คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.รัษฎากร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 207 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันทึกหลังทะเบียนหย่าใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมได้ แม้ไม่ใช่สัญญากู้ยืมและมิได้ติดอากรแสตมป์
จำเลยและภรรยาได้จดทะเบียนหย่ากันที่อำเภอ และได้ให้ถ้อยคำในบันทึกหลังทะเบียนการหย่าต่อนายทะเบียนว่า ภรรยาจำเลยได้ยืมเงินจากโจทก์มายังไม่ได้คืน จำเลยและภรรยาได้ลงลายมือชื่อรับรองว่าบันทึกถูกต้อง ดังนี้ บันทึกหลังทะเบียนหย่าถือเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 โจทก์นำหลักฐานนั้นมาฟ้องเรียกหนี้อันเกิดจากการกู้ยืมได้
หลักฐานการกู้ยืม ไม่ใช่สัญญากู้ยืม แม้มิได้ปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรก็รับฟังเป็นพยานได้ (อ้างฎีกาที่ 368/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันทึกหลังทะเบียนหย่าใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมได้ แม้มิใช่สัญญากู้ยืมและไม่มีอากรแสตมป์
จำเลยและภรรยาได้จดทะเบียนหย่ากันที่อำเภอ และได้ให้ถ้อยคำในบันทึกหลังทะเบียนหย่าต่อนายทะเบียนว่า ภรรยาจำเลยได้ยืมเงินจากโจทก์มายังไม่ได้คืน จำเลยและภรรยาได้ลงลายมือชื่อรับรองว่าบันทึกถูกต้องดังนี้บันทึกหลังทะเบียนหย่าถือเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 โจทก์นำหลักฐานนั้นมาฟ้องเรียกหนี้อันเกิดจากการกู้ยืมได้
หลักฐานการกู้ยืม ไม่ใช่สัญญากู้ยืม แม้มิได้ปิดอากรแสตมป์ ตามประมวลรัษฎากรก็รับฟังเป็นพยานได้ (อ้างฎีกาที่ 368/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษี ต้องใช้กฎหมายที่บังคับใช้ในขณะคำนวณ แม้ผลกำไร/ขาดทุนจะเกิดขึ้นภายใต้กฎหมายเดิม
การคำนวณกำไรสุทธิสำหรับเก็บภาษีต้องบังคับตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาคำนวณนั้น แม้ว่าผลกำไรหรือขาดทุนจะเกิดขึ้นในระหว่างยังใช้กฎหมายเดิมที่ยกเลิกไปแล้วก็ตาม ไม่เป็นการใช้กฎหมายย้อนหลัง เพราะเป็นการคำนวณตามวิธีการในกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะคำนวณกำไรเพื่อจะเก็บภาษี จะนำเอากฎหมายที่ยกเลิกไปมาใช้ในการคำนวณเพื่อเก็บภาษีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล การหักผลขาดทุนสะสมข้ามปีตามกฎหมายที่ใช้บังคับ ณ เวลาคำนวณ
การคำนวณกำไรสุทธิสำหรับเก็บภาษีต้องบังคับตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาคำนวณนั้นแม้ว่าผลกำไรหรือขาดทุนจะเกิดขึ้นในระหว่างยังใช้กฎหมายเดิมที่ยกเลิกไปแล้วก็ตามไม่เป็นการใช้กฎหมายย้อนหลังเพราะเป็นการคำนวณตามวิธีการในกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะคำนวณกำไรเพื่อจะเก็บภาษีจะนำเอากฎหมายที่ยกเลิกไปมาใช้ในการคำนวณเพื่อเก็บภาษีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ราคาตลาดโภคภัณฑ์: ราคาปานกลางไม่ใช่ตัวชี้วัด ราคาซื้อขายที่แตกต่างกันได้หากอยู่ในกรอบราคาตลาด
ราคาตลาดของโภคภัณฑ์นั้น. อาจไม่มีราคาตายตัวหรือมีราคาเดียว การจำหน่ายโภคภัณฑ์ราคาสูงต่ำผิดกันก็อาจอยู่ภายในกรอบของราคาตลาด ฉะนั้น การจำหน่ายโภคภัณฑ์สูงหรือต่ำกว่าราคาปานกลาง จึงมิใช่แสดงว่าราคาที่จำหน่ายนั้นมิใช่ราคาตลาดและราคาตลาดมิใช่หมายถึงราคาปานกลางของการจำหน่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ราคาตลาดโภคภัณฑ์: ไม่จำเป็นต้องเป็นราคาปานกลาง การกำหนดราคาตามอำเภอใจไม่ชอบ
ราคาตลาดของโภคภัณฑ์นั้น อาจไม่มีราคาตายตัวหรือมีราคาเดียว การจำหน่ายโภคภัณฑ์ราคาสูงต่ำผิดกันก็อาจอยู่ภายในกรอบของราคาตลาด ฉะนั้น การจำหน่ายโภคภัณฑ์สูงหรือต่ำกว่าราคาปานกลาง จึงมิใช่แสดงว่าราคาที่จำหน่ายนั้นมิใช่ราคาตลาด และราคาตลาดมิใช่หมายถึงราคาปานกลางของการจำหน่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำแทนในการซื้อขายเรือขุดและการเสียภาษีของผู้แทน
โจทก์ได้รับมอบอำนาจจากผู้ขายที่อยู่ต่างประเทศให้ลงชื่อในสัญญาซื้อขายเรือขุดให้แก่การท่าเรือแห่งประเทศไทย การที่โจทก์ลงชื่อในสัญญาซื้อขายแทนผู้ขาย ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้กระทำการแทนในการทำสัญญาขายนั้นแล้ว จึงต้องยื่นรายการและเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ
เมื่อโจทก์มิได้ยื่นรายการตามมาตรา 71(1)เจ้าพนักงานประเมินจึงประเมินเอาได้จากยอดรายรับหรือยอดขายก่อนหักรายจ่าย
แม้ผู้ขายเรือขุดจะได้ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่เมื่อผู้ขายมีการค้าและสถานที่ทำการค้าอยู่ในต่างประเทศ เพียงแต่ประกอบกิจการขายเรือขุด 2 ลำในประเทศไทยโดยมีการประมูลปีละลำ ยังไม่เป็นการประกอบหรือดำเนินการค้าในประเทศไทยตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 โจทก์ผู้ทำการแทนจึงไม่ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีเทศบาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีซื้อโภคภัณฑ์กรณีมิได้ลงบัญชี และการบังคับใช้บทบัญญัติเดิมตามบทเฉพาะกาล
โจทก์เป็นผู้ค้าโภคภัณฑ์ได้รับใบสั่งจากพนักงานเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรว่า โจทก์ไม่ชำระภาษีการซื้อโภคภัณฑ์ จึงให้เสียภาษีการซื้อโภคภัณฑ์ ภาษีบำรุงเทศบาล กับเงินเพิ่มอีกห้าเท่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า โจทก์ซื้อโภคภัณฑ์มา 2 จำนวนเพื่อจำหน่ายแก่ผู้บริโภคโดยยังมิได้เสียภาษีโภคภัณฑ์ ต่อมาปรากฏว่าโภคภัณฑ์นี้ไม่มีอยู่ที่โจทก์และไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้จำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคไปย่อมเป็นพฤติการณ์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่จะถือได้ว่าโจทก์เอาโภคภัณฑ์นั้นไปใช้อันมิใช่เพื่อกิจการค้าโภคภัณฑ์ซึ่งโจทก์ต้องเสียภาษีตามมาตรา 168 และนอกจากนี้โภคภัณฑ์จำนวนหลัง โจทก์รับว่าซื้อแล้วมิได้ลงบัญชีรับจ่ายตามประมวลรัษฎากร มาตรา 185 จึงถือว่าเป็นโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อแล้วตามมาตรา 190,191 อีกด้วย จึงต้องเสียภาษีการซื้อโภคภัณฑ์และเงินเพิ่ม แม้จะปรากฏต่อมาว่าความจริงโจทก์ได้จำหน่ายโภคภัณฑ์ให้แก่ผู้บริโภคไปและยังมิได้เสียภาษีการซื้อ โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามใบสั่งอยู่เช่นเดิม พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ต้องออกใบสั่งใหม่เพื่อเรียกเก็บภาษีสำหรับการจำหน่ายโภคภัณฑ์แก่ผู้บริโภคที่ปรากฏข้อเท็จจริงขึ้นในภายหลัง
