พบผลลัพธ์ทั้งหมด 118 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4509/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกต้องสืบพยานประเด็นทายาทอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ หากยังไม่ยุติ ศาลมิอาจงดสืบพยานได้
คดีก่อนโจทก์กับพวกฟ้องขับไล่จำเลยกับพวกออกจากที่ดินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินพิพาทคดีนี้ ประเด็นในคดีก่อนมีว่า โจทก์กับพวกมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยกับพวกหรือไม่ แต่คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกคือที่ดินพิพาทจากจำเลย ประเด็นมีว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งร่วมกับจำเลยหรือไม่เพียงใด ประเด็นวินิจฉัยคดีทั้งสองมิได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ซ้ำกับคดีก่อน
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินมรดกครึ่งหนึ่ง อ้างว่าทายาทอื่นไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์มรดกรายนี้แล้วคงเกี่ยวข้องเฉพาะโจทก์จำเลย จำเลยให้การว่าโจทก์ได้รับส่วนแบ่งที่ดินมรดกไปแล้ว และส่วนที่เหลือตกได้แก่จำเลยกับทายาทอีกคนหนึ่งดังนี้แสดงว่า นอกจากโจทก์จำเลยแล้ว มีทายาทอื่นยังประสงค์ขอรับส่วนแบ่งที่ดินมรดกด้วยซึ่งถ้าหากเป็นความจริง ส่วนแบ่งในที่ดินมรดกที่โจทก์จำเลยจะได้รับย่อมต้องลดลงข้อเท็จจริงยังฟังเป็นยุตไม่ได้ การที่ศาลสั่งงดชี้สองสถานและงดสืบพยานแล้วพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งที่ดินมรดกครึ่งหนึ่งตามฟ้องจึงเป็นการไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินมรดกครึ่งหนึ่ง อ้างว่าทายาทอื่นไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์มรดกรายนี้แล้วคงเกี่ยวข้องเฉพาะโจทก์จำเลย จำเลยให้การว่าโจทก์ได้รับส่วนแบ่งที่ดินมรดกไปแล้ว และส่วนที่เหลือตกได้แก่จำเลยกับทายาทอีกคนหนึ่งดังนี้แสดงว่า นอกจากโจทก์จำเลยแล้ว มีทายาทอื่นยังประสงค์ขอรับส่วนแบ่งที่ดินมรดกด้วยซึ่งถ้าหากเป็นความจริง ส่วนแบ่งในที่ดินมรดกที่โจทก์จำเลยจะได้รับย่อมต้องลดลงข้อเท็จจริงยังฟังเป็นยุตไม่ได้ การที่ศาลสั่งงดชี้สองสถานและงดสืบพยานแล้วพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งที่ดินมรดกครึ่งหนึ่งตามฟ้องจึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2765/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงประนีประนอมยอมความแบ่งมรดก: การสละสิทธิและผลผูกพันตามกฎหมาย
หนังสือซึ่งบิดาโจทก์ในฐานะทายาททำให้ผู้จัดการมรดกไว้มีข้อความว่าผู้จัดการมรดกตกลงยกปั๊มน้ำมันซึ่งลงทุนก่อสร้างด้วยทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกให้เป็นสิทธิดำเนินการของบิดาโจทก์ และจะได้โอนสิทธิการเช่าที่ดินที่ตั้งปั๊มน้ำมันให้แก่บิดาโจทก์ด้วยบิดาโจทก์พอใจทรัพย์สินที่ได้รับส่วนแบ่ง และไม่ติดใจจะเรียกร้องเอาส่วนแบ่งทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกอีกต่อไปขอสละสิทธิส่วนของมรดกทุกอย่าง ดังนี้ เมื่อบิดาโจทก์เข้าดำเนินกิจการปั๊มน้ำมันแล้ว แม้จะไม่มีการโอนสิทธิการเช่าที่ดินก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในสาระสำคัญข้อตกลงดังกล่าวจึงผูกพันคู่สัญญา และเป็นการประนีประนอมยอมความในการแบ่งปันทรัพย์มรดก ย่อมมีผลบังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850, 852 และ 1750 โจทก์ผู้เป็นทายาทของบิดาโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องขอแบ่งทรัพย์มรดกของเจ้ามรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2765/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งมรดกมีผลผูกพัน แม้ยังมิได้โอนทรัพย์สินทั้งหมด
