พบผลลัพธ์ทั้งหมด 74 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 162/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงหลักฐานที่ไม่กระทบผลคดี ไม่เป็นความผิดฐานให้การเท็จ
คดีก่อนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องคือคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาปลอมเอกสารและใช้ เอกสารปลอมถึงที่สุดโดย ศาลวินิจฉัยว่าคดีขาดอายุความ ดังนั้น การที่จำเลยนำอาวุธปืนมาแสดงต่อศาลในคดีดังกล่าวเพื่อพิสูจน์ว่าอาวุธปืนที่จำเลยนำไปจดทะเบียนปืนเถื่อน เป็นอาวุธปืนคนละกระบอกกับอาวุธปืนของโจทก์ จึงไม่ใช่การแสดงพยานหลักฐานในข้อสำคัญในคดีเพราะอาวุธปืนดังกล่าวจะเป็นพยานหลักฐานอันเป็นเท็จหรือไม่ ก็หาทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปไม่การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3330/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเท็จในชั้นศาลต้องแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของหลักฐานต่อคดี
ฟ้องว่าแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีแต่มิได้บรรยายว่าพยานหลักฐานอันเป็นเท็จที่จำเลยแสดงต่อศาลนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร อีกทั้งเมื่ออ่านคำฟ้องของโจทก์ทั้งหมดแล้วก็ไม่อาจเข้าใจได้เช่นนั้นคำฟ้องของโจทก์จึงขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3330/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแจ้งความเท็จ/แสดงหลักฐานเท็จ ต้องระบุให้ชัดเจนว่าหลักฐานนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี
ฟ้องว่าแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี แต่มิได้บรรยายว่าพยานหลักฐานอันเป็นเท็จที่จำเลยแสดงต่อศาลนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร อีกทั้งเมื่ออ่านคำฟ้องของโจทก์ทั้งหมดแล้วก็ไม่อาจเข้าใจได้เช่นนั้น คำฟ้องของโจทก์จึงขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับความเท็จและเอกสารปลอม: ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งหกเบิกความเท็จ และแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ในคดีที่จำเลยที่ 2 ร้องขอให้ศาลสั่งว่า อ. เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ และขอให้ตั้งจำเลยที่ 2 เป็นผู้พิทักษ์กับคดีที่จำเลยที่ 2 ร้องขอให้ศาลสั่งว่า อ. เป็นคนไร้ความสามารถ และตั้งจำเลยที่ 2 เป็นผู้อนุบาล โดยโจทก์อ้างว่าจำเลยเบิกความและแสดงหลักฐานว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุตร อ.ซึ่งเป็นความเท็จ ดังนี้ เมื่อโจทก์มิได้เป็นคู่ความในคดีทั้งสอง การเบิกความก็ดี การนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานก็ดีเป็นการกระทำต่อศาล เนื้อความก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับ อ. มิได้เกี่ยวกับโจทก์ คดีเป็นเพียงเรื่องขอให้สั่งให้ อ. เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและไร้ความสามารถเท่านั้น แม้โจทก์จะเป็นทายาทอันดับ 3 ความเท็จที่จำเลยเบิกความหรือนำสืบยังไม่กระทบกระเทือนต่อสิทธิหรือส่วนได้เสียของโจทก์โดยตรง โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายอันจะมีอำนาจฟ้องคดีในความผิดดังกล่าว
ส่วนความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมนั้น โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 ปลอมสูติบัตรของจำเลยที่ 2 และจำเลยทั้งหกร่วมกันปลอมสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยทั้งหก แล้วใช้อ้างเป็นพยานต่อศาลในคดีที่ร้องขอให้ อ. เป็นคนไร้ความสามารถ สูติบัตร และสำเนาทะเบียน ต่างเป็นเอกสารที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทำขึ้น หากจะมีการปลอมแปลงก็มิใช่เป็นการกระทำตอ่โจทก์ ข้อความในสูติบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านไม่เกี่ยวกับโจทก์ การอ้างเอกสารดังกล่าวเป็นพยานก็กระทำต่อศาล มิได้กระทำต่อโจทก์โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายในความผิดดังกล่าวเช่นเดียวกัน.
