คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1605

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 71 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3419/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทายาทบุตรบุญธรรม vs. ทายาทลำดับหลัง การถอดถอนผู้จัดการมรดก และการพิสูจน์สิทธิ
โจทก์ที่ 2 เป็นบุตรบุญธรรมของเจ้ามรดกถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดกเป็นทายาทอันดับ1ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 จำเลยซึ่งเป็นบุตรน้องสาวของเจ้ามรดกเป็นทายาทอันดับ 3 ย่อมไม่มีสิทธิรับมรดกรายนี้แม้จำเลยจะครอบครองที่ดินมรดกบางแปลงตั้งแต่เจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่ ก็หาใช่มีส่วนได้เสียโดยตรงในทรัพย์มรดกไม่แม้ศาลได้มีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว หากปรากฏในภายหลังว่าจำเลยไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก โจทก์ที่ 2ซึ่งพิสูจน์ฟังได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลยย่อมเป็นผู้มีส่วนได้เสียฟ้องหรือร้องขอให้ศาลถอดถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้และศาลย่อมมีอำนาจที่จะถอดถอนและสั่งตั้งโจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกแทนจำเลยได้
การที่โจทก์ที่ 2 ได้เบิกความชั้นศาลเป็นพยานโจทก์ในคดีแพ่งของศาลชั้นต้นว่าพินัยกรรมที่โจทก์ในคดีดังกล่าวนำสืบอ้างเป็นพยานในศาลนั้นเป็นพินัยกรรมอันแท้จริงของเจ้ามรดกและต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า พินัยกรรมนั้นเป็นพินัยกรรมปลอมก็ตามแต่โจทก์ที่ 2 มิได้เป็นผู้ปลอมหรือใช้หรืออ้างพินัยกรรมปลอมนั้น จึงไม่ถือว่าโจทก์ที่ 2 ปิดบังหรือยักย้ายทรัพย์มรดกอันจะถูกกำจัดมิให้ได้มรดก
การร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดก โจทก์เพียงแต่บรรยายถึงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงและพฤติการณ์อันจำเป็นและสมควรจะต้องมีผู้จัดการมรดกเท่านั้น การที่ศาลจะตั้งบุคคลใดเป็นผู้จัดการมรดกย่อมแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกและภายใต้บังคับบทบัญญัติที่ชี้แนวทางให้ศาลปฏิบัติในการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1718ไม่จำต้องเป็นบรรยายบทบังคับให้ศาลจำต้องปฏิบัติไว้ในฟ้องด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3419/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทายาทบุตรบุญธรรม vs. ทายาทลำดับหลัง การถอดถอนผู้จัดการมรดก และอำนาจศาล
โจทก์ที่2เป็นบุตรบุญธรรมของเจ้ามรดกถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดกเป็นทายาทอันดับ1ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1629จำเลยซึ่งเป็นบุตรน้องสาวของเจ้ามรดกเป็นทายาทอันดับ3ย่อมไม่มีสิทธิรับมรดกรายนี้แม้จำเลยจะครอบครองที่ดินมรดกบางแปลงตั้งแต่เจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่ก็หาใช่มีส่วนได้เสียโดยตรงในทรัพย์มรดกไม่แม้ศาลได้มีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกแล้วหากปรากฏในภายหลังว่าจำเลยไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกโจทก์ที่2ซึ่งพิสูจน์ฟังได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลยย่อมเป็นผู้มีส่วนได้เสียฟ้องหรือร้องขอให้ศาลถอดถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้และศาลย่อมมีอำนาจที่จะถอดถอนและสั่งตั้งโจทก์ที่2เป็นผู้จัดการมรดกแทนจำเลยได้ การที่โจทก์ที่2ได้เบิกความชั้นศาลเป็นพยานโจทก์ในคดีแพ่งของศาลชั้นต้นว่าพินัยกรรมที่โจทก์ในคดีดังกล่าวนำสืบอ้างเป็นพยานในศาลนั้นเป็นพินัยกรรมอันแท้จริงของเจ้ามรดกและต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าพินัยกรรมนั้นเป็นพินัยกรรมปลอมก็ตามแต่โจทก์ที่2มิได้เป็นผู้ปลอมหรือใช้หรืออ้างพินัยกรรมปลอมนั้นจึงไม่ถือว่าโจทก์ที่2ปิดบังหรือยักย้ายทรัพย์มรดกอันจะถูกกำจัดมิให้ได้มรดก การร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกโจทก์เพียงแต่บรรยายถึงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงและพฤติการณ์อันจำเป็นและสมควรจะต้องมีผุ้จัดการมรดกเท่านั้นการที่ศาลจะตั้งบุคคลใดเป็นผู้จัดการมรดกย่อมแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกและภายใต้บังคับบทบัญญัติที่ชี้แนวทางให้ศาลปฏิบัติในการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1718ไม่จำต้องเป็นบรรยายบทบังคับให้ศาลจำต้องปฏิบัติไว้ในฟ้องด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3349/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักย้ายทรัพย์มรดก: การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินทับซ้อนกับที่ดินผู้อื่น ไม่ถือเป็นการฉ้อฉล
จำเลยซึ่งเป็นทายาทได้ขอเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่มีชื่อเจ้ามรดก โดยอ้างต่อเจ้าพนักงานว่าจำเลยมีสิทธิในที่ดินนั้น และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ออกทับที่ดินของบุคคลอื่น ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดก เพราะแม้ไม่มีจำเลยหรือผู้ใดร้องขอให้เพิกถอน ทางราชการก็ต้องเพิกถอนอยู่แล้วทั้งนี้เนื่องจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทออกทับที่ของบุคคลอื่น จึงไม่ถือว่าจำเลยกระทำการโดยฉ้อฉล อันเป็นการยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดก
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินพิพาทและค่าขาดประโยชน์ทำนาในที่ดินพิพาททั้งหมด ศาลฟังว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และเจ้ามรดกซึ่งเป็นบุตรจำเลยทั้งสอง เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรม จำเลยทั้งสองย่อมมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกบางส่วน ศาลย่อมพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งตามส่วนของตนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3349/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักย้ายทรัพย์มรดก: การเพิกถอนน.ส.3ก. ที่ออกทับที่ดินผู้อื่น ไม่ถือเป็นการฉ้อฉล
จำเลยซึ่งเป็นทายาทได้ขอเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่มีชื่อเจ้ามรดก โดยอ้างต่อเจ้าพนักงานว่าจำเลยมีสิทธิในที่ดินนั้นและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ออกทับที่ดินของบุคคลอื่นดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกเพราะแม้ไม่มีจำเลยหรือผู้ใดร้องขอให้เพิกถอนทางราชการก็ต้องเพิกถอนอยู่แล้วทั้งนี้เนื่องจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทออกทับที่ของบุคคลอื่นจึงไม่ถือว่าจำเลยกระทำการโดยฉ้อฉล อันเป็นการยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดก
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินพิพาทและค่าขาดประโยชน์ทำนาในที่ดินพิพาททั้งหมด ศาลฟังว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และเจ้ามรดกซึ่งเป็นบุตรจำเลยทั้งสอง เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรม จำเลยทั้งสองย่อมมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกบางส่วนศาลย่อมพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งตามส่วนของตนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3349/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักย้ายทรัพย์มรดก: การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินที่ออกทับที่ดินผู้อื่น ไม่ถือเป็นการฉ้อฉล
จำเลยซึ่งเป็นทายาทได้ขอเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่มีชื่อเจ้ามรดกโดยอ้างต่อเจ้าพนักงานว่าจำเลยมีสิทธิในที่ดินนั้นและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ออกทับที่ดินของบุคคลอื่นดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกเพราะแม้ไม่มีจำเลยหรือผู้ใดร้องขอให้เพิกถอนทางราชการก็ต้องเพิกถอนอยู่แล้วทั้งนี้เนื่องจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทออกทับที่ของบุคคลอื่นจึงไม่ถือว่าจำเลยกระทำการโดยฉ้อฉลอันเป็นการยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดก โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินพิพาทและค่าขาดประโยชน์ทำนาในที่ดินพิพาททั้งหมดศาลฟังว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และเจ้ามรดกซึ่งเป็นบุตรจำเลยทั้งสองเมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรมจำเลยทั้งสองย่อมมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกบางส่วนศาลย่อมพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งตามส่วนของตนได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับมรดกและการปิดบังทรัพย์มรดก การระบุทายาทไม่ครบถ้วนไม่ถือเป็นการปิดบัง
