คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.รัษฎากร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 207 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับสัญญาและการรับผิดของผู้แทน แม้การลงนามไม่ครบถ้วน
กรรมการบริษัทลงชื่อและประทับตราไม่ครบตามข้อบังคับของบริษัท แต่จำเลยให้การรับว่าได้ชำระค่าน้ำมันตามสัญญาแล้ว เท่ากับยอมรับว่าได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ ส่วนกรรมการบริษัทจำเลยซึ่งมีข้อสัญญาว่าผู้แทนที่ลงชื่อในสัญญาต้องรับผิดด้วย ผู้แทนนั้นก็ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
จำเลยมีภูมิลำเนาในเขตศาลแพ่ง สัญญาซื้อขายน้ำมันทำในเขตศาลแพ่ง แม้ส่งมอบทรัพย์ในต่างประเทศ ศาลแพ่งพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ไม่มีกฎหมายว่าหนังสือรับสภาพหนี้ต้องปิดอากรแสตมป์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีภาษี: การประเมินภาษีถูกต้องและโจทก์ไม่เคยอุทธรณ์ ทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยเรียกเก็บภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรซึ่งจำเลยมีสิทธิประเมินได้ มิใช่ไม่มีมูลจะอ้างได้ตามกฎหมายโจทก์อ้างว่าจำต้องเสียเงินเพราะจำเลยไม่ยอมปล่อยของจากศุลกากรไม่ได้ โจทก์ไม่อุทธรณ์การประเมินก่อนตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จะไม่ยกขึ้นต่อสู้ ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2807/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียภาษีการค้าสำหรับซีเมนต์เม็ดที่นำเข้าเพื่อผลิตเป็นซีเมนต์ผง ไม่ถือเป็นการค้าขายซีเมนต์เม็ด
โจทก์สั่งซีเมนต์เม็ดจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อผลิตเป็นซีเมนต์ผงขายมิได้สั่งซีเมนต์เม็ดเพื่อขาย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ประกอบการค้าตามความหมายในประมวลรัษฎากร มาตรา 77 คือโจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้าตามที่ระบุในบัญชีอัตราภาษีการค้าและรายการที่ประกอบการค้า ตามมาตรา 78 วรรคแรก และโจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้าในกรณีให้ถือว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าเป็นผู้ประกอบการค้าตาม มาตรา 78 วรรคสอง
เมื่อโจทก์มิใช่ผู้ประกอบการค้าซีเมนต์เม็ด จึงถือไม่ได้ว่าการนำซีเมนต์เม็ดเข้ามาสำหรับผลิตเป็นซีเมนต์ผงเป็นการขายสินค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 ทวิ(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลดอัตราภาษีเครื่องจักรเกษตรและอุปกรณ์: พิจารณาจากสภาพการใช้งานและวัตถุประสงค์
รถแทรกเตอร์และสินค้าเครื่องอะไหล่ที่โจทก์สั่งจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จะเป็นเครื่องจักร ส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งจะต้องพิจารณาจากสภาพของวัตถุสินค้านั้นๆ ตลอดจนข้อเท็จจริงที่ว่า โจทก์สั่งรถแทรกเตอร์และสินค้านั้นมาจำหน่ายให้แก่ผู้ใด และผู้ซื้อซื้อไปใช้ในกิจการอย่างใด
รถแทรกเตอร์ขนาดเล็กเหมาะสมแก่งานไร่นาขนาดย่อม ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการทำไร่ไถนา มีที่นั่งเดียวสำหรับผู้ขับ ไม่มีสภาพเป็นยานพาหนะ โจทก์สั่งมาจำหน่ายแก่ชาวไร่ และเคยขายให้แก่ทางราชการนำไปใช้ในการทำไร่ แสดงว่าเป็นเครื่องจักรที่ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการเกษตรโดยแท้ แต่เพื่อใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง จึงอาจเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ได้ตามความต้องการเช่นจานไถ เครื่องคราดนาหากจะมีผู้นำรถแทรกเตอร์นี้ไปดัดแปลงใช้ในกิจการอื่นบ้าง ก็หาทำให้เปลี่ยนสภาพจากเครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรเป็นอื่นไปไม่ จึงได้รับการลดอัตรารัษฎากร โดยเสียภาษีการค้าในอัตราเพียงร้อยละ 3 ของรายรับ
ส่วนประกอบและอุปกรณ์ของเครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรม ที่โจทก์สั่งเข้ามาสำรองไว้เพื่อจำหน่ายแก่ผู้ซื้อเครื่องจักรของโจทก์ไปใช้ในกรณีที่ส่วนประกอบและอุปกรณ์ ซึ่งใช้อยู่เดิมสึกหรอหรือชำรุดเสียหาย อยู่ในข่ายที่จะได้ลดอัตรารัษฎากรเช่นเดียวกับตัวเครื่องจักร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลดอัตราภาษีเครื่องจักรทางการเกษตรและส่วนประกอบ: ปัญหาการตีความสภาพสินค้าและวัตถุประสงค์การใช้งาน
รถแทรกเตอร์และสินค้าเครื่องอะไหล่ที่โจทก์สั่งจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จะเป็นเครื่องจักร. ส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมหรือไม่.เป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งจะต้องพิจารณาจากสภาพของวัตถุสินค้านั้นๆ ตลอดจนข้อเท็จจริงที่ว่า.โจทก์สั่งรถแทรกเตอร์และสินค้านั้นมาจำหน่ายให้แก่ผู้ใด และผู้ซื้อซื้อไปใช้ในกิจการอย่างใด.
