พบผลลัพธ์ทั้งหมด 133 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางจากความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด: หลักเกณฑ์การพิจารณาว่าทรัพย์สินนั้นเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่
ธนบัตร เหรียญ สร้อยคอทองคำ และสร้อยข้อมือทองคำ ของกลางที่โจทก์ขอให้ริบ โจทก์กล่าวอ้างมาในคำฟ้องและคำฟ้องฎีกาว่า เป็นทรัพย์ที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนก่อนหน้านี้ ของกลางดังกล่าวเมื่อมิใช่เครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ หรือวัตถุอื่น ซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 102 และไม่ใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิด หรือได้มาโดยกระทำความผิดซึ่งหมายถึงเฉพาะความผิดที่กระทำในคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33(2) ศาลจึงไม่ริบ
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2543)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2543)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1489/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเรา, การสนับสนุน, ความยินยอม, การโทรมหญิง, ภาวะจำยอม
จำเลยทั้งสามกับพวกได้ร่วมกันพาผู้เสียหายไปที่บ้านเกิดเหตุเพื่อกระทำชำเราจำเลยที่ 3 กระทำชำเราผู้เสียหายโดยผู้เสียหายยินยอม จึงไม่มีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา แต่เมื่อจำเลยที่ 3 ออกไปจากห้องแล้วปล่อยให้จำเลยที่ 1 ที่ 2และพวกอีก2 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าไปข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในห้องทีละคนโดยจำเลยที่ 3 มิได้ขัดขวางหรือห้ามปรามแต่อย่างใดถือว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และพวกอีก 2 คน ก่อนหรือขณะกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะเป็นการโทรมหญิงจำเลยที่ 3 จึงมีความผิดเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนของกลางต้องรอคำพิพากษาลงโทษและคำสั่งริบทรัพย์สินก่อน
กรณีขอคืนทรัพย์สินตาม ป.อ. มาตรา 36 ศาลต้องมีคำสั่งให้ริบทรัพย์สินก่อน จึงจะมีคำสั่งในเรื่องของกลางได้
ขณะคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองและมีคำสั่งให้ริบรถยนต์ของกลางแล้ว ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาและมีคำสั่งคำร้องขอคืนของกลาง จึงไม่ชอบ ศาลชั้นต้นต้องรอฟังผลคำพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้ริบของกลางก่อน
ขณะคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองและมีคำสั่งให้ริบรถยนต์ของกลางแล้ว ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาและมีคำสั่งคำร้องขอคืนของกลาง จึงไม่ชอบ ศาลชั้นต้นต้องรอฟังผลคำพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้ริบของกลางก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนทรัพย์สินของกลาง: ต้องมีคำสั่งริบก่อน จึงมีคำสั่งคืนได้ ศาลต้องรอผลคำพิพากษาลงโทษและริบทรัพย์สินก่อน
กรณีขอคืนทรัพย์สินตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ศาลต้องมีคำสั่งให้ริบทรัพย์สินก่อน จึงจะมีคำสั่งในเรื่องของกลางได้
ขณะคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองและมีคำสั่งให้ริบรถยนต์ของกลางแล้ว ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาและมีคำสั่งคำร้องขอคืนของกลาง จึงไม่ชอบ ศาลชั้นต้นต้องรอฟังผลคำพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้ริบของกลางก่อน
ขณะคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองและมีคำสั่งให้ริบรถยนต์ของกลางแล้ว ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาและมีคำสั่งคำร้องขอคืนของกลาง จึงไม่ชอบ ศาลชั้นต้นต้องรอฟังผลคำพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้ริบของกลางก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแถลงหมดพยานกับการดำเนินกระบวนพิจารณา: ศาลอุทธรณ์ต้องรับวินิจฉัยอุทธรณ์เพิกถอนกระบวนพิจารณา
ทนายจำเลยแถลงหมดพยาน กรณีมิใช่ทนายจำเลยแถลงขอเลื่อนคดีไปสืบพยานจำเลยต่อ ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ถูกต้องแล้ว