โจทก์ทั้งสามกับจำเลยทั้งสามและ น. กับ ส. ต่างเป็นทายาทของเจ้ามรดก จำเลยทั้งสามไปขอรับมรดกที่ดินพิพาทโดยระบุบัญชีหรือเครือญาติของเจ้ามรดกว่ามีเฉพาะจำเลยทั้งสามกับ น. และ ส. โดยไม่ระบุโจทก์ทั้งสามด้วย ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นเรื่องปิดบังทรัพย์มรดก อันจะเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสามถูกกำจัดมิให้รับทรัพย์มรดกตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1605

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงเจตนาลวง นิติกรรมโมฆะ สิทธิในทรัพย์สินระหว่างสมรส การจัดการทรัพย์มรดก
การแสดงเจตนาลวงที่จะเป็นเหตุทำให้เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 นั้น ต้องเป็นการแสดงเจตนาที่ทำขึ้นโดยความประสงค์ร่วมกันของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายที่จะไม่ให้ผูกพันกัน การที่จำเลยที่ 1 แสดงเจตนาทำนิติกรรมจดทะเบียนยกที่ดินให้จำเลยที่ 2 โดยแจ้งเท็จแก่เจ้าพนักงานที่ดินว่าสามีจำเลยที่ 1 ตาย จำเลยที่ 1 ยังไม่มีสามีใหม่นั้น เป็นการแสดงเจตนาทำนิติกรรมยกที่ดินให้กันจริง ไม่ปรากฏว่าได้แสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งแต่อย่างใด จึงไม่เป็นโมฆะ
จำเลยที่ 1 เคยทวงถามเงินกู้จากผู้กู้หลังจากเจ้ามรดกตาย โดยยอมลดจำนวนเงินกู้ให้ หรือให้ผู้กู้เปลี่ยนเป็นกู้จำเลยที่ 1 แทนแต่ผู้กู้ไม่ยอม และเมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกขอให้ส่งมอบสัญญากู้เงินดังกล่าวให้ จำเลยที่ 1 บิดพลิ้วโดยขอหักเป็นค่าทำศพเจ้ามรดกรูปเรื่องน่าจะเป็นเพราะจำเลยที่ 1 ในฐานะทายาทเข้าใจว่าตนมีสิทธิจะทำได้ และเป็นการใช้สิทธิขอหักกลบลบหนี้ ไม่พอฟังว่าปิดบังหรือยักย้ายทรัพย์มรดก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงเจตนาลวง นิติกรรมยกทรัพย์สินระหว่างสมรส และการยักย้ายทรัพย์มรดก
การแสดงเจตนาลวงที่จะเป็นเหตุทำให้เป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 นั้น ต้องเป็นการแสดงเจตนาที่ทำขึ้นโดยความประสงค์ร่วมกันของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายที่จะไม่ให้ผูกพันกัน การที่จำเลยที่ 1แสดงเจตนาทำนิติกรรมจดทะเบียนยกที่ดินให้จำเลยที่ 2 โดยแจ้งเท็จแก่เจ้าพนักงานที่ดินว่าสามีจำเลยที่ 1 ตายจำเลยที่ 1 ยังไม่มีสามีใหม่นั้น เป็นการแสดงเจตนาทำนิติกรรมยกที่ดินให้กันจริง ไม่ปรากฏว่าได้แสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งแต่อย่างใดจึงไม่เป็นโมฆะ
จำเลยที่ 1 เคยทวงถามเงินกู้จากผู้กู้หลังจากเจ้ามรดกตายโดยยอมลดจำนวนเงินกู้ให้ หรือให้ผู้กู้เปลี่ยนเป็นกู้จำเลยที่ 1 แทนแต่ผู้กู้ไม่ยอม และเมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกขอให้ส่งมอบสัญญากู้เงินดังกล่าวให้ จำเลยที่1 บิดพลิ้วโดยขอหักเป็นค่าทำศพเจ้ามรดกรูปเรื่องน่าจะเป็นเพราะจำเลยที่ 1 ในฐานะทายาทเข้าใจว่าตนมีสิทธิจะทำได้ และเป็นการใช้สิทธิขอหักกลบลบหนี้ ไม่พอฟังว่าปิดบังหรือยักย้ายทรัพย์มรดก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 936/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกทรัพย์สินให้ผู้รับมรดกตามพินัยกรรม และการไม่เข้าข่ายผู้ไม่สมควรรับมรดก
การที่จำเลยทั้งสองจัดการโอนที่ดินเป็นของตน โดยใช้หนังสือมอบอำนาจปลอม ไม่ต้องถูกกำจัดมิให้ได้รับมรดกตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1605 วรรคสอง เพราะ ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินนั้นให้จำเลยที่ 1 แล้ว และการที่ จำเลยที่ 1 ไม่แสดงพินัยกรรมเพื่อปิดบังข้อความที่ผู้ตายเขียนเพิ่มเติมไว้ด้านหลัง ก็ไม่เป็นการปิดบังพินัยกรรม อันจะต้องถูกกำจัดมิให้ รับมรดกฐานเป็นผู้ไม่สมควรตามมาตรา 1606(5) เพราะข้อความ ดังกล่าวนั้นมิได้กำหนดการเผื่อตายเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือการอื่นใด มิใช่พินัยกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 916/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความมรดกและการครอบครองปรปักษ์: ทายาทต้องพิสูจน์การครอบครองต่อเนื่อง หากไม่สามารถพิสูจน์ได้ สิทธิจะขาดอายุความ
โจทก์และจำเลยทั้งหมดต่างเป็นทายาทของเจ้ามรดกซึ่งถึงแก่กรรมไม่น้อยกว่า 60 ปีแล้ว พ้นกำหนดอายุความตามมาตรา 1754 โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นมรดกที่ยังมิได้แบ่งปันกันนี้ตามมาตรา 1748 มิฉะนั้นคดีโจทก์ขาดอายุความมรดกการที่จำเลยครอบครองมรดกมาฝ่ายเดียวไม่เป็นการเบียดบังอันจะถูกกำจัดมรดก
of 8