พบผลลัพธ์ทั้งหมด 136 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารมอบอำนาจไม่เป็นเอกสารสิทธิ การปลอมแปลงจึงไม่อยู่ในข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ใบมอบอำนาจให้ไถ่ถอนจำนองและจำนองใหม่เป็นแต่มอบอำนาจให้จัดการอย่างใดอย่างหนึ่งแทนไม่ใช่เอกสารสิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2417/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารหนังสือมอบอำนาจเพื่อจดทะเบียนที่ดิน ศาลฎีกาตัดสินเรื่องบทลงโทษที่ถูกต้อง
หนังสือมอบอำนาจเป็นเอกสารธรรมดา ซึ่งผู้มอบมอบหมายให้บุคคลอีกคนหนึ่งมีอำนาจจัดการทำนิติกรรมแทนผู้มอบเท่านั้น ไม่เป็นเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการก่อตั้งสิทธิอย่างใด จึงไม่ใช่เอกสารสิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2417/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารมอบอำนาจเพื่อจดทะเบียนที่ดิน ศาลฎีกาปรับบทลงโทษให้ถูกต้อง
หนังสือมอบอำนาจเป็นเอกสารธรรมดา ซึ่งผู้มอบ มอบหมายให้บุคคลอีกคนหนึ่งมีอำนาจจัดการทำนิติกรรมแทนผู้มอบเท่านั้น ไม่เป็นเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการก่อตั้งสิทธิอย่างใด จึงไม่ใช่เอกสารสิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2266-2278/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ปลอมเอกสารราชการ และการรวมพิจารณาคดีหลายสำนวน
โจทก์ฟ้องจำเลย 13 สำนวน สำนวนละหลายข้อหา เมื่อข้อหาฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ศาลพิพากษาจำคุกจำเลยสำนวนละ 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ลงโทษจำคุกสำนวนละ 2 ปี 6 เดือน และข้อหาความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกสำนวนละ 2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษจำคุกสำนวนละ 1 ปี นั้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและโทษของแต่ละกระทงความผิดและของแต่ละสำนวนที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยไม่เกิน 5 ปีคดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความอาญามาตรา 218
จำเลยฎีกาว่า การสอบสวนตามฟ้องจำเลยไม่ได้รับแจ้งข้อหาและปรึกษาทนายความกับจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง และที่โจทก์จำเลยต่างฎีกาว่ากำหนดโทษที่ศาลอุทธรณ์ลงมานั้นหนักหรือเบาเกินไป เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ใบเสร็จรับเงินซึ่งทางราชการออกให้แก่ผู้มีหน้าที่ต้องชำระค่าภาษีรถยนต์เป็นหลักฐานแสดงว่าทางราชการได้รับชำระค่าภาษีรถยนต์ไว้แล้วและมีผลทำให้การเก็บภาษีรถยนต์ของรัฐเป็นอันเสร็จสิ้นไป จึงเป็นเอกสารราชการ
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจแผนกทะเบียนยานพาหนะปลอมใบเสร็จรับเงินแล้วใช้ดวงตราของเจ้าพนักงานประทับลงในใบเสร็จรับเงินนั้น ก็โดยเจตนาทำใบเสร็จรับเงินปลอมทั้งฉบับ เพื่อให้เห็นว่าเป็นใบเสร็จรับเงินที่แท้จริง การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามมาตรา 266 และ 253
จำเลยฎีกาว่า การสอบสวนตามฟ้องจำเลยไม่ได้รับแจ้งข้อหาและปรึกษาทนายความกับจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง และที่โจทก์จำเลยต่างฎีกาว่ากำหนดโทษที่ศาลอุทธรณ์ลงมานั้นหนักหรือเบาเกินไป เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ใบเสร็จรับเงินซึ่งทางราชการออกให้แก่ผู้มีหน้าที่ต้องชำระค่าภาษีรถยนต์เป็นหลักฐานแสดงว่าทางราชการได้รับชำระค่าภาษีรถยนต์ไว้แล้วและมีผลทำให้การเก็บภาษีรถยนต์ของรัฐเป็นอันเสร็จสิ้นไป จึงเป็นเอกสารราชการ