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าทนายจำเลยแถลงหมดพยานมิใช่แถลงขอเลื่อนคดี เท่ากับศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาถูกต้องแล้ว แต่การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต่อไปว่าเมื่อทนายจำเลยแถลงหมดพยานจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานจำเลยต่อไป จึงไม่รับวินิจฉัยและพิพากษายกอุทธรณ์นั้น เมื่อคดีนี้ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 และจำเลยอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นโดยอ้างว่าผิดระเบียบ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยและพิพากษายกอุทธรณ์จึงเป็นการไม่ชอบ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าทนายจำเลยแถลงหมดพยานมิใช่แถลงขอเลื่อนคดี เท่ากับศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาถูกต้องแล้ว แต่การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต่อไปว่าเมื่อทนายจำเลยแถลงหมดพยานจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานจำเลยต่อไป จึงไม่รับวินิจฉัยและพิพากษายกอุทธรณ์นั้น เมื่อคดีนี้ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 และจำเลยอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นโดยอ้างว่าผิดระเบียบ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยและพิพากษายกอุทธรณ์จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษกรรมเดียวผิดหลายบทในคดีอาญา: พยายามฆ่าและฆ่าผู้อื่น
โจทก์ฟ้องในข้อ 1 ว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมแล้วแยกการกระทำเป็นข้อ ก. และข้อ ข. โดยข้อ ก. เป็นเรื่องพาอาวุธปืน ข้อ ข. เป็นเรื่องพยายามฆ่าผู้เสียหายและฆ่าผู้ตายรวมกัน โดยบรรยายว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายและผู้ตายหลายนัด กระสุนปืนไม่ถูกผู้เสียหาย และกระสุนปืนที่จำเลยยิงดังกล่าวยังไปถูกผู้ตายหลายแห่งแสดงว่า มีการยิงผู้เสียหายและผู้ตายหลายนัดในคราวเดียวโดยกระทำต่อเนื่องกัน โจทก์รวมการกระทำเหล่านี้ไว้ในฟ้องข้อ ข. โดยถือเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำผิด2 กรรม คือพาอาวุธปืนกรรมหนึ่ง พยายามฆ่าผู้เสียหายและฆ่าผู้ตายรวมกันมาอีกกรรมหนึ่ง การที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายและฐานฆ่าผู้ตายแยกออกจากกันเป็น 2 กรรม จึงเป็นการลงโทษเกินฟ้อง อันเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ชอบที่ศาลฎีกาจะแก้ไขให้ถูกต้องเป็นว่าความผิดฐานพยายามฆ่าและฆ่าผู้อื่นเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษกรรมเดียวผิดหลายบท: พยายามฆ่าและฆ่าผู้อื่น
โจทก์ฟ้องในข้อ 1 ว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมแล้วแยกการกระทำเป็นข้อ ก. และข้อ ข. โดยข้อ ก.เป็นเรื่องพาอาวุธปืน ข้อ ข.เป็นเรื่องพยายามฆ่าผู้เสียหายและฆ่าผู้ตายรวมกัน โดยบรรยายว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายและผู้ตายหลายนัด กระสุนปืนไม่ถูกผู้เสียหาย และกระสุนปืนที่จำเลยยิงดังกล่าวยังไปถูกผู้ตายหลายแห่งแสดงว่า มีการยิงผู้เสียหายและผู้ตายหลายนัดในคราวเดียวโดยกระทำต่อเนื่องกัน โจทก์รวมการกระทำเหล่านี้ไว้ในฟ้องข้อ ข. โดยถือเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำผิด 2 กรรม คือพาอาวุธปืนกรรมหนึ่ง พยายามฆ่าผู้เสียหายและฆ่าผู้ตายรวมกันมาอีกกรรมหนึ่ง การที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายและฐานฆ่าผู้ตายแยกออกจากกันเป็น 2 กรรมจึงเป็นการลงโทษเกินฟ้อง อันเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ชอบที่ศาลฎีกาจะแก้ไขให้ถูกต้องเป็นว่า ความผิดฐานพยายามฆ่าและฆ่าผู้อื่นเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา 288อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ. มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วน/บริษัทเป็นมรดก: ศาลต้องสืบพยานเพื่อพิสูจน์สิทธิของทายาท
เมื่อ พ. ถึงแก่ความตาย สิทธิหน้าที่และความรับผิดอันเป็นทรัพย์สินที่ พ. มีอยู่ ในกิจการห้างหุ้นส่วนจำกัด ล. บริษัท ท. และกิจการของบริษัท ด. อันได้แก่เงินลงหุ้น ค่าหุ้น ผลกำไร และเงินปันผลเป็นต้น ย่อมเป็นมรดก
แม้โจทก์ได้บรรยายฟ้องขอให้แบ่งกิจการของห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัดทั้งสองดังกล่าวก็ตาม แต่ตามคำฟ้องโจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องระบุว่า เงินที่ใช้ลงทุนในการก่อสร้างกิจการเป็นของ พ. เจ้ามรดก ดังนี้ถือได้ว่า โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งมรดกที่เป็นสิทธิอันเป็นทรัพย์สินของ พ. ที่มีอยู่ในห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัดทั้งสองนั้นเอง
