พบผลลัพธ์ทั้งหมด 277 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1521/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คแลกเงินสดไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็คฉบับใหม่ หากไม่ใช่การชำระหนี้เดิม
จำเลยออกเช็คพิพาทแล้วแลกเงินสดไปจากโจทก์ การออกเช็คแลกเงินสดดังกล่าวย่อมเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 แต่การกระทำดังกล่าวมิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายอันจะเป็นความผิดได้ตามนัยแห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ซึ่งเป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังที่จำเลยออกเช็คแลกเงินสด การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดต่อไป จำเลยจึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตามป.อ. มาตรา 2 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ & กฎหมายใหม่ยกเลิกกฎหมายเก่า ทำให้จำเลยพ้นผิด
ขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ปรากฏว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 3 ได้ยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 เสียทั้งสิ้น และมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติองค์ประกอบความผิดว่า ผู้ใดออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยมีลักษณะหรือมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ (1) เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ฯลฯ ดังนั้นการออกเช็คที่จะมีมูลความผิดตามกฎหมายใหม่ดังกล่าวจะต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย จำเลยทั้งสองออกเช็คทั้งสี่ฉบับเพื่อชำระหนี้เงินยืมที่มีอยู่จริงแต่การยืมเงินของจำเลยทั้งสองตามเช็คแต่ละฉบับซึ่งมีจำนวนตั้งแต่หนึ่งล้านบาทขึ้นไปไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อของจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้ยืมหนี้เงินยืมระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองจึงต้องห้ามมิให้ฟ้องร้องขอให้บังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่งการกระทำของจำเลยทั้งสองซึ่งเดิมเป็นความผิดจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 ต่อไป จำเลยทั้งสองย่อมพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6411/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนสัญชาติโดยประกาศคณะปฏิวัติและการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ถูกถอนสัญชาติ
เมื่อหัวหน้าคณะปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินได้สำเร็จหัวหน้าคณะปฏิวัติย่อมมีอำนาจออกประกาศหรือคำสั่งอันถือเป็นกฎหมายใช้บังคับแก่ประชาชนได้ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13ธันวาคม 2515 มิใช่คำสั่งที่มีผลทำให้บุคคลต้องรับโทษทางอาญาแต่เป็นเรื่องของการให้ถอนสัญชาติไทยของบุคคลบางจำพวก แม้จะมีผลย้อนหลังกระทบถึงสิทธิของจำเลยและประชาชนก็มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายได้ เมื่อจำเลยเกิดในราชอาณาจักรไทยเมื่อปีพ.ศ. 2489โดยมีบิดามารดาเป็นคนญวนอพยพ จำเลยจึงถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว จำเลยมิใช่บุคคลที่มีสัญชาติไทยแต่เป็นคนญวนอพยพซึ่งต้องอยู่ในเขตควบคุมจังหวัดหนองคายตามประกาศและคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นคำสั่งของเจ้าพนักงานตามกฎหมาย จำเลยออกนอกเขตจังหวัดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัด จึงเป็นการฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 368.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6411/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนสัญชาติโดยประกาศคณะปฏิวัติและการบังคับใช้กฎหมายต่อคนญวนอพยพ
เมื่อหัวหน้าคณะปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินได้สำเร็จหัวหน้าคณะปฏิวัติย่อมมีอำนาจออกประกาศหรือคำสั่งอันถือเป็นกฎหมายใช้บังคับแก่ประชาชนได้ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่13 ธันวาคม 2515 มิใช่คำสั่งที่มีผลทำให้บุคคลต้องรับโทษทางอาญาแต่เป็นเรื่องของการให้ถอนสัญชาติไทยของบุคคลบางจำพวก แม้จะมีผลย้อนหลังกระทบถึงสิทธิของจำเลยและประชาชน ก็มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายได้ เมื่อจำเลยเกิดในราชอาณาจักรไทยเมื่อปี พ.ศ. 2489โดยมีบิดามารดาเป็นคนญวนอพยพ จำเลยจึงถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว จำเลยมิใช่บุคคลที่มีสัญชาติไทยแต่เป็นคนญวนอพยพซึ่งต้องอยู่ในเขตควบคุมจังหวัดหนองคายตามประกาศและคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นคำสั่งของเจ้าพนักงานตามกฎหมาย จำเลยออกนอกเขตจังหวัดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัด จึงเป็นการฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5398/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามข่มขืนกระทําชําเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี และการปรับบทลงโทษตามกฎหมายอาญา
