คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 251

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 146 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16352/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมแปลงเอกสารและรอยตรา, การฉ้อโกง, และการลงโทษกรรมเดียว
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานร่วมกันฉ้อโกงตาม ป.อ. มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ศาลล่างทั้งสองจึงลงโทษจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง เมื่อโจทก์มีคำขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 7,655,000 บาท แก่โจทก์ร่วม การที่ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 7,655,000 บาท แก่โจทก์ร่วมจึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 43 แล้ว
ความผิดฐานร่วมกันปลอมขึ้นซึ่งรอยตราของทบวงการเมืองหรือเจ้าพนักงานและฐานร่วมกันใช้รอยตราที่ทำปลอมขึ้น อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 251 และ 252 เมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดฐานร่วมกันปลอมขึ้นซึ่งรอยตราของทบวงการเมืองหรือเจ้าพนักงานตาม ป.อ. มาตรา 251 ได้กระทำความผิดฐานร่วมกันใช้รอยตราที่ทำปลอมขึ้นตาม ป.อ. มาตรา 252 จึงต้องลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 251 แต่กระทงเดียวตาม ป.อ. มาตรา 263
การที่จำเลยกับพวกร่วมกันปลอมเอกสารสัญญาที่จะออกหนังสืออนุญาตการทำงานสำหรับชาวต่างชาติ ปลอมเอกสารการอนุญาตให้คนหางานเดินทางเข้าไปในสาธารณรัฐโปแลนด์ (วีซ่า) ของสถานเอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์ ปลอมหนังสือของกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล ถึง กรมการจัดหางาน ปลอมรอยตราประทับของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอร์ซอ ขึ้น แล้วนำรอยตราปลอมที่ทำขึ้นดังกล่าวไปใช้ประทับลงในเอกสารหนังสือความต้องการลูกจ้าง หนังสือมอบอำนาจ และหนังสือสัญญาจ้างแรงงานของบริษัท ซ. จากนั้นนำเอกสารปลอม เอกสารราชการปลอม และเอกสารที่มีรอยตราปลอมดังกล่าวไปแสดงแก่โจทก์ร่วม เป็นการกระทำที่ล้วนมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวคือหลอกลวงโจทก์ร่วมให้หลงเชื่อแล้วจ่ายเงินเป็นค่าดำเนินการเพื่อจัดส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 251 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8490/2552 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม, เอาไปเสีย/ลักทรัพย์โดยอุบาย, และร่วมกันกระทำความผิด
การที่จำเลยกับพวกร่วมกันวางแผนโดยใช้โฉนดที่ดินพิพาทปลอมที่มีรอยตราปลอมประทับอยู่ ไปแลกเอาโฉนดที่ดินพิพาทฉบับจริงของผู้เสียหายมาอันเป็นการเอาไปเสียซึ่งเอกสารและลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย แล้วนำโฉนดที่ดินพิพาทฉบับจริงพร้อมหนังสือมอบอำนาจปลอมของผู้เสียหายไปใช้แสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน การกระทำทั้งหมดล้วนมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียว คือ การทำให้สามารถขายหรือขายฝากที่ดินพร้อมอาคารของผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5843/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ การพิจารณาความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่อเนื่อง
มูลคดีที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 3 กับพวกร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องข้อ 1.1 ถึง ข้อ 1.4 โดยร่วมกันปลอมและประทับดวงตราปลอม และลงลายมือชื่อปลอมบัตรประจำตัวบุคคลพื้นที่สูงอันเป็นเอกสารราชการ ปลอมหนังสืออนุญาตให้บุคคลพื้นที่สูงออกนอกเขตที่พักอาศัยหรือพื้นที่ออกบัตรเป็นการชั่วคราวอันเป็นเอกสารราชการและประทับดวงตราปลอมและลงลายมือชื่อปลอม ปลอมแบบพิมพ์ประวัติบุคคลบนพื้นที่สูงอันเป็นเอกสารราชการ และปลอมทะเบียนบ้านของบุคคลที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรให้แก่บุคคล 1 คน โดยบรรยายฟ้องว่าเป็นการกระทำความผิดในวันที่ 23 พฤษภาคม 2547 เวลากลางวัน พฤติการณ์แห่งคดีเห็นได้ว่า จำเลยที่ 3 กระทำความผิดดังกล่าวในคราวเดียวกัน ด้วยมีเจตนาที่จะปลอมเอกสารดังกล่าวต่อเนื่องกันเพื่อให้เอกสารบริบูรณ์เท่านั้น หาได้มีเจตนาหลายเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกันแต่อย่างใดไม่ แม้จะมีการใช้ดวงตราปลอมในเอกสาร 2 ฉบับ ก็ตาม ก็ไม่เป็นความผิดฐานใช้ดวงตราปลอม 2 กรรม การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นความผิดกรรมเดียว
ส่วนที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 3 กับพวกร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องข้อ 1.5 ถึง ข้อ 1.7 โดยบรรยายฟ้องในแต่ละข้อว่า ร่วมกันปลอมเอกสารข้อละประเภทเอกสารให้แก่บุคคล 3 คน ในคราวเดียวกันการปลอมเอกสารดังกล่าวเป็นการปลอมเอกสารด้วยมีเจตนาต่อเนื่องกันเพื่อให้เอกสารบริบูรณ์เท่านั้น หาได้มีเจตนาหลายเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกัน ส่วนที่ในฟ้องแต่ละข้อแม้จะเป็นการปลอมเอกสารของบุคคลต่างคนรวม 3 คน ก็ตาม แต่โจทก์บรรยายฟ้องรวมกันมาในข้อเดียวกัน แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษเป็นกรรมเดียว ทั้งเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าการกระทำแต่ละข้อเป็นความผิดกรรมเดียว โจทก์ก็ไม่อุทธรณ์โต้แย้ง โจทก์จึงไม่อาจยกขึ้นฎีกาอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: ปลอมเอกสารราชการและดวงตราเพื่อใช้ในการทำงาน
จำเลยปลอมหนังสือรับรองที่อนุญาตทำงานเฉพาะบุคคลอยู่พื้นที่สูงใช้ในกรณีไปทำงานนอกพื้นที่ควบคุมซึ่งเป็นเอกสารราชการ และยังได้ปลอมดวงตราของเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี แล้วประทับดวงตราปลอมดังกล่าวในหนังสือรับรองที่อนุญาตทำงานเฉพาะบุคคลอยู่พื้นที่สูงใช้ในกรณีไปทำงานนอกพื้นที่ควบคุมที่ปลอมขึ้นนั้นพฤติการณ์แห่งคดีเห็นได้ว่าจำเลยกระทำการดังกล่าวก็ด้วยมีเจตนาที่จะปลอมหนังสือรับรองที่อนุญาตทำงานเฉพาะบุคคลอยู่พื้นที่สูงใช้ในกรณีไปทำงานนอกเหนือพื้นที่ควบคุมทั้งฉบับให้สำเร็จบริบูรณ์เท่านั้น กรณีหาได้มีการกระทำอื่นใดอีกฉะนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: ปลอมเอกสารราชการและดวงตราเพื่อใช้ในการทำงานนอกพื้นที่
โจทก์กล่าวอ้างมาในคำฟ้องว่า จำเลยปลอมหนังสือรับรองที่ อนุญาตทำงานเฉพาะบุคคลอยู่พื้นที่สูงใช้ในกรณีไปทำงาน นอกพื้นที่ควบคุมซึ่งเป็นเอกสารราชการและยังได้ปลอมดวงตรา ของเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองอำเภอส. แล้วประทับดวงตราปลอมดังกล่าวลงในหนังสือรับรองที่อนุญาตทำงานเฉพาะบุคคล อยู่พื้นที่สูงใช้ในกรณีไปทำงานนอกพื้นที่ควบคุมที่ปลอมขึ้น เช่นกันดังกล่าวนั้น พฤติการณ์แห่งคดีเห็นได้ว่าจำเลย กระทำการดังกล่าวก็ด้วยมีเจตนาที่จะปลอมหนังสือรับรอง ที่อนุญาตทำงานเฉพาะบุคคลอยู่พื้นที่สูงใช้ในกรณีไปทำงานนอกพื้นที่ควบคุมทั้งฉบับให้สำเร็จบริบูรณ์เท่านั้น กรณีหาได้มีการกระทำอื่นใดอีกไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด ฐานปลอมเอกสารราชการและทำดวงตราปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265,251 อันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2541 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและทำดวงตราปลอมเพื่อใช้ในการทำงานนอกพื้นที่
โจทก์กล่าวอ้างมาในคำฟ้องว่า จำเลยปลอมหนังสือรับรองที่อนุญาตทำงานเฉพาะบุคคลอยู่พื้นที่สูงใช้ในกรณีไปทำงานนอกพื้นที่ควบคุมซึ่งเป็นเอกสารราชการและยังได้ปลอมดวงตราของเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองอำเภอ ส.แล้วประทับดวงตราปลอมดังกล่าวลงในหนังสือรับรองที่อนุญาตทำงานเฉพาะบุคคลอยู่พื้นที่สูงใช้ในกรณีไปทำงานนอกพื้นที่ควบคุมที่ปลอมขึ้นเช่นกันดังกล่าวนั้น พฤติการณ์แห่งคดีเห็นได้ว่าจำเลยกระทำการดังกล่าวก็ด้วยมีเจตนาที่จะปลอมหนังสือรับรองที่อนุญาตทำงานเฉพาะบุคคลอยู่พื้นที่สูงใช้ในกรณีไปทำงานนอกพื้นที่ควบคุมทั้งฉบับให้สำเร็จบริบูรณ์เท่านั้น กรณีหาได้มีการกระทำอื่นใดอีกไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและทำดวงตราปลอมตาม ป.อ.มาตรา265, 251 อันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3800/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมแปลงตรา – ครอบคลุมทั้งรอยตราของทบวงการเมืองและเจ้าพนักงาน