แม้โจทก์ได้บรรยายฟ้องขอให้แบ่งกิจการของห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัดทั้งสองดังกล่าวก็ตาม แต่ตามคำฟ้องโจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องระบุว่า เงินที่ใช้ลงทุนในการก่อสร้างกิจการเป็นของ พ. เจ้ามรดก ดังนี้ถือได้ว่า โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งมรดกที่เป็นสิทธิอันเป็นทรัพย์สินของ พ. ที่มีอยู่ในห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัดทั้งสองนั้นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท-การกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงและวิทยุคมนาคม: ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นความผิดและโทษ
การกระทำความผิดของจำเลยทั้งหกฐานซื้อหรือรับไว้ซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงของกลางที่มีถิ่นกำเนิดในต่างประเทศและหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรฐานจัดตั้งสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานปลอมปนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจำหน่าย และฐานเป็นผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพต่ำกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด แต่ละฐานแยกออกต่างหากจากกันได้ชัดเจนทั้งในแง่เจตนาในการกระทำ สภาพและลักษณะของการกระทำ เวลาที่การกระทำเป็นความผิดสำเร็จลงตลอดจนบทกฎหมายที่บัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ต่างบทมาตรากัน จึงเป็นการกระทำความผิดแยกเป็น 4 กรรม
จำเลยทั้งหกมีวิทยุคมนาคมไว้ก็ด้วยเจตนาเพื่อใช้ การที่จำเลยทั้งหกนำเครื่องวิทยุคมนาคมที่มีอยู่มาตั้งเป็นสถานีวิทยุคมนาคมก็ด้วยเจตนาเพื่อใช้เช่นกันแล้วจำเลยก็ใช้เครื่องวิทยุคมนาคมที่มีและตั้งขึ้นเป็นสถานีวิทยุคมนาคมเหล่านั้น อันเป็นเครื่องวิทยุคมนาคมตามรายการเดียวกัน การกระทำของจำเลยทั้งหกใน 3 ฐานความผิดที่กล่าว จึงเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งหกมีเจตนาเดียว เพื่อที่จะสามารถติดต่อด้วยเครื่องวิทยุคมนาคม จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
จำเลยทั้งหกมีวิทยุคมนาคมไว้ก็ด้วยเจตนาเพื่อใช้ การที่จำเลยทั้งหกนำเครื่องวิทยุคมนาคมที่มีอยู่มาตั้งเป็นสถานีวิทยุคมนาคมก็ด้วยเจตนาเพื่อใช้เช่นกันแล้วจำเลยก็ใช้เครื่องวิทยุคมนาคมที่มีและตั้งขึ้นเป็นสถานีวิทยุคมนาคมเหล่านั้น อันเป็นเครื่องวิทยุคมนาคมตามรายการเดียวกัน การกระทำของจำเลยทั้งหกใน 3 ฐานความผิดที่กล่าว จึงเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งหกมีเจตนาเดียว เพื่อที่จะสามารถติดต่อด้วยเครื่องวิทยุคมนาคม จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดหลายกรรม vs. กรรมเดียว: น้ำมันเถื่อน-สถานีบริการ-วิทยุคมนาคม
การกระทำความผิดของจำเลยทั้งหกฐานซื้อหรือรับไว้ซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงของกลางที่มีถิ่นกำเนิดในต่างประเทศและหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรฐานจัดตั้งสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานปลอมปนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจำหน่าย และฐานเป็นผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพต่ำกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด แต่ละฐานแยกออกต่างหากจากกันได้ชัดเจนทั้งในแง่เจตนาในการกระทำ สภาพและลักษณะของการกระทำ เวลาที่การกระทำเป็นความผิดสำเร็จลง ตลอดจนบทกฎหมายที่บัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ต่างบทมาตรากัน จึงเป็นการกระทำความผิดแยกเป็น 4 กรรม
จำเลยทั้งหกมีวิทยุคมนาคมไว้ก็ด้วยเจตนาเพื่อใช้ การที่จำเลยทั้งหกนำเครื่องวิทยุคมนาคมที่มีอยู่มาตั้งเป็นสถานีวิทยุคมนาคมก็ด้วยเจตนาเพื่อใช้เช่นกันแล้วจำเลยก็ใช้เครื่องวิทยุคมนาคมที่มีและตั้งขึ้นเป็นสถานีวิทยุคมนาคมเหล่านั้น อันเป็นเครื่องวิทยุคมนาคมตามรายการเดียวกัน การกระทำของจำเลยทั้งหกใน 3 ฐานความผิดที่กล่าว จึงเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งหกมีเจตนาเดียว เพื่อที่จะสามารถติดต่อด้วยเครื่องวิทยุคมนาคม จึงเป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
จำเลยทั้งหกมีวิทยุคมนาคมไว้ก็ด้วยเจตนาเพื่อใช้ การที่จำเลยทั้งหกนำเครื่องวิทยุคมนาคมที่มีอยู่มาตั้งเป็นสถานีวิทยุคมนาคมก็ด้วยเจตนาเพื่อใช้เช่นกันแล้วจำเลยก็ใช้เครื่องวิทยุคมนาคมที่มีและตั้งขึ้นเป็นสถานีวิทยุคมนาคมเหล่านั้น อันเป็นเครื่องวิทยุคมนาคมตามรายการเดียวกัน การกระทำของจำเลยทั้งหกใน 3 ฐานความผิดที่กล่าว จึงเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งหกมีเจตนาเดียว เพื่อที่จะสามารถติดต่อด้วยเครื่องวิทยุคมนาคม จึงเป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท