ.ซึ่งได้เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ได้รับความเสียหาย และ พ.ได้นำรถไปซ่อมและชำระค่าซ่อมเรียบร้อยแล้ว เมื่อโจทก์ขอต่อรองและชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าสินไหมทดแทนที่น้อยกว่าความเป็นจริงให้แก่ พ.ไปแล้ว โจทก์ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของ พ.เรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยได้
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะผู้ขับรถที่เอาประกันภัยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ สัญญาประกันภัยไม่คุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยข้อ 3.9.2 ย่อมไม่เกิดสิทธิที่โจทก์จะรับช่วงสิทธิได้ตามกฎหมาย โดยจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4707/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของบริษัทประกันภัยที่รับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัย กรณีผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาต และการยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกา
จำเลยขับรถชนรถของ พ.ซึ่งได้เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ได้รับความเสียหาย และ พ. ได้นำรถไปซ่อมและชำระค่าซ่อมเรียบร้อยแล้ว เมื่อโจทก์ขอต่อรองและชดใช้ค่าเสียหายเป็น ค่าสินไหมทดแทนที่น้อยกว่าความเป็นจริงให้แก่ พ.ไปแล้วโจทก์ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของพ. เรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยได้ จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะผู้ขับรถที่เอาประกันภัย ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ สัญญาประกันภัย ไม่คุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย ข้อ 3.9.2. ย่อมไม่เกิดสิทธิที่โจทก์จะรับช่วงสิทธิได้ ตามกฎหมาย โดยจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้น ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยความรับผิดของจำเลยที่ 1 ในฐานะหุ้นส่วนนอกประเด็น และการคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยเมื่อผู้ขับขี่มีใบอนุญาต
โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดเนื่องจากพ. เป็นผู้ขับรถของจำเลยที่ 1 และขณะเกิดเหตุปฏิบัติงานในกิจการของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าโจทก์มุ่งหมายให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิด ในฐานะที่ พ. เป็นตัวแทนหรือลูกจ้างของจำเลยที่ 1 เท่านั้น ไม่อาจแปลว่ามุ่งหมายให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดในฐานะหุ้นส่วนของ พ. ด้วย เมื่อจำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้คดีว่า พ. ไม่ใช่ลูกจ้างปฏิบัติงานใน ทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 และศาลชั้นต้นกำหนด ประเด็นพิพาทในชั้นชี้สองสถานเพียงว่า พ. เป็นลูกจ้างของจำเลย ที่ 1 และกระทำในทางการที่จ้างหรือไม่ โจทก์ก็มิได้โต้แย้งคัดค้าน คดีจึงมีประเด็นพิพาทในส่วนที่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยที่ 1 เพียงเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลย ที่ 1 ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์เนื่องจากเป็นหุ้นส่วนกับ พ.และพ. ก่อเหตุละเมิดขณะกระทำภายในขอบวัตถุประสงค์ของหุ้นส่วนจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น กรมธรรม์ประกันภัยมีเงื่อนไขยกเว้นไม่คุ้มครองความรับผิด อัน เกิดจากการขับขี่โดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถยนต์ตาม กฎหมายหรือเคยได้รับแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมาย การมีเงื่อนไขดังกล่าว ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่มีความสามารถทำการขับรถยนต์ที่เอาประกันภัยเพราะจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย อันจะทำให้จำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยต้องเสี่ยงภัยมากขึ้น เมื่อ พ. ได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของกรมตำรวจย่อมมีความรู้ความสามารถในการขับรถยนต์ได้ แม้ไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถของกรมการขนส่งทางบก ก็จะถือว่า เป็นการผิดเงื่อนไข ในกรมธรรม์ประกันภัยมิได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5744/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกันภัยอาคารโรงงาน: ความเสียหายจากน้ำท่วมขังอันเกิดจากการปิดกั้นทางระบายน้ำ