รถแทรกเตอร์ขนาดเล็กเหมาะสมแก่งานไร่นาขนาดย่อม ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการทำไร่ไถนา มีที่นั่งเดียวสำหรับผู้ขับ.ไม่มีสภาพเป็นยานพาหนะ. โจทก์สั่งมาจำหน่ายแก่ชาวไร่ และเคยขายให้แก่ทางราชการนำไปใช้ในการทำไร่. แสดงว่าเป็นเครื่องจักรที่ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการเกษตรโดยแท้ แต่เพื่อใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง. จึงอาจเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ได้ตามความต้องการเช่นจานไถ เครื่องคราดนาหากจะมีผู้นำรถแทรกเตอร์นี้ไปดัดแปลงใช้ในกิจการอื่นบ้าง. ก็หาทำให้เปลี่ยนสภาพจากเครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรเป็นอื่นไปไม่. จึงได้รับการลดอัตรารัษฎากร โดยเสียภาษีการค้าในอัตราเพียงร้อยละ 3 ของรายรับ.
ส่วนประกอบและอุปกรณ์ของเครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรม.ที่โจทก์สั่งเข้ามาสำรองไว้เพื่อจำหน่ายแก่ผู้ซื้อเครื่องจักรของโจทก์ไปใช้ในกรณีที่ส่วนประกอบและอุปกรณ์. ซึ่งใช้อยู่เดิมสึกหรอหรือชำรุดเสียหาย อยู่ในข่ายที่จะได้ลดอัตรารัษฎากรเช่นเดียวกับตัวเครื่องจักร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันไม่สมบูรณ์เนื่องจากปิดอากรแสตมป์ไม่ครบ ทำให้ศาลไม่รับเป็นพยานหลักฐานได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยที่ 1 กู้ไป และจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 2 ให้การว่า ไม่มีเจตนาทำสัญญาค้ำประกันการกู้เงิน แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับทำสัญญาซื้อขายที่ดินและห้องแถวกันจำเลยที่ 2 ค้ำประกันแต่เพียงว่า จะไม่ให้จำเลยที่ 1 เข้าไปเกี่ยวข้องเรียกร้องเอาทรัพย์สินที่ซื้อขายคืนเท่านั้น ดังนี้ จำเลยที่ 2มิได้ให้การรับ และเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันการกู้เงิน ซึ่งจำเป็นที่โจทก์ต้องอ้างหนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นพยานหลักฐานในคดีด้วย เมื่อสัญญาค้ำประกันที่โจทก์อ้างปิดอากรแสตมป์เพียง 1 บาท แต่ตามประมวลรัษฎากรต้องปิด 10 บาท เอกสารสัญญาค้ำประกันจึงใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้
โจทก์จะมีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายประมวลรัษฎากรหรือไม่ ไม่สำคัญ ถ้ามีการบกพร่องในเรื่องปิดอากรแสตมป์ไม่ครบบริบูรณ์แล้ว ศาลก็รับฟังเอกสารนั้นๆ เป็นพยานไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย (อากรแสตมป์) ไม่อาจใช้เป็นหลักฐานในคดีได้ แม้จำเลยจะเคยให้การรับ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยที่ 1 กู้ไป และจำเลยที่2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 2 ให้การว่า. ไม่มีเจตนาทำสัญญาค้ำประกันการกู้เงิน. แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับทำสัญญาซื้อขายที่ดินและห้องแถวกันจำเลยที่ 2 ค้ำประกันแต่เพียงว่า.จะไม่ให้จำเลยที่ 1 เข้าไปเกี่ยวข้องเรียกร้องเอาทรัพย์สินที่ซื้อขายคืนเท่านั้น. ดังนี้ จำเลยที่ 2 มิได้ให้การรับ. และเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันการกู้เงิน. ซึ่งจำเป็นที่โจทก์ต้องอ้างหนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นพยานหลักฐานในคดีด้วย. เมื่อสัญญาค้ำประกันที่โจทก์อ้างปิดอากรแสตมป์เพียง 1 บาท แต่ตามประมวลรัษฎากรต้องปิด 10 บาท. เอกสารสัญญาค้ำประกันจึงใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้.
