คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 44 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 388/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ใหญ่บ้านสนับสนุนทำบัตรประชาชนปลอม ความผิดตาม พ.ร.บ.บัตรประชาชน และประมวลกฎหมายอาญา
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้สนับสนุนให้ความช่วยเหลือ โดยลงลายมือชื่อรับรองอันเป็นเท็จลงในด้านหลังของคำขอมีบัตร มีบัตรใหม่หรือเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชน ว่า จ. คือ บ. ซึ่งมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ 241 เป็นลูกบ้านในหมู่บ้านซึ่งจำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ แม้จะไม่มีคำว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงาน แต่ถือได้ว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานแล้ว เนื่องจากผู้ใหญ่บ้านย่อมเป็นเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ฯ การรกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชนฯ มาตรา 14 วรรคสาม ซึ่งมีโทษจำคุกขั้นต่ำตั้งแต่ 1 ปี ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ลงโทษจำเลยตามมาตรา 14 (1) (3) วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 และลงโทษจำคุกจำเลย 8 เดือน นั้น เห็นว่าไม่ถูกต้อง และเป็นการวางโทษที่ต่ำกว่ากฎหมาย แต่เมื่อโจทก์มิได้ฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่อาจแก้ไขโทษให้ถูกต้องได้เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยซึ่งต้องห้ามตามมาตรา 212 ประกอบด้วยมาตรา 225 แห่ง ป.วิ.อ. แต่เห็นควรปรับบทให้ถูกต้อง โดยไม่เพิ่มเติมโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการฟ้องร้องเพิกถอนการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน: ต้องมีกฎหมายรองรับสิทธิ
ผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้านยื่นคำร้องขอโดยมีความประสงค์ที่จะให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน และให้มีการเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่พ.ศ. 2457 ไม่มีบทบัญญัติสนับสนุนให้สิทธิแก่ผู้ร้องในอันที่จะต้องใช้สิทธิทางศาลหรืออนุญาตให้ยื่นเป็นคำร้องขอได้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทเพื่อให้ศาลมีคำสั่งตามที่ผู้ร้องขอได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3733/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการโต้แย้งผลการเลือกตั้งกำนัน และการพิสูจน์ความชอบด้วยกฎหมายของการเลือกตั้ง
เมื่อผู้ร้องอ้างว่าการเลือกตั้งกำนันเป็นไปโดยมิชอบแล้ว ขอให้มีการเลือกตั้งใหม่จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายแพ่ง ผู้ร้องจึงมีสิทธิที่จะใช้สิทธิในทางศาลขอให้สั่งว่าการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นไปโดยมิชอบ และขอให้ศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 คำร้องได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโดยสมบูรณ์แล้ว ส่วนที่ไม่ได้ระบุว่าเจ้าพนักงานผู้ใดในหน่วยเลือกตั้งที่1 ที่ 2 ช่วยเหลือผู้สมัครหมายเลข 2 และเจ้าพนักงานผู้ใดในหน่วยเลือกตั้งที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ไม่ยินยอมให้ผู้ร้องรับรองให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนที่มีชื่อนามสกุลผิดพลาดลงคะแนนเสียงได้นั้นเป็นรายละเอียดหาจำเป็นต้องกล่าวในคำร้องไม่ คำร้องไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1535/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ในคดีขับไล่ และอำนาจฟ้องของศาลเจ้า รวมถึงการนำสืบหลักฐานการแต่งตั้งผู้จัดการ
อสังหาริมทรัพย์ที่ฟ้องขับไล่อาจให้เช่าได้เดือนละไม่เกิน 5,000 บาท หรือไม่เมื่อโจทก์มิได้กล่าวความข้อนี้มาในฟ้อง ก็ต้องพิจารณาจาก ข้อเท็จจริงในสำนวนเมื่อบ้านพิพาทปลูกสร้างมาไม่น้อยกว่า 50 ปี บนเนื้อที่ประมาณ 20 ตารางวา ดังนี้ จึงอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ5,000 บาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248วรรคสอง ผู้จัดการปกครองและผู้ตรวจตราสอดส่องศาลจ้าวมีอำนาจฟ้องแทนศาลจ้าวได้ และการนำสืบการแต่งตั้งผู้จัดการปกครองและผู้ตรวจตราศาลจ้าวตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พุทธศักราช 2457 นั้น มิได้ บัญญัติว่าจะต้องมีเอกสาร (หมายตั้ง) มาแสดง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทางสาธารณประโยชน์โดยปริยาย การโอนกรรมสิทธิ์ และอำนาจฟ้องของเจ้าหน้าที่ปกครอง
การที่เจ้าของที่ดินเดิมได้ปลูกต้นพู่ระหงไว้เป็นแนวเขตที่ของตนโดยเว้นที่นอกเขตรั้วพู่ระหงไว้ให้เป็นทางคนเดินและประชาชนได้ใช้ทางสายนี้ติดต่อกันตลอดมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว โดยเจ้าของที่ดินมิได้หวงห้ามหรือสงวนสิทธิไว้แต่ประการใดนั้น แสดงว่าได้อุทิศที่พิพาทให้เป็นทางสาธารณประโยชน์แล้วโดยปริยาย และการที่จะเป็นทางสาธารณประโยชน์หรือทางหลวงนั้น ก็หาจำต้องมีทะเบียนหรือมีหลักฐานของทางราชการสงวนสิทธิไว้แต่ประการใดไม่
ทรัพย์สินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินจะโอนแก่กันมิได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา การที่จำเลยโอนที่พิพาทอันเป็นทางสาธารณประโยชน์ให้บุคคลอื่น จึงใช้บังคับไม่ได้ ศาลย่อมมีอำนาจที่จะบังคับคดีให้จำเลยรื้อถอนกำแพงและสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณประโยชน์ได้
ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา122 กำหนดให้กรมการอำเภอมีหน้าที่คอยตรวจตรารักษาที่อันเป็นสาธารณประโยชน์มิให้ผู้ใดเกียดกันเอาไปเป็นอาณาประโยชน์ส่วนตัว ต่อมามี พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 มาตรา 40 วรรคสาม ได้ให้อำนาจหน้าที่ของกรมการอำเภอโอนไปเป็นอำนาจและหน้าที่ของนายอำเภอ และตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 ได้บัญญัติให้หัวหน้าเขตมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายใด ๆ บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของนายอำเภอและหัวหน้าส่วนอำเภอ โจทก์ในฐานะหัวหน้าเขตบางกอกน้อยผู้มีหน้าที่ตรวจตรารักษาทางสาธารณประโยชน์ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ย่อมมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนกำแพงและสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณประโยชน์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีครอบครองปรปักษ์: การรบกวนการครอบครอง และข้อพิพาทเรื่องสาธารณสมบัติ
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาท โดยโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 นำป้ายไปปักในที่ดินของโจทก์ และอ้างว่าเป็นที่สาธารณะตะกาดวังหินของจำเลยที่ 1 ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยการครอบครอง ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องดังนี้ จึงเห็นได้ว่าโจทก์เป็นผู้ยึดถือครอบครองที่พิพาท แต่เมื่อถูกจำเลยรบกวนสิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ยึดถือครอบครองอยู่ และจำเลยก็ได้แย้งสิทธิในทรัพย์พิพาทว่าเป็นที่สาธารณะ ถือว่าโจทก์จำเลยมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นในทรัพย์นั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องในที่พิพาทได้ หาใช่เป็เรื่องโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาท โดยโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะขอให้ศาลพิพากษาตามคำขอท้ายฟ้องไม่
แม้โจทก์ไม่ได้แจ้งการครอบครองที่พิพาทภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดซึ่งตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 5 บัญญัติให้ถือว่าโจทก์มีเจตนาสละสิทธิครอบครองก็ดี ก็เป็นเรื่องของรัฐที่จะว่ากล่าวกับผู้ยึดถือครอบครองที่ดินนั้นเองแต่คดีนี้เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะเทศบาลตำบลชะอำ และจำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัว ที่เข้ามารบกวนสิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ยึดถือครอบครองอยู่ โจทก์หาได้พิพาทกับรัฐโดยตรงไม่ และเมื่อข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ ถ้าไม่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินจำเลยก็ไม่มีสิทธิเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือถ้าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ร่วมกัน ก็อาจอยู่ในอำนาจหน้าที่ของนายอำเภอ เป็นผู้ดูแลจัดการคุ้มครองป้องกันก็ได้ หาใช่อำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเทศบาลตำบลไม่ ดังนั้นศาลจะพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีครอบครองปรปักษ์: การรบกวนสิทธิครอบครองและการพิพาทเกี่ยวกับที่สาธารณะ