พ.ทายาทของส. เจ้ามรดกตกลงรับมอบปั๊มน้ำมันอันเป็นทรัพย์มรดกจากผู้จัดการมรดกเพื่อดำเนินกิจการเรียบร้อยแล้ว โดยในข้อตกลง พ. ไม่ติดใจจะเรียกร้องหรือเอาส่วนแบ่งทรัพย์มรดกของส. อีกต่อไป ดังนี้ แม้ผู้จัดการมรดกจะยังมิได้โอนปั๊มน้ำมันและสิทธิการเช่า ให้แก่ พ. ก็หาใช่เป็นสาระสำคัญของข้อตกลงไม่เพราะถือว่า พ. เป็นเจ้าของปั๊มน้ำมันและสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งปันทรัพย์มรดกแล้ว ภายหลัง พ. ถึงแก่กรรมโจทก์ผู้เป็นทายาทของพ.ก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องขอแบ่งทรัพย์มรดกของส. อีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2765/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงประนีประนอมยอมความในการแบ่งมรดก: การสละสิทธิเรียกร้องส่วนแบ่งมรดกโดยแลกกับทรัพย์สิน
หนังสือซึ่งบิดาโจทก์ในฐานะทายาททำให้ผู้จัดการมรดกไว้มีข้อความว่าผู้จัดการมรดกตกลงยกปั๊มน้ำมันซึ่งลงทุนก่อสร้างด้วยทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกให้เป็นสิทธิดำเนินการของบิดาโจทก์และจะได้โอนสิทธิการเช่าที่ดินที่ตั้งปั๊มน้ำมันให้แก่บิดาโจทก์ด้วยบิดาโจทก์พอใจทรัพย์สินที่ได้รับส่วนแบ่ง และไม่ติดใจจะเรียกร้องเอาส่วนแบ่งทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกอีกต่อไปขอสละสิทธิส่วนของมรดกทุกอย่าง ดังนี้ เมื่อบิดาโจทก์เข้าดำเนินกิจการปั๊มน้ำมันแล้ว แม้จะไม่มีการโอนสิทธิการเช่าที่ดินก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในสาระสำคัญข้อตกลงดังกล่าวจึงผูกพันคู่สัญญา และเป็นการประนีประนอมยอมความในการแบ่งปันทรัพย์มรดกย่อมมีผลบังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850,852 และ 1750 โจทก์ผู้เป็นทายาทของบิดาโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องขอแบ่งทรัพย์มรดกของเจ้ามรดก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3096/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันทึกข้อตกลงของผู้จัดการมรดกมีผลผูกพันตามกฎหมาย หากทำขึ้นเพื่อระงับข้อพิพาทและได้รับการอนุมัติจากผู้จัดการมรดกข้างมาก
โจทก์จำเลยร่วมกันทำบันทึกข้อตกลงเพื่อระงับข้อพิพาทที่ผู้จัดการมรดกกำลังดำเนินคดีฟ้องร้องกันอยู่ในศาลให้ทุกฝ่ายร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกการทำบันทึกข้อตกลงดังกล่าวซึ่งรวมถึงการแบ่งเงินของกองมรดกให้แก่ทายาทตามที่ระบุไว้ในข้อตกลงด้วยจึงเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการมรดกที่ผู้จัดการมรดกมีอำนาจกระทำได้และถือว่าได้กระทำไปโดยผู้จัดการมรดกเสียงข้างมากจำเลยจึงต้องปฏิบัติตามข้อตกลงนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2383/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกโดยทายาทร่วม การหักเงินที่ได้รับไปแล้วออกจากส่วนแบ่ง และผลของการตกลงด้วยวาจา
โจทก์และจำเลยทั้งเจ็ดเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับผู้ตายซึ่งไม่มีภริยาและบุตรส่วนบิดามารดาก็ถึงแก่ความตายไปก่อนแล้วโจทก์และจำเลยทั้งเจ็ดจึงต่างเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายชอบที่จะได้รับส่วนแบ่งทรัพย์มรดกเท่ากัน นอกจากทรัพย์มรดกพิพาทคดีนี้แล้วผู้ตายยังมีทองนากเงินเพชรและพลอยแต่โจทก์กับจำเลยทั้งเจ็ดได้ตกลงแบ่งทรัพย์ดังกล่าวกันไปแล้วโดยโจทก์ได้รับคิดเป็นเงิน222,000บาทและโจทก์ขอสละสิทธิในทรัพย์มรดกพิพาทที่ยังไม่ได้แบ่งปันกันส่วนจำเลยทั้งเจ็ดได้รับคิดเป็นเงินคนละ25,500บาทเท่ากันเมื่อปรากฏว่าข้อตกลงดังกล่าวไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อโจทก์เป็นสำคัญย่อมไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะเรียกร้องให้แบ่งทรัพย์มรดกพิพาทคดีนี้อีกและไม่ถือว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์ได้รับแบ่งปันทรัพย์มรดกที่เป็นทองนากเงินเพชรและพลอยไปแล้วคิดเป็นเงิน222,000บาทส่วนจำเลยทั้งเจ็ดได้รับเป็นเงินคนละ25,500บาททรัพย์มรดกที่แบ่งปันกันไปแล้วจึงมีราคารวมทั้งสิ้นเป็นเงิน400,500บาทถ้าแบ่งตามสิทธิคนละ1ใน8ส่วนเท่าๆกันจะได้รับเป็นเงินคนละ50,062บาท50สตางค์โจทก์จึงได้รับแบ่งปันมากกว่าส่วนที่โจทก์จะได้ไปเป็นจำนวนเงิน171,937บาท50สตางค์จึงต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวหักออกจากส่วนแบ่งทรัพย์มรดกพิพาทของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1741/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินมรดก: การเพิกถอนโฉนดที่ดินส่วนที่ทับซ้อน และการคุ้มครองสิทธิผู้ครอบครอง