ส่วนความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมนั้น โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 ปลอมสูติบัตรของจำเลยที่ 2 และจำเลยทั้งหกร่วมกันปลอมสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยทั้งหก แล้วใช้อ้างเป็นพยานต่อศาลในคดีที่ร้องขอให้ อ. เป็นคนไร้ความสามารถ สูติบัตร และสำเนาทะเบียน ต่างเป็นเอกสารที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทำขึ้น หากจะมีการปลอมแปลงก็มิใช่เป็นการกระทำตอ่โจทก์ ข้อความในสูติบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านไม่เกี่ยวกับโจทก์ การอ้างเอกสารดังกล่าวเป็นพยานก็กระทำต่อศาล มิได้กระทำต่อโจทก์โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายในความผิดดังกล่าวเช่นเดียวกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาและฐานปลอมแปลงเอกสาร ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งหกเบิกความเท็จ และแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ในคดีที่จำเลยที่ 2 ร้องขอให้ศาลสั่งว่า อ. เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ และขอให้ตั้งจำเลยที่ 2 เป็นผู้พิทักษ์ กับคดีที่จำเลยที่ 2 ร้องขอให้ศาลสั่งว่า อ. เป็นคนไร้ความสามารถ และตั้งจำเลยที่ 2 เป็นผู้อนุบาล โดยโจทก์อ้างว่าจำเลยเบิกความและแสดงหลักฐานว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุตร อ.ซึ่งเป็นความเท็จ ดังนี้ เมื่อโจทก์มิได้เป็นคู่ความในคดีทั้งสอง การเบิกความก็ดี การนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานก็ดี เป็นการกระทำต่อศาล เนื้อความก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับ อ. มิได้เกี่ยวกับโจทก์ คดีเป็นเพียงเรื่องขอให้สั่งให้ อ. เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและไร้ความสามารถเท่านั้น แม้โจทก์จะเป็นทายาทอันดับ 3 ความเท็จที่จำเลยเบิกความหรือนำสืบยังไม่กระทบกระเทือนต่อสิทธิหรือส่วนได้เสียของโจทก์โดยตรง โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายอันจะมีอำนาจฟ้องคดีในความผิดดังกล่าว
ส่วนความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมนั้น โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 ปลอมสูติบัตรของจำเลยที่ 2 และจำเลยทั้งหกร่วมกันปลอมสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยทั้งหก แล้วใช้อ้างเป็นพยานต่อศาลในคดีที่ร้องขอให้ อ. เป็นคนไร้ความสามารถ สูติบัตร และสำเนาทะเบียน ต่างเป็นเอกสารที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทำขึ้น หากจะมีการปลอมแปลงก็มิใช่เป็นการกระทำต่อโจทก์ ข้อความในสูติบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านไม่เกี่ยวกับโจทก์ การอ้างเอกสารดังกล่าวเป็นพยานก็กระทำต่อศาล มิได้กระทำต่อโจทก์ โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายในความผิดดังกล่าวเช่นเดียวกัน
ส่วนความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมนั้น โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 ปลอมสูติบัตรของจำเลยที่ 2 และจำเลยทั้งหกร่วมกันปลอมสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยทั้งหก แล้วใช้อ้างเป็นพยานต่อศาลในคดีที่ร้องขอให้ อ. เป็นคนไร้ความสามารถ สูติบัตร และสำเนาทะเบียน ต่างเป็นเอกสารที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทำขึ้น หากจะมีการปลอมแปลงก็มิใช่เป็นการกระทำต่อโจทก์ ข้อความในสูติบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านไม่เกี่ยวกับโจทก์ การอ้างเอกสารดังกล่าวเป็นพยานก็กระทำต่อศาล มิได้กระทำต่อโจทก์ โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายในความผิดดังกล่าวเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาและฐานปลอมแปลงเอกสาร ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งหกเบิกความเท็จ และแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ในคดีที่จำเลยที่ 2 ร้องขอให้ศาลสั่งว่า อ.เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและขอให้ตั้งจำเลยที่ 2 เป็นผู้พิทักษ์กับคดีที่จำเลยที่ 2 ร้องขอให้ศาลสั่งว่า อ. เป็นคนไร้ความสามารถและตั้งจำเลยที่ 2 เป็นผู้อนุบาล โดยโจทก์อ้างว่าจำเลยเบิกความและแสดงหลักฐานว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุตร อ. ซึ่งเป็นความเท็จดังนี้ เมื่อโจทก์มิได้เป็นคู่ความในคดีทั้งสอง การเบิกความก็ดีการนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานก็ดี เป็นการกระทำต่อศาล เนื้อความก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับ อ. มิได้เกี่ยวกับโจทก์ คดีเป็นเพียงเรื่องขอให้สั่งให้ อ. เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและไร้ความสามารถเท่านั้น แม้โจทก์จะเป็นทายาทอันดับ 3 ความเท็จที่จำเลยเบิกความหรือนำสืบยังไม่กระทบกระเทือนต่อสิทธิหรือส่วนได้เสียของโจทก์โดยตรง โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายอันจะมีอำนาจฟ้องคดีในความผิดดังกล่าว ส่วนความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมนั้น โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 ปลอมสูติบัตรของจำเลยที่ 2 และจำเลยทั้งหกร่วมกันปลอมสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยทั้งหก แล้วใช้อ้างเป็นพยานต่อศาลในคดีที่ร้องขอให้ อ. เป็นคนไร้ความสามารถ สูติบัตร และสำเนาทะเบียนบ้านต่างเป็นเอกสารที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทำขึ้น หากจะมีการปลอมแปลงก็มิใช่เป็นการกระทำต่อโจทก์ ข้อความในสูติบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านไม่เกี่ยวกับโจทก์ การอ้างเอกสารดังกล่าวเป็นพยานก็กระทำต่อศาล มิได้กระทำต่อโจทก์ โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายในความผิดดังกล่าวเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5020/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: เบิกความเท็จและนำสืบพยานหลักฐานเท็จ
จำเลยกระทำความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177พร้อมกันไปกับการกระทำผิดฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180 การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5020/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดกรรมเดียวฯ เบิกความเท็จและนำสืบพยานหลักฐานเท็จ ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
จำเลยกระทำความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 พร้อมกันไปกับการกระทำผิดฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180 การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4824/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารและการเบิกความเท็จในคดีแพ่ง ศาลฎีกาชี้เฉพาะความผิดฐานเบิกความเท็จ
จำเลยกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์ลงชื่อมอบให้จำเลยซื้อที่ดินของ ด. แทนโดยฝ่าฝืนคำสั่งของโจทก์และลงวันที่ย้อนหลัง แล้วนำไปใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานและนำสืบในคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาทระหว่าง จำเลยกับ ว. เพื่อให้ศาลหลงเชื่อว่าโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยจัดการเกี่ยวกับที่ดินแปลงอื่นมิใช่มอบให้จัดการซื้อที่ดินของ ด. ดังนี้ เป็นการปลอมหนังสือมอบอำนาจขึ้นเพื่อนำไปใช้เป็นพยานหลักฐานต่อศาลในคดีแพ่ง โดยเจตนาให้ศาลหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง หากจำเลยจะมีความผิดเนื่องจากการกระทำดังกล่าวของจำเลย จำเลยก็จะมีความผิดเฉพาะฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180 อันเป็นเจตนาที่แท้จริงของจำเลยเท่านั้น จำเลยหามีความผิดตามมาตรา 264 และ 268 ไม่เพราะไม่ปรากฏว่าข้อความที่จำเลยปลอมขึ้นในหนังสือมอบอำนาจได้ก่อหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์แต่ประการใด
ประเด็นสำคัญในคดีแพ่งมีว่า โจทก์สั่งจ่ายเช็คให้จำเลยไปวางมัดจำและชำระราคาที่ดินบางส่วนในการทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินของ ด. แทนโจทก์แต่จำเลยรับโอนที่ดินนั้นใส่ชื่อตนเองจริงหรือไม่ ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับหนังสือมอบอำนาจ จำเลยจะไม่ส่งอ้างหนังสือมอบอำนาจนี้ก็ได้ เพราะเป็นการมอบอำนาจให้จัดการเกี่ยวกับที่ดินต่างแปลงกัน การที่จำเลยนำสืบถึงเอกสารหนังสือมอบอำนาจนี้จึงไม่เป็นการนำสืบพยานหลักฐานในข้อสำคัญในคดี จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180
จำเลยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์สั่งจ่ายเช็คให้จำเลยนำไปว่างมัดจำและชำระค่าที่ดินของ ด. มิใช่จ่ายเช็คชำระหนี้ให้จำเลยการที่จำเลยเบิกความว่าโจทก์สั่งจ่ายเช็คดังกล่าวชำระหนี้ให้จำเลย จึงเป็นการเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีแพ่ง อันเป็นประเด็นข้อสำคัญในคดีจำเลยจึงมีความผิดฐานเบิกความเท็จ
ประเด็นสำคัญในคดีแพ่งมีว่า โจทก์สั่งจ่ายเช็คให้จำเลยไปวางมัดจำและชำระราคาที่ดินบางส่วนในการทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินของ ด. แทนโจทก์แต่จำเลยรับโอนที่ดินนั้นใส่ชื่อตนเองจริงหรือไม่ ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับหนังสือมอบอำนาจ จำเลยจะไม่ส่งอ้างหนังสือมอบอำนาจนี้ก็ได้ เพราะเป็นการมอบอำนาจให้จัดการเกี่ยวกับที่ดินต่างแปลงกัน การที่จำเลยนำสืบถึงเอกสารหนังสือมอบอำนาจนี้จึงไม่เป็นการนำสืบพยานหลักฐานในข้อสำคัญในคดี จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180
จำเลยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์สั่งจ่ายเช็คให้จำเลยนำไปว่างมัดจำและชำระค่าที่ดินของ ด. มิใช่จ่ายเช็คชำระหนี้ให้จำเลยการที่จำเลยเบิกความว่าโจทก์สั่งจ่ายเช็คดังกล่าวชำระหนี้ให้จำเลย จึงเป็นการเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีแพ่ง อันเป็นประเด็นข้อสำคัญในคดีจำเลยจึงมีความผิดฐานเบิกความเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2039/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งงบดุลกองมรดกเท็จที่ไม่ทำให้ทายาทเสียสิทธิ ไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ
โจทก์และจำเลยต่างก็เป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดก. เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นทายาทยื่นคำร้องต่อศาลขอให้จำเลยจ่ายเงินแก่ทายาท. จำเลยยื่นงบดุลกองมรดกต่อศาลแสดงจำนวนเงินเหลืออยู่มากกว่าจำนวนที่เหลืออยู่จริง. แม้จะเป็นเท็จก็มิใช่เป็นข้อสำคัญในคดี. และโจทก์ซึ่งเป็นทายาทก็ไม่ได้รับความเสียหายเพราะไม่ทำให้โจทก์มีสิทธิได้รับเงินมรดกน้อยกว่าจำนวนที่เป็นจริง. การกระทำของจำเลยไม่มีมูลความผิดฐานแจ้งความเท็จหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ. (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 9/2518).