การที่พนักงานเจ้าหน้าที่เรียกให้โจทก์เสียเงินเพิ่มห้าเท่า แม้ต่อมาจะมีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 16) พ.ศ.2502 ให้เรียกเก็บเพียงสองเท่า และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 18) พ.ศ.2504 ให้ยกเลิกการเก็บภาษีประเภทนี้ก็ตาม แต่พระราชบัญญัติทั้งสองฉบับนี้ยังมีบทเฉพาะกาลให้บทบัญญัติที่ถูกแก้ไขหรือยกเลิกนั้นบังคับในการจัดเก็บภาษีอากรที่ค้างอยู่หรือที่พึงชำระก่อนวันพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับนี้ใช้บังคับและพึงเห็นได้ว่าบทบัญญัติเฉพาะกาลดังกล่าวรวมทั้งการเรียกเก็บเงินเพิ่มด้วย โจทก์จึงต้องเสียเงินเพิ่มห้าเท่าของภาษีอยู่ตามเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ใบรับเงินตามประมวลรัษฎากร: การซื้อขายในประเทศและเลตเตอร์ออฟเครดิต
การรถไฟแห่งประเทศไทยซื้อสินค้าจากโจทก์ผู้ขายซึ่งอยู่ในประเทศไทยการทำสัญญาซื้อขายตลอดจนการชำระราคาก็ทำในประเทศไทย ตามวิธีการที่ให้การรถไฟชำระเงินโดยเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตต่อธนาคารในประเทศไทยตามข้อตกลงที่ได้กำหนดกันไว้ในสัญญาซื้อขายโจทก์จึงมีหน้าที่ต้องออกใบรับเงินตามความในมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากร หลักฐานการรับเงินเลตเตอร์ออฟเครดิตตามวิธีการและประเพณีของธนาคารที่บริษัทในต่างประเทศตัวแทนโจทก์ทำให้ไว้แก่ธนาคารในต่างประเทศผู้จ่ายเงินไม่ถือว่าเป็นใบรับตามความในมาตรา 105 นั้น
และไม่ได้รับความยกเว้นไม่ต้องเสียอากรตามประมวลรัษฎากร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจและการเป็นตัวแทน: การพิจารณาเจตนาของผู้มอบอำนาจเพื่อผูกพันบริษัท
บริษัทในต่างประเทศทำหนังสือมอบอำนาจระบุชื่อผู้รับมอบอำนาจตำบลบ้าน และมีข้อความต่อไปว่า กรรมการบริษัทโจทก์ รวมทั้งระบุที่ตั้งสำนักงานของโจทก์ด้วย เพียงเท่านี้ยังไม่ชัดแจ้งว่าตั้งบุคคลนั้นเป็นส่วนตัวหรือในฐานะกรรมการบริษัทโจทก์ อันจะผูกพันโจทก์ในฐานะที่ผู้รับมอบอำนาจนั้นเป็นกรรมการผู้แทนนิติบุคคล จึงจำต้องพิจารณาพฤติการณ์อื่นๆประกอบด้วย
การที่บริษัทโจทก์เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทในต่างประเทศแต่ผู้เดียวในประเทศไทย เมื่อมีเหตุที่จะต้องตั้งผู้รับมอบอำนาจในประเทศไทย บริษัทต่างประเทศซึ่งเป็นผู้ขายคงไม่ตั้งผู้อื่น ถ้าสามารถตั้งบริษัทโจทก์ได้นั้น ย่อมเป็นพยานพฤติเหตุประการหนึ่ง เหตุนี้ แม้หนังสือแต่งตั้งจะระบุชื่อบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นกรรมการบริษัทโจทก์ด้วย ย่อมแสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างประเทศมิได้ตั้งกรรมการบริษัทโจทก์เป็นส่วนตัว แต่ตั้งในฐานะกรรมการบริษัทโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทำการค้าแทนบริษัทโจทก์จึงเป็นตัวแทนซึ่งต้องรับผิดเสียภาษีในส่วนเงินได้และภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ และมาตรา 78 ด้วย
of 21