โจทก์และจำเลยต่างครอบครองที่ดินมรดกเป็นส่วนสัด ที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองจึงเป็นของโจทก์ การที่โจทก์มิได้นำสำรวจที่ดินหรือเสียภาษีบำรุงท้องที่ ไม่ทำให้โจทก์เสียสิทธิครอบครอง และการที่โจทก์มิได้คัดค้านกรณีที่จำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือขอออกโฉนดที่ดิน มิได้หมายความว่าโจทก์ยอมรับโดยปริยายว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ที่จำเลยขอออกโฉนดที่ดินของจำเลยแล้วรังวัดรวมที่ดินพิพาทของโจทก์เข้าไปด้วย เป็นการไม่ชอบ แม้โจทก์จะฟ้องขอให้แบ่งแยกที่พิพาท ศาลก็มีอำนาจที่จะเพิกถอนโฉนดที่ดินส่วนที่ทับที่ดินพิพาทและห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับ ที่ดินพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1741/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินมรดก: การเพิกถอนโฉนดที่ดินทับซ้อนและการคุ้มครองสิทธิผู้ครอบครอง
โจทก์และจำเลยต่างครอบครองที่ดินมรดกเป็นส่วนสัด ที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองจึงเป็นของโจทก์ การที่โจทก์มิได้นำสำรวจที่ดินหรือเสียภาษีบำรุงท้องที่ ไม่ทำให้โจทก์เสียสิทธิครอบครอง และการที่โจทก์มิได้คัดค้านกรณีที่จำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือขอออกโฉนดที่ดินมิได้หมายความว่าโจทก์ยอมรับโดยปริยายว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ที่จำเลยขอออกโฉนดที่ดินของจำเลยแล้วรังวัดรวมที่ดินพิพาทของโจทก์เข้าไปด้วย เป็นการไม่ชอบแม้โจทก์จะฟ้องขอให้แบ่งแยกที่พิพาท ศาลก็มีอำนาจที่จะเพิกถอนโฉนดที่ดินส่วนที่ทับที่ดินพิพาทและห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1522/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับมรดกที่ทำโดยผู้จัดการมรดกแทนบุตรผู้เยาว์ ต้องได้รับอนุญาตจากศาลจึงมีผลผูกพัน
โจทก์เป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรมของ ท. บิดา พ. จำเลยเป็นภริยาและเป็นผู้จัดการมรดกของ พ. เจ้ามรดก เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับอนุญาตจากศาลให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับ ท. อันเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของ พ. ที่ตกได้แก่ บุตรผู้เยาว์ของจำเลย จึงเป็นนิติกรรมที่ต้องห้ามโดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574(8) และไม่มีผลบังคับถึงมรดกของ พ. ทั้งหมดที่ตกได้แก่ทายาท จึงไม่มีสิทธิของ ท. อันเกิดจากสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวอันจะพึงตกได้แก่โจทก์ตามพินัยกรรมของ ท. ดังนั้น โจทก์ไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ของจำเลย และไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1522/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับมรดกของบุตรผู้เยาว์ต้องได้รับอนุญาตจากศาล มิฉะนั้นเป็นโมฆะ
โจทก์เป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรมของ ท.บิดาพ. จำเลยเป็นภริยาและเป็นผู้จัดการมรดกของ พ. เจ้ามรดก เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับอนุญาตจากศาลให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับ ท.อันเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของพ.ที่ตกได้แก่ บุตรผู้เยาว์ของจำเลย จึงเป็นนิติกรรมที่ต้องห้ามโดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574(8) และไม่มีผลบังคับถึงมรดกของ พ.ทั้งหมดที่ตกได้แก่ทายาทจึงไม่มีสิทธิของท. อันเกิดจากสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวอันจะพึงตกได้แก่โจทก์ตามพินัยกรรมของ ท. ดังนั้น โจทก์ไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ของจำเลย และไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ได้