จำเลยรับประกันภัยอาคารโรงงานและทรัพย์สินต่าง ๆ ในโรงงานของโจทก์ต่อมาภายในกำหนดเวลาประกันภัย ฝนตกหนัก น้ำฝนที่ไหลจากหลังคาโรงงานลงมาในบริเวณโรงงานไม่สามารถระบายออกไปสู่นอกโรงงานได้ เพราะโจทก์ก่อกำแพงและเอากระสอบทรายปิดกั้นท่อระบายน้ำไว้เพื่อป้องกันมิให้น้ำภายนอกโรงงานไหลเข้ามา เนื่องจากขณะนั้นเกิดเหตุน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร เป็นเหตุให้น้ำฝนดังกล่าวท่วมขังอาคารโรงงาน ทำให้ทรัพย์สินโจทก์เสียหายความเสียหายดังกล่าวหาใช่เกิดจากน้ำฝนที่ไหลผ่านเข้าไปในสิ่งปลูกสร้างจากการชำรุดของหลังคาประตู หน้าต่าง ช่องลม ท่อน้ำหรือรางน้ำ และหาใช่ความเสียหายซึ่งเป็นผลโดยตรงอันเกิดจากอุบัติเหตุจากการล้นออกมาของน้ำจากท่อน้ำ อันจำเลยจะต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5744/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกันภัยอาคารโรงงาน: ความเสียหายจากน้ำฝนภายในเกิดจากการป้องกันน้ำภายนอก มิใช่ความรับผิดของประกัน
จำเลยรับประกันภัยอาคารโรงงานและทรัพย์สินต่าง ๆ ในโรงงานของโจทก์ต่อมาภายในกำหนดเวลาประกันภัย ฝนตกหนัก น้ำฝนที่ไหลจากหลังคาโรงงานลงมาในบริเวณโรงงานไม่สามารถระบายออกไปสู่นอกโรงงานได้ เพราะโจทก์ก่อกำแพงและเอากระสอบทรายปิดกั้นท่อระบายน้ำไว้เพื่อป้องกันมิให้น้ำภายนอกโรงงานไหลเข้ามา เนื่องจากขณะนั้นเกิดเหตุน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร เป็นเหตุให้น้ำฝนดังกล่าวท่วมขังอาคารโรงงาน ทำให้ทรัพย์สินโจทก์เสียหายความเสียหายดังกล่าวหาใช่เกิดจากน้ำฝนที่ไหลผ่านเข้าไปในสิ่งปลูกสร้างจากการชำรุดของหลังคา ประตู หน้าต่าง ช่องลม ท่อน้ำหรือรางน้ำ และหาใช่ความเสียหายซึ่งเป็นผลโดยตรงอันเกิดจากอุบัติเหตุจากการล้นออกมาของน้ำจากท่อน้ำ อันจำเลยจะต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5475/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัยรถยนต์: การบอกล้างสัญญาโมฆียะ & การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวน
การเอาประกันภัยรถยนต์ของโจทก์ มี ส.นายหน้าผู้หาประกันและพนักงานของจำเลยเป็นผู้ดำเนินการทุกอย่าง โจทก์มิได้แถลงข้อความเท็จหรือละเว้นไม่เปิดเผยความจริงหรือสมคบกับพนักงานของจำเลยหลอกลวงจำเลยแต่ประการใด ดังนั้น แม้จำเลยจะมิได้ให้พนักงานของจำเลยตรวจสภาพรถยนต์ของโจทก์เสียก่อนก็ตาม จำเลยจะอ้างว่าสัญญาประกันภัยเป็นโมฆียะไม่ได้ เมื่อจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่กำหนดตามกรมธรรม์ประกันภัยพนักงานของจำเลยเป็นผู้ตีราคาเอง ทั้งจำเลยก็ได้รับเบี้ยประกันภัยตามราคารถยนต์ที่กำหนดไว้แล้ว จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญา เมื่อรถยนต์ของโจทก์ถูกลักไปจากที่จอด จำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญาซึ่งระบุให้ใช้เต็มจำนวน โดยโจทก์ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบในค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3788/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย การใช้รถยนต์ และความเสียหายจากเหตุอื่น
กรมธรรม์ประกันภัยที่จำเลยที่ 2 ทำไว้กับจำเลยที่ 3 มีข้อความว่า จำเลยที่ 3จะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดตามกฎหมาย เพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก เนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาเอาประกันภัย ข้อความดังกล่าวมีความหมายแต่เพียงว่าจำเลยที่ 2 จะรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เอาประกันภัยแก่บุคคลภายนอกเฉพาะแต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอันเนื่องจากการใช้รถคันที่เอาประกันภัยเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าเหตุที่ไฟไหม้พื้นถนนของโจทก์เกิดเพราะจำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2ผู้เอาประกันภัยทิ้งสินค้าที่เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นเองบนรถที่เอาประกันภัย ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมิใช่อุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ที่จำเลยที่ 3 รับประกันภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3788/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยจำกัดเฉพาะความเสียหายจากอุบัติเหตุการใช้รถยนต์เท่านั้น ไม่ครอบคลุมความเสียหายจากสาเหตุอื่น
กรมธรรม์ประกันภัยที่จำเลยที่ 2 ทำไว้กับจำเลยที่ 3มีข้อความว่า จำเลยที่ 3 จะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดตามกฎหมายเพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก เนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาเอาประกันภัย ข้อความดังกล่าวมีความหมายแต่เพียงว่าจำเลยที่ 2 จะรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เอาประกันภัยแก่บุคคลภายนอกเฉพาะแต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอันเนื่องจากการใช้รถคันที่เอาประกันภัยเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าเหตุที่ไฟไหม้พื้นถนนของโจทก์เกิดเพราะจำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัยทิ้งสินค้าที่เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นเองบนรถที่เอาประกันภัย ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมิใช่อุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ที่จำเลยที่ 3 รับประกันภัย.
of 43