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจแผนกทะเบียนยานพาหนะปลอมใบเสร็จรับเงินแล้วใช้ดวงตราของเจ้าพนักงานประทับลงในใบเสร็จรับเงินนั้น ก็โดยเจตนาทำใบเสร็จรับเงินปลอมทั้งฉบับ เพื่อให้เห็นว่าเป็นใบเสร็จรับเงินที่แท้จริง การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามมาตรา 266 และ 253
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636-1650/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ: การปลอมบัตรอนุญาตขึ้นเขาศูนย์และการประทับตราต่ออายุปลอม
บัตรอนุญาตของเจ้าหน้าที่ให้ขึ้นเขาศูนย์ได้ ซึ่งเป็นเขตหวงห้ามตามประกาศของผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ไม่ใช่เอกสารสิทธิ
ขายบัตรอนุญาตการขึ้นเขาศูนย์ซึ่งปลอมการต่ออายุโดยประทับตรายางและลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ปลอม เป็นการปลอมเอกสารราชการแก่ผู้ที่มาซื้อหลายคนในคราวเดียวกัน เป็นความผิดกรรมเดียว การมอบหลายคราวเป็นต่างกระทงเป็นแต่ละคราว การประทับตราและลงลายมือชื่อปลอมลงในบัตร 6 ฉบับในวันเดียวต่อเนื่องกันไป เป็นต่างกระทงกัน 6 กระทง
ขายบัตรอนุญาตการขึ้นเขาศูนย์ซึ่งปลอมการต่ออายุโดยประทับตรายางและลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ปลอม เป็นการปลอมเอกสารราชการแก่ผู้ที่มาซื้อหลายคนในคราวเดียวกัน เป็นความผิดกรรมเดียว การมอบหลายคราวเป็นต่างกระทงเป็นแต่ละคราว การประทับตราและลงลายมือชื่อปลอมลงในบัตร 6 ฉบับในวันเดียวต่อเนื่องกันไป เป็นต่างกระทงกัน 6 กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2639-2641/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวฐานใช้เอกสารปลอม – บัตรอนุญาตผ่านเข้าไม่ใช่เอกสารสิทธิ
จำเลยพบกับผู้เสียหายทั้งสอง เมื่อผู้เสียหายทั้งสอง บอกว่าจะมาหาบัตรขึ้นเขาศูนย์จำเลยก็บอกว่า ทำให้ได้ แต่ต้องเสียเงินคนละ 400 บาท แล้วจำเลยเอารูปถ่ายของผู้เสียหายไป ต่อมาราว 30 นาที จำเลยเอาบัตรปลอมมาให้ผู้เสียหายคนละฉบับ ผู้เสียหายจ่ายเงินให้จำเลยไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำอันเดียวกัน โดยจำเลยมีเจตนากระทำต่อผู้เสียหายรวม 2 คน ในคราวเดียวกันจึงเป็นกรรมเดียว (ฐานใช้เอกสารปลอม)
บัตรอนุญาตให้ผ่านเข้าเขาศูนย์ เป็นเอกสารแสดงว่าผู้ที่มีบัตรนั้นได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าออกในบริเวณเขาศูนย์ได้เท่านั้น มิได้เป็นหลักฐานแห่งการก่อเปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิแต่อย่างใดจึงมิใช่เอกสารสิทธิตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา1(9)
บัตรอนุญาตให้ผ่านเข้าเขาศูนย์ เป็นเอกสารแสดงว่าผู้ที่มีบัตรนั้นได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าออกในบริเวณเขาศูนย์ได้เท่านั้น มิได้เป็นหลักฐานแห่งการก่อเปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิแต่อย่างใดจึงมิใช่เอกสารสิทธิตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา1(9)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2639-2641/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวฐานใช้เอกสารปลอม: การกระทำต่อผู้เสียหายหลายคนในคราวเดียวกัน และบัตรอนุญาตไม่ใช่เอกสารสิทธิ
จำเลยพบกับผู้เสียหายทั้งสอง เมื่อผู้เสียหายทั้งสองบอกว่าจะมาหาบัตรขึ้นเขาศูนย์ จำเลยก็บอกว่า ทำให้ได้ แต่ต้องเสียเงินคนละ 400 บาท แล้วจำเลยเอารูปถ่ายของผู้เสียหายไป ต่อมาราว30 นาที จำเลยเอาบัตรปลอมมาให้ผู้เสียหายคนละฉบับ ผู้เสียหายจ่ายเงินให้จำเลยไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำอันเดียวกันโดยจำเลยมีเจตนากระทำต่อผู้เสียหายรวม 2 คน ในคราวเดียวกันจึงเป็นกรรมเดียว (ฐานใช้เอกสารปลอม)
