พบผลลัพธ์ทั้งหมด 604 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2463/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผูกพันของสัญญาจากตัวแทนกรรมการ และการพิสูจน์ผลสำเร็จจากสัญญาจ้างวิ่งเต้น
ในเรื่องความเกี่ยวพันกันในระหว่างกรรมการและบริษัทและบุคคลภายนอกนั้นต้องบังคับตามบทบัญญัติว่าด้วยตัวแทนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1167 การที่บริษัทจำเลยโดย ธ.ประธานกรรมการ ม. กรรมการผู้มีอำนาจลงนามแทนบริษัท และ พ.กรรมการอีกคนหนึ่งทำการแทนกรรมการผู้จัดการลงนามในสัญญาให้คำมั่นแก่โจทก์ทั้งสองว่าจะให้บำเหน็จรางวัลในการทีโจทก์ทั้งสองวิ่งเต้นติดต่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตให้ตั้งโรงงานน้ำตาลอันเป็นวัตถุประสงค์ของบริษัทจำเลย จึงเป็นการกระทำแทนบริษัทจำเลย แม้จะปรากฏว่า พ. กรรมการของบริษัทจะไม่มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทจำเลยในฐานะกรรมการผู้จัดการก็ตาม แต่ก็เท่ากับเป็นการเชิดให้กระทำแทนในหน้าที่กรรมการผู้จัดการ ทั้งได้ประทับตราบริษัทไว้ด้วยถือได้ว่าบริษัทจำเลยทำนิติกรรมกับโจทก์เอง นิติกรรมดังกล่าวย่อมผูกพันบริษัทจำเลย บริษัทจำเลยจะปฏิเสธความรับผิดไม่ได้ แต่เมื่อปรากฏว่าความสำเร็จในการที่บริษัทจำเลยได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานน้ำตาลได้เป็นผลเนื่องมาจากบริษัทจำเลยโดย ป. และ ว. วิ่งเต้นติดต่อกับทางฝ่ายรัฐบาลเอง หาใช่เป็นผลสืบเนื่องจากการที่โจทก์ยื่นเรื่องราวขอความเป็นธรรม โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินบำเหน็จรางวัลตามสัญญา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2463/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวิ่งเต้นขออนุญาตตั้งโรงงาน: สัญญาจ้างและหลักฐานการดำเนินการ
ความเกี่ยวพันกันในระหว่างกรรมการและบริษัทและบุคคลภายนอกต้องบังคับตามบทบัญญัติว่าด้วยตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1167 การที่บริษัทจำเลยโดย ธ. ประธานกรรมการ ม.กรรมการผู้มีอำนาจลงนามแทนบริษัท และ พ.กรรมการอีกคนหนึ่งทำการแทนกรรมการผู้จัดการลงนามในสัญญาให้คำมั่นแก่โจทก์ทั้งสองว่าจะให้บำเหน็จรางวัลในการที่โจทก์ทั้งสองวิ่งเต้นติดต่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตให้ตั้งโรงงานน้ำตาลอันเป็นวัตถุประสงค์ของบริษัทจำเลย จึงเป็นการกระทำแทนบริษัทจำเลยแม้ พ. กรรมการของบริษัทจะไม่มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทจำเลยในฐานะกรรมการผู้จัดการก็ตาม แต่ก็เท่ากับเป็นการเชิดให้กระทำแทนในหน้าที่กรรมการผู้จัดการ ทั้งได้ประทับตราบริษัทไว้ด้วย ถือได้ว่าบริษัทจำเลยทำนิติกรรมกับโจทก์เอง นิติกรรมดังกล่าวย่อมผูกพันบริษัทจำเลยบริษัทจำเลยจะปฏิเสธความรับผิดไม่ได้ แต่เมื่อความสำเร็จในการที่บริษัทจำเลยได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานน้ำตาลได้เป็นผลเนื่องมาจากบริษัทจำเลยโดย ป. และ ว. วิ่งเต้นติดต่อกับทางฝ่ายรัฐบาลเอง หาใช่เป็นผลสืบเนื่องจากการที่โจทก์ยื่นเรื่องราวขอความเป็นธรรม โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินบำเหน็จรางวัลตามสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1509/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อ: พิจารณาภาษีการค้าฐานะผู้ผลิตหรือผู้รับจ้างทำของ โดยพิจารณาจากความสำคัญของวัตถุดิบและการงาน
เมื่อคุณภาพและส่วนผสมของสบู่และเนยที่โจทก์ผลิตตามคำสั่งเฉพาะรายของลูกค้ากับที่โจทก์ผลิตและจำหน่ายเองเหมือนกัน สัมภาระหรือวัตถุที่นำมาใช้ในการผลิตตามคำสั่งเฉพาะรายดังกล่าวจึงมีความสำคัญยิ่งกว่าการงานกรณีเป็นการผลิตและขายให้ลูกค้าผู้สั่ง มิใช่การรับจ้างทำของ ดังนั้นโจทก์ต้องเสียภาษีการค้าในฐานะผู้ผลิต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าปรับสัญญา, เบี้ยปรับสูงเกินส่วน, ความล่าช้าของผู้รับจ้าง-ผู้ว่าจ้าง, การชำระค่าเสียหายจากค้ำประกัน
แม้ตามสัญญาโจทก์จะมีสิทธิปรับจำเลยที่ 1 เป็นรายวันจนกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จโดยการกระทำของผู้รับจ้างคนใหม่ แต่ค่าปรับที่ระบุไว้ในสัญญาถือได้ว่าเป็นเบี้ยปรับที่คู่สัญญากำหนดกันไว้ล่วงหน้า ทั้งการที่งานก่อสร้างเสร็จล่าช้าเป็นเพราะการดำเนินการของโจทก์ด้วยส่วนหนึ่งประกอบกับโจทก์จ้างผู้รับจ้างคนใหม่ทำงานงวดที่เหลือต่อในวงเงินเท่ากับที่จะต้องชำระให้จำเลยที่ 1 หากจำเลยก่อสร้างเสร็จตามสัญญา เบี้ยปรับที่จะพึงริบตามสัญญาจึงสูงเกินส่วนศาลมีอำนาจลดลงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 ตามสัญญาจ้างไม่มีการวางเงินมัดจำ แต่มีการทำหนังสือค้ำประกันความรับผิดของธนาคารภายในวงเงินร้อยละ 5 ของค่าจ้าง ซึ่งตามสัญญาผู้ว่าจ้างจะคืนเงินประกันหรือหนังสือค้ำประกันของธนาคารให้แก่ผู้รับจ้างเงินที่ธนาคารผู้ค้ำประกันชำระให้แก่ผู้ว่าจ้างเมื่อผู้รับจ้างผิดสัญญาไม่ใช่เงินมัดจำ แต่ถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหายฐานผิดสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบี้ยปรับสัญญาก่อสร้างสูงเกินส่วน ศาลลดลงได้, ความล่าช้าจากทั้งสองฝ่าย, ค่าเสียหายจากหนังสือค้ำประกัน
โจทก์มีสิทธิปรับจำเลยที่ 1 เป็นรายวันจนกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จโดยการกระทำของผู้รับจ้างคนใหม่ ถือได้ว่าเป็นเบี้ยปรับที่คู่สัญญากำหนดกันไว้ล่วงหน้า การที่งานก่อสร้างล่าช้าเป็นเพราะการดำเนินการของโจทก์ด้วย โจทก์จ้างผู้รับจ้างคนใหม่ทำงานงวดที่เหลือในวงเงินเท่ากับที่จะต้องชำระให้จำเลยที่ 1 ดังนี้ เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับเหตุแห่งความล่าช้าค่าจ้างก่อสร้างและระยะเวลาที่ผู้รับจ้างคนใหม่ใช้ในการก่อสร้างแล้ว เบี้ยปรับดังกล่าวสูงเกินส่วน ศาลมีอำนาจลดลงได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383
ตามสัญญาจ้างไม่มีการวางเงินมัดจำมีแต่หนังสือค้ำประกันความรับผิดของธนาคาร ดังนี้ เงินที่ธนาคารผู้ค้ำประกันชำระให้แก่ผู้ว่าจ้างเป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหายฐานผิดสัญญา.(ที่มา-ส่งเสริม)
ตามสัญญาจ้างไม่มีการวางเงินมัดจำมีแต่หนังสือค้ำประกันความรับผิดของธนาคาร ดังนี้ เงินที่ธนาคารผู้ค้ำประกันชำระให้แก่ผู้ว่าจ้างเป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหายฐานผิดสัญญา.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบี้ยปรับสัญญา, การลดเบี้ยปรับ, ค่าเสียหายจากผิดสัญญา, หนังสือค้ำประกัน, การกระทำของคู่สัญญา
แม้ตาม สัญญาโจทก์จะมีสิทธิปรับจำเลยที่ 1 เป็นรายวันจนกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จโดย การกระทำของผู้รับจ้างคนใหม่แต่ ค่าปรับที่ระบุไว้ในสัญญาถือได้ว่าเป็นเบี้ยปรับที่คู่สัญญากำหนดกันไว้ล่วงหน้า ทั้งการที่งานก่อสร้างเสร็จล่าช้าเป็นเพราะการดำเนินการของโจทก์ด้วย ส่วนหนึ่ง ประกอบกับโจทก์จ้าง ผู้รับจ้างคนใหม่ทำงานงวดที่เหลือต่อ ในวงเงินเท่ากับที่จะต้อง ชำระให้จำเลยที่ 1 หากจำเลยก่อสร้างเสร็จตาม สัญญา เบี้ยปรับที่จะพึงริบตามสัญญาจึงสูงเกินส่วนศาลมีอำนาจลดลงได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 ตาม สัญญาจ้างไม่มีการวางเงินมัดจำ แต่ มีการทำหนังสือค้ำประกันความรับผิดของธนาคารภายในวงเงินร้อยละ 5 ของค่าจ้าง ซึ่ง ตาม สัญญาผู้ว่าจ้างจะคืนเงินประกันหรือหนังสือค้ำประกันของธนาคารให้แก่ผู้รับจ้าง เงินที่ธนาคารผู้ค้ำประกันชำระให้แก่ผู้ว่าจ้างเมื่อผู้รับจ้างผิดสัญญาไม่ใช่เงินมัดจำ แต่ ถือ เป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหายฐาน ผิดสัญญา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 335/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับเหมาและกรุงเทพมหานครต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายจากอุบัติเหตุบนถนนก่อสร้าง หากละเลยการติดตั้งสัญญาณเตือน
จำเลยที่ 1 รับเหมาก่อสร้างปรับปรุงถนน ขณะถนนกำลังก่อสร้าง จำเลยที่ 1 ไม่จัดให้มีสัญญาณไฟเตือนทั้ง ๆ ที่มีข้อสัญญากับกรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 2 ผู้ว่าจ้างไว้ และจำเลยที่ 2ได้เตือนหลายครั้งแล้ว จำเลยที่ 1 ย่อมคาดได้ว่าหากไม่มีสัญญาณไฟเตือนให้เห็นอย่างชัดเจนก็อาจเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายได้ การที่ อ. ไม่เห็นเกาะกลางถนนที่กำลังก่อสร้างและขับรถยนต์ชนเกาะกลางถนนจึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 กรุงเทพมหานครจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ดูแลถนนในเขตกรุงเทพมหานครย่อมมีหน้าที่ควบคุมจัดให้มีเครื่องหมายและสัญญาณจราจรในบริเวณก่อสร้างหรือซ่อมแซมถนน แม้จะจัดให้จำเลยที่ 1 รับเหมาก่อสร้างไปแล้ว จำเลยที่ 2 ก็ยังมีหน้าที่ติดตั้งเครื่องหมายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่การจราจร เมื่อจำเลยที่ 2 ควบคุมแล้วยังมีข้อบกพร่อง จำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 ความเสียหายอันเกิดจากการละเมิดคราวเดียวกัน เมื่อจัดซ่อมไปแล้วหากตรวจพบภายหลังว่ายังมีส่วนชำรุดที่ยังมิได้ซ่อมหลงเหลืออยู่ ก็ยังจัดซ่อมต่อไปอีกได้ จะอ้างว่ามีสิทธิซ่อมเพียงครั้งเดียวไม่ว่าซ่อมแล้วจะดีดังเดิมหรือไม่ก็ตามหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 335/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับเหมาและหน่วยงานรัฐต่อความเสียหายจากงานก่อสร้างที่ขาดความปลอดภัย
จำเลยที่ 1 รับเหมาก่อสร้างปรับปรุงถนน ขณะถนน กำลังก่อสร้างจำเลยที่ 1 ไม่จัดให้มีสัญญาณไฟเตือน ทั้ง ๆ ที่มีข้อสัญญากับ กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 2 ผู้ว่าจ้างไว้ และจำเลยที่ 2 ได้ เตือนหลายครั้งแล้ว จำเลยที่ 1 ย่อมคาดได้ ว่าหากไม่มีสัญญาณไฟเตือนให้เห็นอย่างชัดเจนก็อาจเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายได้การที่ อ. ไม่เห็นเกาะกลางถนนที่กำลังก่อสร้างและขับรถยนต์ขนเกาะกลางถนนจึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 2 ในฐานะ ผู้ดูแลถนน ในเขต กรุงเทพมหานคร ย่อมมีหน้าที่ควบคุมจัดให้มีเครื่องหมายและสัญญาณจราจรในบริเวณก่อสร้างหรือซ่อมแซม ถนน แม้จะจัดให้จำเลยที่ 1รับเหมาก่อสร้างไปแล้ว จำเลยที่ 2 ก็ยังมีหน้าที่ติดตั้ง เครื่องหมายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่การจราจร เมื่อจำเลยที่ 2 ควบคุมแล้วยังมีข้อบกพร่อง จำเลยที่ 2 ก็ต้อง รับผิดเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 ความเสียหายอันเกิดจากการละเมิดคราวเดียวกัน เมื่อจัดซ่อมไปแล้วหากตรวจ พบภายหลังว่ายังมีส่วนชำรุด ที่ยังมิได้ซ่อมหลงเหลืออยู่ ก็ยังจัดซ่อมต่อไปอีกได้ จะอ้างว่ามีสิทธิซ่อมเพียงครั้งเดียวไม่ว่าซ่อมแล้วจะดี ดัง เดิม หรือไม่ก็ตามหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทสัญญาพิมพ์หนังสือไดเร็กตอรี่ การส่งมอบงานช้า และการชำระหนี้
จำเลยสั่งโจทก์พิมพ์หนังสือไดเร็คตอรี่ จำนวน 5,000 เล่มเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2525 โดยกำหนดให้ส่งมอบในวันที่ 8ธันวาคม 2525 มีเวลาให้โจทก์ทำงานและส่งมอบเพียง 13 วันซึ่งไม่สามารถทำได้ทัน โดยจำเลยได้ตกลงผ่อนผันให้ทยอยส่งและให้ทำอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จำเลยไม่ได้ถือเอาวันที่ 8 ธันวาคม2525 เป็นข้อสำคัญ ทั้งจำเลยก็ส่งต้นฉบับให้โจทก์ล่าช้า แต่โจทก์ก็ได้จัดพิมพ์และทยอยส่งให้จำเลยจนครบเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2526จำเลยรับไว้โดยมิได้บอกกล่าวเลิกสัญญาต่อโจทก์ จึงไม่ถือว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5979/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าจ้างทนายความ: วงเงินตกลง, การสืบสวนข้อเท็จจริง, การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย, การตีความสัญญา
จำเลยตกลงจ้างโจทก์ในการสืบสวนหาข้อเท็จจริงจากภรรยาจำเลยในประเทศไทยว่า จำเลยจะถูกฟ้องข้อหาให้สินบนเจ้าพนักงานหรือไม่ และขอคำแนะนำทางด้านกฎหมาย ถ้าจำเป็นก็ให้ตั้งทนายความสู้คดี โดยกำหนดจำนวนเงิน 20,000 บาท เป็นค่าจ้างเหมาในกิจการดังกล่าว การที่โจทก์สืบสวนข้อเท็จจริงให้คำปรึกษาและแนะนำแก่จำเลย เมื่อไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าคู่กรณีต่างตกลงคิดค่าจ้างกันเป็นรายชั่วโมงหรือโจทก์แจ้งจำเลยขอคิดค่าจ้างนอกเหนือจากเงินจำนวน 20,000 บาทเป็นพิเศษ ต้องถือว่าจำเลยตกลงจ้างโจทก์กระทำการในวงเงิน 20,000 บาท โจทก์ไม่อาจเรียกร้องเอาเงินค่าใช้จ่ายอย่างอื่นนอกวงเงินที่จำเลยกำหนด แม้เพื่อใช้จ่ายในกิจการดังกล่าว