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาทโดยโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 นำป้ายไปปักในที่ดินของโจทก์ และอ้างว่าเป็นที่สาธารณะตะกาดวังหินของจำเลยที่ 1 ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยการครอบครอง ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง ดังนี้ จึงเห็นได้ว่าโจทก์เป็นผู้ยึดถือครอบครองที่พิพาท แต่เมื่อถูกจำเลยรบกวนสิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ยึดถือครอบครองอยู่ และจำเลยก็ได้แย้งสิทธิในทรัพย์พิพาทว่าเป็นที่สาธารณะ ถือว่าโจทก์จำเลยมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นในทรัพย์นั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แล้วโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องในที่พิพาทได้ หาใช่เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาท โดยโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะขอให้ศาลพิพากษาตามคำขอท้ายฟ้องไม่
แม้โจทก์ไม่ได้แจ้งการครอบครองที่พิพาทภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดซึ่งตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินพ.ศ.2497 มาตรา 5 บัญญัติให้ถือว่าโจทก์มีเจตนาสละสิทธิครอบครองก็ดี ก็เป็นเรื่องของรัฐที่จะว่ากล่าวกับผู้ยึดถือครอบครองที่ดินนั้นเอง แต่คดีนี้เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะเทศบาลตำบลชะอำ และจำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวที่เข้ามารบกวนสิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ยึดถือครอบครองอยู่ โจทก์หาได้พิพาทกับรัฐโดยตรงไม่และเมื่อข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ ถ้าไม่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินจำเลยก็ไม่มีสิทธิเข้าไปเกี่ยวข้องหรือถ้าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ร่วมกันก็อาจอยู่ในอำนาจหน้าที่ของนายอำเภอ เป็นผู้ดูแลจัดการคุ้มครองป้องกันก็ได้ หาใช่อำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเทศบาลตำบลไม่ ดังนั้น ศาลจะพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 776-777/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทิศที่ดินให้ศาลจ้าวต้องทำตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ผู้มีกรรมสิทธิ์จะยกให้กันเองไม่ได้
ผู้ที่ปรารถนาจะอุทิศที่ดินของตนให้เป็นสมบัติของศาลจ้าว ต้องยื่นเรื่องราวแสดงความปรารถนาเป็นลายลักษณ์อักษรมอบหมายให้แก่นายอำเภอผู้ปกครองท้องที่ จะทำหนังสือยกให้กันเองหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 309/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่อาจถูกครอบครองเป็นเจ้าของได้ และการขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
คำสั่งผู้รักษาการแทนนายอำเภอเมื่อ พ.ศ.2496 ห้ามมิให้จำเลยทำนาในหนองสาธารณะ เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายจำเลยเข้าทำนาเมื่อ พ.ศ.2498 ศาลลงโทษจำเลยฐานขัดคำสั่งตาม มาตรา334(2) กฎหมายลักษณะอาญา
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา94 ไม่ถือความผิดลหุโทษเป็นความผิดเพื่อเพิ่มโทษ ศาลอุทธรณ์ลงโทษและเพิ่มโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา76 ถูกต้องตามกฎหมายในเวลานั้นเมื่อจำเลยฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาแก้เป็นไม่เพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3
หนองสาธารณะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ใครจะอ้างอายุความครอบครองยันต่อแผ่นดินไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดต่อเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่: ผู้ใหญ่บ้านตักเตือนการเสพสุรา
จำเลยนั่งเสพสุราอยู่ ผู้ตายเป็นผู้ใหญ่บ้านมาพบเข้าได้พูดตักเตือนให้จำเลยกลับบ้าน จำเลยไม่ยอมกลับ และเกิดโต้เถียงกันขึ้น จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามมาตรา 250 เพราะผู้ตายเป็นผู้ใหญ่บ้านชอบที่จะว่ากล่าวตักเตือนเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยได้
of 5