โจทก์จะมีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายประมวลรัษฎากรหรือไม่.ไม่สำคัญ. ถ้ามีการบกพร่องในเรื่องปิดอากรแสตมป์ไม่ครบบริบูรณ์แล้ว.ศาลก็รับฟังเอกสารนั้นๆ เป็นพยานไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์โดยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหลังการยึดทรัพย์โดยเจ้าพนักงานภาษี ไม่เป็นการยึดซ้ำ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ที่ห้ามมิให้ยึดซ้ำนั้น จะต้องเป็นการยึดซ้ำกันในระหว่างเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาด้วยกัน ในทรัพย์รายเดียวกันของลูกหนี้ตามคำพิพากษา
ประมวลรัษฎากร มาตรา 12 เป็นแต่เพียงให้อำนาจพิเศษแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอที่จะยึดทรัพย์ของผู้ค้างชำระภาษีอากร เพื่อขายทอดตลาดโดยไม่ต้องฟ้องศาลเท่านั้น ไม่ได้บัญญัติห้ามว่า เมื่อยึดมาแล้วมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาทำการยึด ฉะนั้น เมื่อทรัพย์ที่นายอำเภอยึดไว้ยังไม่ได้ทำการขายทอดตลาดไปเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ย่อมยึดเพื่อดำเนินการตามคำสั่งศาลได้ ไม่เป็นการยึดซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์โดยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและการยึดทรัพย์เพื่อชำระภาษีอากร ไม่เป็นการยึดซ้ำ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ที่ห้ามมิให้ยึดซ้ำนั้นจะต้องเป็นการยึดซ้ำกันในระหว่างเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาด้วยกัน ในทรัพย์รายเดียวกันของลูกหนี้ตามคำพิพากษา
ประมวลรัษฎากร มาตรา 12 เป็นแต่เพียงให้อำนาจพิเศษแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอที่จะยึดทรัพย์ของผู้ค้างชำระภาษีอากร เพื่อขายทอดตลาดโดยไม่ต้องฟ้องศาลเท่านั้น ไม่ได้บัญญัติห้ามว่า เมื่อยึดมาแล้วมิให้เจ้าหนี้ตามพิพากษาทำการยึด ฉะนั้น เมื่อทรัพย์ที่นายอำเภอยึดไว้ยังไม่ได้ทำการขายทอดตลาดไป เจ้าพนักงานบังคับคดีก็ย่อมยึดเพื่อดำเนินการตามคำสั่งศาลได้ ไม่เป็นการยึดซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์โดยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและการยึดเพื่อชำระภาษีอากร ไม่เป็นการยึดซ้ำ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ที่ห้ามมิให้ยึดซ้ำนั้น.จะต้องเป็นการยึดซ้ำกันในระหว่างเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาด้วยกัน. ในทรัพย์รายเดียวกันของลูกหนี้ตามคำพิพากษา.
ประมวลรัษฎากร มาตรา 12 เป็นแต่เพียงให้อำนาจพิเศษแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอที่จะยึดทรัพย์ของผู้ค้างชำระภาษีอากร. เพื่อขายทอดตลาดโดยไม่ต้องฟ้องศาลเท่านั้น. ไม่ได้บัญญัติห้ามว่า เมื่อยึดมาแล้วมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาทำการยึด. ฉะนั้น เมื่อทรัพย์ที่นายอำเภอยึดไว้ยังไม่ได้ทำการขายทอดตลาดไป.เจ้าพนักงานบังคับคดีก็ย่อมยึดเพื่อดำเนินการตามคำสั่งศาลได้. ไม่เป็นการยึดซ้ำ.
of 21