จําเลยถ่างขาของโจทก์ร่วมออก ขึ้นคร่อมบนตัวโจทก์ร่วม เอาอวัยวะเพศของตนใส่เข้าไปที่อวัยวะเพศ ของโจทก์ร่วม แต่อวัยวะเพศของจําเลยมิได้ล่วงล้ําเข้าไปในช่องคลอด เพราะเยื่อพรหมจารียังปกติอยู่ แต่ บริเวณปากช่องคลอดและแคมในทั้งสองข้างแดง ผิดปกติ แสดงว่าจําเลยพยายามสอดใส่อวัยวะเพศของตน เข้าไปในช่องคลอดของโจทก์ร่วมแต่กระทําไม่สําเร็จ เพราะมีคนขึ้นมาบนบ้านเสียก่อน พฤติการณ์บ่งชี้ชัดแจ้ง ว่า จําเลยมีเจตนาข่มขืนกระทําชําเรา จําเลยจึงมีความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทําชําเราโจทก์ร่วม ไม่ปรากฏ ว่านอกจากพยายามข่มขืนกระทําชําเราโจทก์ร่วมแล้วจําเลยจะได้กระทําอนาจารอย่างอื่นแก่โจทก์ร่วมอีก จําเลยจึงหามีความผิดฐานกระทําอนาจารโจทก์ร่วมอีกบทหนึ่งด้วยไม่ เมื่อกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทําความผิด และกฎหมายที่ใช้ภายหลังกระทําความผิดไม่แตกต่างกัน ก็จะต้องปรับบทลงโทษจําเลยตามกฎหมายที่ใช้ใน ขณะกระทําความผิด จะปรับบทลงโทษตามกฎหมายที่ใช้ภายหลังกระทําผิดไม่ได้ การที่ศาลอุทธรณ์ปรับบท กฎหมายลงโทษจําเลยไม่ถูกต้องนั้น เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะมิได้ ฎีกาศาลฎีกาก็มีอํานาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3912-3913/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งราคาซื้อขายหลักทรัพย์เท็จ แม้กฎหมายแก้ไข แต่ความผิดยังคงมีอยู่ หากองค์ประกอบความผิดครบถ้วน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทุกคนร่วมกันซื้อหุ้นจำนวน 4,500 หุ้น ให้โจทก์ในราคาเพียงหุ้นละ 265 บาท แต่แจ้งให้โจทก์ทราบว่าซื้อในราคาหุ้นละ 423 บาท คิดเงินจากโจทก์เกินไปถึง 711,000 บาท กับดอกเบี้ยอีกส่วนหนึ่ง โดยจำเลยมีเจตนาทุจริต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ.2517 มาตรา 21 และมีโทษตามมาตรา 42 แม้ต่อมาจะได้มีพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2527 ยกเลิกความในมาตรา 21 และ 42 เดิมก็ตาม แต่ในมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ที่แก้ไขใหม่นี้ก็ยังคงบัญญัติลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์และหรือการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งแจ้งข้อความอันเป็นเท็จหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับราคาซื้อหรือขายของหลักทรัพย์จดทะเบียนหรือหลักทรัพย์รับอนุญาตซึ่งฟ้องของโจทก์ดังกล่าวก็ได้บรรยายมาด้วยว่า จำเลยทุกคนร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับราคาซื้อหลักทรัพย์จดทะเบียนหรือหลักทรัพย์รับอนุญาต อันเข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 42 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวแล้ว พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2527 จึงมิได้ยกเลิกความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2255/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเฮโรอีนเพื่อจำหน่าย: ศาลพิจารณาโทษสถานหนักจากผลกระทบต่อสังคม
การกำหนดโทษผู้กระทำผิด ศาลพิจารณาถึงผลร้ายแรงของการกระทำความผิดประกอบด้วย ทั้งการกำหนดโทษเป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดตามพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่อง ๆ ไป จำเลยมีเฮโรอีนคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนัก 2,321 กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายผลการกระทำของจำเลยถ้าได้จำหน่ายไปถึงมือประชาชนทั่วไปแล้วจะเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมและประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง จำเลยจึงควรจะได้รับโทษสถานหนัก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเก็บแร่หลังใบอนุญาตหมดอายุ แม้ได้รับอนุญาตใหม่ก็ไม่ลบล้างความผิดก่อนหน้า
จำเลยเก็บแร่ไว้ในระหว่างที่ใบอนุญาตเดิม หมดอายุ แม้ภายหลังจำเลยจะได้รับใบอนุญาตให้เก็บแร่ได้ อีก ใบอนุญาตใหม่ก็ไม่มีผลย้อนหลังไปลบล้างหรืออภัยความผิดก่อนได้รับอนุญาต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเก็บแร่โดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ได้รับอนุญาตภายหลังก็ไม่ลบล้างความผิดเดิม
จำเลยเก็บแร่ไว้ในระหว่างที่ใบอนุญาตเดิมหมดอายุแม้ภายหลังจำเลยจะได้รับใบอนุญาตให้เก็บแร่ได้อีกใบอนุญาตใหม่ก็ไม่มีผลย้อนหลังไปลบล้างหรืออภัยความผิดก่อนได้รับอนุญาต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของกฎหมายใหม่ต่อคดีเก่า: ไม้หวงห้าม ไม้งิ้ว ไม้หวงห้ามยกเลิก ทำให้จำเลยพ้นผิด
จำเลยมีไม้งิ้วอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ระหว่างพิจารณาคดีของศาลฎีกามีพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาฉบับเดิม และตามพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่นี้มิได้กำหนดให้ไม้งิ้วเป็นไม้หวงห้ามการกระทำของจำเลยแม้จะเป็นความผิดดังที่โจทก์ฟ้อง จำเลยก็พ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 2.(ที่มา-ส่งเสริม)