บัตรอนุญาตให้ผ่านเข้าเขาศูนย์ เป็นเอกสารแสดงว่าผู้ที่มีบัตรนั้นได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าออกในบริเวณเขาศูนย์ได้เท่านั้น มิได้เป็นหลักฐานแห่งการก่อเปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิแต่อย่างใดจึงมิใช่เอกสารสิทธิตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา1(9)
บัตรอนุญาตให้ผ่านเข้าเขาศูนย์ เป็นเอกสารแสดงว่าผู้ที่มีบัตรนั้นได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าออกในบริเวณเขาศูนย์ได้เท่านั้น มิได้เป็นหลักฐานแห่งการก่อเปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิแต่อย่างใดจึงมิใช่เอกสารสิทธิตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา1(9)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลอกลวงให้ถอนฟ้องคดีล้มละลาย ไม่ถือเป็นฉ้อโกงหากไม่เกิดการได้มาซึ่งทรัพย์สิน
จำเลยได้หลอกลวงให้โจทก์หลงเชื่อและถอนฟ้องคดีล้มละลายคำฟ้องคดีล้มละลายไม่ใช่เอกสารสิทธิ จำเลยก็ไม่ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม โจทก์ถอนฟ้องไปจึงมิได้เป็นการถอนเอกสารสิทธิเพราะจำเลยหลอกลวงการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1939/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารสิทธิเพื่อก่อให้เกิดและระงับสิทธิเรียกร้องทางอาญา
หนังสือค่าขนส่งสินค้า และค่าเช่าเรือบรรทุกสินค้าล่วงเวลากับใบเสร็จรับเงินค่าขนส่งสินค้าและค่าเช่าเรือบรรทุกสินค้าอันเป็นหลักฐานในการก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้อง และระงับซึ่งสิทธิเรียกร้องตามลำดับ เป็นเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(9) การปลอมเป็นความผิดตามมาตรา 265
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731-1732/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอมเพื่อยักยอกทรัพย์และเบียดบังเอาเงินไปเป็นของตนเอง
จำเลยได้รับมอบหมายจากโจทก์ร่วมเพื่อไปซื้อที่ดินให้โจทก์ร่วมแล้วจำเลยได้นำเอาบันทึกข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์รวม เป็นสำเนาตามแบบพิมพ์ ท.ด.70 ซึ่งจำเลยรู้ว่าเป็นเอกสารที่ผู้อื่นทำปลอมขึ้นไปแสดงต่อโจทก์ร่วมเพื่อให้เชื่อว่ามีต้นฉบับเช่นนั้น และเพื่อลวงให้โจทก์ร่วมเชื่อว่าโจทก์ร่วมมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่กับเจ้าของที่ดินตามบันทึกข้อตกลงนั้นเช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการใช้เอกสารปลอม
สำเนาบันทึกข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์รวมซึ่งพิมพ์ลงในแบบพิมพ์ ท.ด.70 มีข้อความแสดงว่า โจทก์ร่วมมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่เป็นจำนวนเท่าใด โดยไม่มีอะไรแสดงให้เห็นว่า เอกสารฉบับนี้เป็นเอกสารที่เจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ ดังนี้ ย่อมไม่เป็นเอกสารราชการ แต่เป็นเอกสารสิทธิ์ตามนัยมาตรา 1(9) แห่งประมวลกฎหมายอาญา
สำเนาบันทึกข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์รวมซึ่งพิมพ์ลงในแบบพิมพ์ ท.ด.70 มีข้อความแสดงว่า โจทก์ร่วมมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่เป็นจำนวนเท่าใด โดยไม่มีอะไรแสดงให้เห็นว่า เอกสารฉบับนี้เป็นเอกสารที่เจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ ดังนี้ ย่อมไม่เป็นเอกสารราชการ แต่เป็นเอกสารสิทธิ์ตามนัยมาตรา 1(9) แห่งประมวลกฎหมายอาญา