ฎีกาของจำเลยที่ว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ไม่สามารถที่จะปรับความผิดตาม ป.อ.มาตรา 251 ได้เพราะโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกับพวกได้ทำปลอมขึ้นซึ่งรอยตราประเภทนักท่องเที่ยว และรอยตราครุฑ ไม่ใช่ดวงตราอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 251 นั้น แม้ฎีกาของจำเลยจะเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ก็เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย เพราะการทำปลอมรอยตราของทบวงการเมืองหรือของเจ้าพนักงานก็เป็นความผิดตามบทบัญญัติมาตรานี้ และตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ก็ครบองค์ประกอบความผิดแล้ว ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.พ.มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1293/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมโทษคดีเกี่ยวพันกันและการนับโทษต่อกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิจารณาพิพากษาคดีเจ็ดสำนวนรวมกันเพราะเป็นคดีเกี่ยวพันกัน จึงลงโทษจำเลยได้ไม่เกินกำหนดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ซึ่งมีโทษจำคุกอย่างสูงห้าปีทั้งเจ็ดสำนวน และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษฐานปลอมรอยตราตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 251 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดมีโทษจำคุกอย่างสูงถึงเจ็ดปี โดยศาลอุทธรณ์กับศาลชั้นต้นกำหนดโทษจำคุกจำเลยไว้สำนวนละ 1 ปี 4 เดือน เมื่อรวมโทษที่โจทก์ฟ้องเจ็ดสำนวน เป็นจำคุกทั้งหมด 9 ปี 4 เดือนไม่เกินยี่สิบปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) จึงนับโทษจำคุกจำเลยต่อกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4772/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้และอ้างเอกสารราชการปลอม การปลอมแปลงและใช้ตราประทับปลอม
เมื่อจำเลยเป็นคนนำใบอนุญาตขับรถยนต์ปลอมไปมอบให้ ช.โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเอกสารปลอม และใบอนุญาตขับรถยนต์ดังกล่าวได้มีรอยตราประทับของกรมการขนส่งทางบกซึ่งมิใช่รอยตราประทับที่แท้จริง จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้รอยตราปลอมและการที่จำเลยรับจะเป็นคนติดต่อทำใบอนุญาตขับรถยนต์ให้แก่ผู้ประสงค์จะมีใบอนุญาตดังกล่าวโดยไม่ต้องผ่านการสอบของกรมการขนส่งทางบกย่อมหมายความว่าจำเลยสามารถจะนำใบอนุญาตที่แท้จริงมาให้แก่บุคคลดังกล่าวได้เมื่อจำเลยนำใบอนุญาตปลอมมาให้จึงเท่ากับเป็นการอ้างแก่บุคคลเหล่านั้นว่าเป็นเอกสารราชการที่แท้จริง จำเลยจึงมีความผิดฐานอ้างเอกสารราชการปลอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4632/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมและใช้เอกสารปลอม, รอยตราปลอม, และความผิดตาม พ.ร.ก.คนเข้าเมือง ศาลพิจารณาความผิดแต่ละกรรมและลงโทษตามบทหนัก
จำเลยปลอมสำเนาทะเบียนคนเกิด ท.ร.22 และบัตรประจำตัวประชาชนเป็นการปลอมเอกสารคนละประเภทแตกต่างกันมีผลเป็นความผิดในตัวเองแยกจากกันได้ เป็นความผิดสองกรรมแต่การที่จำเลยที่ 1 ปลอมดวงตราและรอยตราประทับลงบนเอกสารสองฉบับดังกล่าว เป็นเพียงการร่วมประกอบให้สำเนาทะเบียนคนเกิดท.ร.22 และบัตรประจำตัวประชาชนที่จำเลยที่ 1 ทำขึ้นมีลักษณะข้อความและรอยตราประทับเหมือนเอกสารแท้จริงเพื่อผู้ที่พบเห็นจะได้หลงเชื่อตามเจตนาของจำเลยที่ 1 เท่านั้นจึงเป็นการกระทำผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท คือการปลอมสำเนาทะเบียนคนเกิด ท.ร.22 เป็นความผิดตามมาตรา 365กับมาตรา 251 กระทงหนึ่ง และการปลอมบัตรประจำตัวประชาชนเป็นความผิดตามมาตรา 265 กับมาตรา 251 อีกกระทงหนึ่งเมื่อจำเลยที่ 3 นำเอกสารปลอมทั้ง 2 ฉบับ ดังกล่าว ไปใช้แสดงต่อเจ้าพนักงานตำรวจกองตรวจคนเข้าเมือง แม้กระทำในคราวเดียวกันก็ต้องมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้แต่ละกระทง และเมื่อจำเลยที่ 1ปลอมรอยตราและประทับรอยตราปลอมบนเอกสาร 2 ฉบับดังกล่าวและนำเอกสารดังกล่าวไปใช้ ย่อมเป็นความผิดฐานใช้รอยตราปลอมตามมาตรา 252 ด้วย ซึ่งจะต้องลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานปลอมรอยตราตามมาตรา 251 เพียงกระทงเดียวตามมาตรา 263 และความผิดฐานใช้รอยตราปลอมนี้เป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานใช้เอกสารปลอม จึงต้องลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 251 ประกอบมาตรา 263 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักกว่าโทษตามมาตรา 268ตามมาตรา 90
of 15