พบผลลัพธ์ทั้งหมด 604 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3005-3006/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างเหมา การบอกเลิกสัญญา ความรับผิดในค่าเสียหาย และสิทธิในการริบของ
กรมราชทัณฑ์จำเลยจ้างเหมาโจทก์ให้ก่อสร้างตึกโรงพิมพ์ แม้จะปรากฏว่าในการก่อสร้างรายนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งแต่งตั้งให้ข้าราชการของกรมโยธาเทศบาลเข้าร่วมเป็นกรรมการอำนวยการสร้าง กรรมการเปิดซองประกวดราคา และกรรมการอื่นอีกหลายคณะ แต่ก็เป็นกรรมการเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งแต่งตั้งของผู้บังคับบัญชา เพื่อให้งานก่อสร้างของทางราชการดำเนินไปโดยเรียบร้อย หาใช่เป็นเรื่องที่จำเลยมอบหมายหรือแต่งตั้งให้ข้าราชการกรมโยธาเทศบาลหรือกรมโยธาเทศบาลเป็นตัวแทนของจำเลย หรือเป็นคู่สัญญาแทนจำเลยไม่การที่คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคา โดย ธ. หัวหน้ากองก่อสร้างกรมโยธาเทศบาลขอให้โจทก์ลดเวลาก่อสร้างลง ซึ่งโจทก์ยินยอมโดยขอให้กองก่อสร้างอำนวยความสะดวกในการจัดซื้อวัสดุในการก่อสร้างบางอย่างให้นั้น จึงหาใช่เงื่อนไขอันหนึ่งซึ่งเสมือนสัญญาที่จะผูกพันให้จำเลยต้องปฏิบัติตามไม่
โจทก์ทำงานไม่แล้วเสร็จตามสัญญา และจำเลยได้บอกเลิกสัญญาแล้ว ตามสัญญาให้อำนาจจำเลยริบการงานที่ทำไว้แล้วได้รวมทั้งจัดให้ผู้อื่นเข้าทำการงานนั้นต่อไป โดยผู้รับจ้างเหมายอมใช้ค่าเสียหายให้ทั้งสิ้น ดังนั้นบรรดาสัมภาระและวัสดุที่เหลืออยู่ในที่ก่อสร้างเป็นส่วนหนึ่งของการงานที่โจทก์ทำค้างไว้ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะริบได้ ส่วนเครื่องผสมคอนกรีตมิใช่การงานที่ได้ทำไว้ แต่เป็นเครื่องใช้หรือเครื่องมือในการประกอบการงานของโจทก์เท่านั้น จำเลยหาอาจริบได้ไม่
โจทก์ทำงานไม่แล้วเสร็จตามสัญญา และจำเลยได้บอกเลิกสัญญาแล้ว ตามสัญญาให้อำนาจจำเลยริบการงานที่ทำไว้แล้วได้รวมทั้งจัดให้ผู้อื่นเข้าทำการงานนั้นต่อไป โดยผู้รับจ้างเหมายอมใช้ค่าเสียหายให้ทั้งสิ้น ดังนั้นบรรดาสัมภาระและวัสดุที่เหลืออยู่ในที่ก่อสร้างเป็นส่วนหนึ่งของการงานที่โจทก์ทำค้างไว้ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะริบได้ ส่วนเครื่องผสมคอนกรีตมิใช่การงานที่ได้ทำไว้ แต่เป็นเครื่องใช้หรือเครื่องมือในการประกอบการงานของโจทก์เท่านั้น จำเลยหาอาจริบได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2610/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างทำของ ค่าจ้างรายข้อหา ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรม หากตกลงราคาก่อน
จำเลยจ้างโจทก์ไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ รวบรวมรายละเอียดและหลักฐานเกี่ยวแก่ที่ดินของจำเลยที่ถูกบุกรุกและจ้างโจทก์ดำเนินการเกี่ยวแก่การแจ้งความหรือร้องทุกข์ที่ดินแปลงเดียวกันนี้ โดยยอมให้ค่าจ้างเป็นรายข้อหา สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาจ้างทำของและตามข้อสัญญาก็มิได้เป็นช่องทางให้โจทก์ดำเนินการแจ้งความหรือร้องทุกข์ได้หลายข้อหาเพื่อหวังจะได้ค่าจ้างมากขึ้นตามข้อหาเหล่านั้น เพราะการจะแจ้งความหรือร้องทุกข์กี่ข้อหากี่คดีย่อมแล้วแต่ความประสงค์ของจำเลยผู้ว่าจ้างจะลงชื่อร้องทุกข์แจ้งความในข้อหาใดหรือไม่ ซึ่งโจทก์กำหนดราคาค่าจ้างให้จำเลยทราบก่อนแล้ว สัญญาดังกล่าวจึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาส่งเสริมให้จำเลยเป็นความกับบุคคลอื่น ไม่ขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2610/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างทำของเพื่อแจ้งความ/ร้องทุกข์ ค่าจ้างรายข้อหาไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย/ศีลธรรม
จำเลยจ้างโจทก์ไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ รวบรวมรายละเอียดและหลักฐานเกี่ยวแก่ที่ดินของจำเลยที่ถูกบุกรุกและจ้างโจทก์ดำเนินการเกี่ยวแก่การแจ้งความหรือร้องทุกข์ที่ดินแปลงเดียวกันนี้ โดยยอมให้ค่าจ้างเป็นรายข้อหา สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาจ้างทำของและตามข้อสัญญาก็มิได้เป็นช่องทางให้โจทก์ดำเนินการแจ้งความหรือร้องทุกข์ได้หลายข้อหาเพื่อหวังจะได้ค่าจ้างมากขึ้นตามข้อหาเหล่านั้น เพราะการจะแจ้งความหรือร้องทุกข์กี่ข้อหากี่คดีย่อมแล้วแต่ความประสงค์ของจำเลย ผู้ว่าจ้างจะลงชื่อร้องทุกข์แจ้งความในข้อหาใดหรือไม่ ซึ่งโจทก์กำหนดราคาค่าจ้างให้จำเลยทราบก่อนแล้ว สัญญาดังกล่าวจึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาส่งเสริมให้จำเลยเป็นความกับบุคคลอื่น ไม่ขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2186/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาแท้จริงของสัญญา, การแก้ไขแบบแปลน, สัญญาค้ำประกันที่ไม่ใช่เงินมัดจำ, และการโต้แย้งคำสั่งศาล
คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้จำเลยระบุอ้างพยานบุคคลภายหลังเวลาที่โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนได้สืบพยานเสร็จสิ้นไปแล้ว เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านไว้จึงอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนี้ไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
จำเลยทำสัญญาจ้างเหมาให้โจทก์ก่อสร้างโรงเรียนเป็นสัญญาจ้างทำของ แม้ตามแบบแปลนท้ายสัญญาจะแสดงว่าเป็นรูปอาคาร 4 ห้องเรียน จำเลยก็มีสิทธินำสืบพยานบุคคลเพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารแบบแปลนนั้นได้ว่า คู่สัญญามีเจตนาอันแท้จริงที่จะทำการจ้างเหมาก่อสร้างอาคารจำนวน 8 ห้องเรียน ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94
โจทก์ทำสัญญารับจ้างเหมาก่อสร้างโรงเรียนให้จำเลย โดยมีธนาคาร ก. ทำสัญญาค้ำประกันต่อจำเลยว่า เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญา หรือปฏิบัติผิดสัญญาซึ่งจำเลยมีสิทธิเรียกค่าปรับหรือค่าเสียหายใดๆ จากโจทก์ได้แล้ว ธนาคาร ก.จะยอมชำระเงินแทนโจทก์ให้แก่จำเลยภายในวงเงินที่ค้ำประกันทันที โดยธนาคาร ก. มิได้วางเงินสดตามสัญญาค้ำประกันไว้ต่อจำเลย สัญญาค้ำประกันนี้จึงเป็นเรื่องที่ผู้ค้ำประกันยอมผูกพันตนเข้าชำระหนี้แทนโจทก์ต่อจำเลยเท่านั้น หาใช่เป็นมัดจำตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 377 ไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิริบเงินตามสัญญาค้ำประกัน เมื่อจำเลยบอกเลิกสัญญาโดยโจทก์ผิดสัญญา
จำเลยทำสัญญาจ้างเหมาให้โจทก์ก่อสร้างโรงเรียนเป็นสัญญาจ้างทำของ แม้ตามแบบแปลนท้ายสัญญาจะแสดงว่าเป็นรูปอาคาร 4 ห้องเรียน จำเลยก็มีสิทธินำสืบพยานบุคคลเพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารแบบแปลนนั้นได้ว่า คู่สัญญามีเจตนาอันแท้จริงที่จะทำการจ้างเหมาก่อสร้างอาคารจำนวน 8 ห้องเรียน ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94
โจทก์ทำสัญญารับจ้างเหมาก่อสร้างโรงเรียนให้จำเลย โดยมีธนาคาร ก. ทำสัญญาค้ำประกันต่อจำเลยว่า เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญา หรือปฏิบัติผิดสัญญาซึ่งจำเลยมีสิทธิเรียกค่าปรับหรือค่าเสียหายใดๆ จากโจทก์ได้แล้ว ธนาคาร ก.จะยอมชำระเงินแทนโจทก์ให้แก่จำเลยภายในวงเงินที่ค้ำประกันทันที โดยธนาคาร ก. มิได้วางเงินสดตามสัญญาค้ำประกันไว้ต่อจำเลย สัญญาค้ำประกันนี้จึงเป็นเรื่องที่ผู้ค้ำประกันยอมผูกพันตนเข้าชำระหนี้แทนโจทก์ต่อจำเลยเท่านั้น หาใช่เป็นมัดจำตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 377 ไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิริบเงินตามสัญญาค้ำประกัน เมื่อจำเลยบอกเลิกสัญญาโดยโจทก์ผิดสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างและสิทธิการรับเงินชดเชยของลูกจ้างประจำตามประกาศกระทรวงมหาดไทย
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2507) ออกตามความในข้อ 2 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 คำว่า "ลูกจ้างประจำ" หมายถึงลูกจ้างซึ่งนายจ้างตกลงจ้างไว้เป็นการประจำ ไม่ว่าค่าจ้างนั้นจะกำหนดเป็นรายเดือนรายสัปดาห์รายวันรายชั่วโมงรายระยะเวลาอย่างอื่นหรือกำหนดตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ โจทก์เป็นช่างเย็บ รับจ้างเย็บกางเกงสตรีอยู่ที่ร้านของจำเลยซึ่งเป็นร้านรับตัดเย็บเสื้อผ้าโจทก์มีเครื่องมือในการเย็บผ้า จำเลยมีจักรเย็บผ้าและผ้าให้เย็บงานมีให้ทำเป็นประจำทุกวัน และโจทก์ได้ค่าจ้างเย็บเป็นรายตัว ซึ่งเป็นค่าจ้างที่กำหนดตามผลงานที่ทำได้ ทั้งจำเลยยังเลี้ยงอาหารโจทก์เป็นประจำอีกด้วย ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลยตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวแล้ว แม้โจทก์มิได้อยู่กับจำเลยก็ไม่ทำให้เปลี่ยนจากลักษณะของการเป็นลูกจ้างประจำไปได้
จำเลยบอกลดค่าจ้างที่โจทก์เคยได้เป็นปกติ โจทก์ขอร้องให้จ่ายตามอัตราเดิม จำเลยไม่ยอมและกลับพูดว่าถ้าใครไม่ทำก็ให้เก็บของออกไป ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างตามความหมายในประกาศกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2507) ข้อ 2 ที่ว่าลดค่าจ้างปกติของลูกจ้างโดยมิได้รับความยินยอมจากลูกจ้างนั้นแล้ว
การที่ลูกจ้างฟ้องเรียกเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานจากนายจ้างนั้น มิได้มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษในเรื่องอายุความจึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามหลักทั่วไปในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
จำเลยบอกลดค่าจ้างที่โจทก์เคยได้เป็นปกติ โจทก์ขอร้องให้จ่ายตามอัตราเดิม จำเลยไม่ยอมและกลับพูดว่าถ้าใครไม่ทำก็ให้เก็บของออกไป ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างตามความหมายในประกาศกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2507) ข้อ 2 ที่ว่าลดค่าจ้างปกติของลูกจ้างโดยมิได้รับความยินยอมจากลูกจ้างนั้นแล้ว
การที่ลูกจ้างฟ้องเรียกเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานจากนายจ้างนั้น มิได้มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษในเรื่องอายุความจึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามหลักทั่วไปในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลูกจ้างประจำ การลดค่าจ้างเป็นการเลิกจ้าง และอายุความการฟ้องเรียกค่าชดเชย
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 3(พ.ศ. 2507) ออกตามความในข้อ 2 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 คำว่า'ลูกจ้างประจำ' หมายถึงลูกจ้างซึ่งนายจ้างตกลงจ้างไว้เป็นการประจำ ไม่ว่าค่าจ้างนั้นจะกำหนดเป็นรายเดือนรายสัปดาห์รายวันรายชั่วโมงรายระยะเวลาอย่างอื่น หรือกำหนดตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ โจทก์เป็นช่างเย็บ รับจ้างเย็บกางเกงสตรีอยู่ที่ร้านของจำเลยซึ่งเป็นร้านรับตัดเย็บเสื้อผ้าโจทก์มีเครื่องมือในการเย็บผ้า จำเลยมีจักรเย็บผ้าและผ้าให้เย็บ งานมีให้ทำเป็นประจำทุกวัน และโจทก์ได้ค่าจ้างเย็บเป็นรายตัว ซึ่งเป็นค่าจ้างที่กำหนดตามผลงานที่ทำได้ ทั้งจำเลยยังเลี้ยงอาหารโจทก์เป็นประจำอีกด้วย ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลยตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวแล้ว แม้โจทก์มิได้อยู่กับจำเลยก็ไม่ทำให้เปลี่ยนจากลักษณะของการเป็นลูกจ้างประจำไปได้
จำเลยบอกลดค่าจ้างที่โจทก์เคยได้เป็นปกติ โจทก์ขอร้องให้จ่ายตามอัตราเดิม จำเลยไม่ยอม และกลับพูดว่าถ้าใครไม่ทำก็ให้เก็บของออกไป ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างตามความหมายในประกาศกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2507) ข้อ 2 ที่ว่าลดค่าจ้างปกติของลูกจ้างโดยมิได้รับความยินยอมจากลูกจ้างนั้นแล้ว
การที่ลูกจ้างฟ้องเรียกเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานจากนายจ้างนั้น มิได้มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษในเรื่องอายุความ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามหลักทั่วไปในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
จำเลยบอกลดค่าจ้างที่โจทก์เคยได้เป็นปกติ โจทก์ขอร้องให้จ่ายตามอัตราเดิม จำเลยไม่ยอม และกลับพูดว่าถ้าใครไม่ทำก็ให้เก็บของออกไป ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างตามความหมายในประกาศกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2507) ข้อ 2 ที่ว่าลดค่าจ้างปกติของลูกจ้างโดยมิได้รับความยินยอมจากลูกจ้างนั้นแล้ว
การที่ลูกจ้างฟ้องเรียกเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานจากนายจ้างนั้น มิได้มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษในเรื่องอายุความ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามหลักทั่วไปในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2426/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญารับเหมา: ผู้รับเหมาต้องส่งมอบงานตามคุณภาพที่กำหนด แม้จะได้รับคำแนะนำแหล่งวัตถุจากผู้ว่าจ้าง
จำเลยทำสัญญากับโจทก์รับจ้างเหมาขุดขนลูกรังและทรายกองรายทางตามคุณภาพ และลักษณะซึ่งกำหนดไว้ในประกาศเรียกประกวดราคา และจำเลยต้องส่งตัวอย่างไปให้โจทก์วินิจฉัยก่อน แต่ตัวอย่างที่จำเลยส่งไป โจทก์วินิจฉัยแล้วแจ้งว่าใช้ไม่ได้ ให้นำทรายหยาบแม่น้ำผสมด้วย แม้ตัวอย่างนั้นจำเลยจะนำไปจากแหล่งที่โจทก์แนะนำในประกาศประกวดราคา ประกาศนั้นก็ระบุไว้แล้วว่าการระบุแหล่งวัตถุเป็นการแนะนำ ผู้รับจ้างจะถือเป็นเหตุเพื่อปัดความรับผิดใด ๆ ของตนไม่ได้ การสืบแสวงหาวัตถุตามสัญญา เป็นหน้าที่ของผู้รับจ้างที่จะต้องจัดหาตามคุณภาพและลักษณะที่กำหนด เมื่อจำเลยประกวดราคาได้และได้ทำสัญญากับโจทก์ดังนี้แล้ว จำเลยจึงจะอ้างเอาความเข้าใจหรือความเชื่อในลักษณะและ คุณสมบัติของวัตถุที่โจทก์แนะนำและข้อแนะนำให้เอาทรายหยาบแม่น้ำผสมว่าไม่ต้องรับผิดตามสัญญาหาได้ไม่
จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งลูกรังและทราบให้มีคุณภาพและลักษณะตามสัญญา แต่จำเลยเอาลูกรังและทราบที่มีลักษณะไม่ถูกต้องส่งไปให้โจทก์วิจัย แม้จำเลยจะได้รับแจ้งผลการวิจัยว่าใช้ไม่ได้ก่อนสิ้นกำหนดสัญญาเพียง 5 วัน เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานวิเคราะห์ของโจทก์ได้กลั่นแกล้งให้ล่าช้าหรือกระทำการโดยไม่สุจริต จำเลยจะอ้างเป็นเหตุสุดวิสัยว่าทำการขนให้ไม่ทันหาได้ไม่
ข้อสัญญาที่กำหนดให้จำเลยส่งตัวอย่างวัตถุไปให้โจทก์วิจัยก่อน เป็นแต่ข้อหนึ่งในสัญญาที่จำเลยต้องปฏิบัติก่อนส่งลูกรังและทรายให้โจทก์ตามสัญญา มิใช่เงื่อนไขแห่งสัญญา
ข้อสัญญาที่ว่าถ้าปรากฏว่าผู้รับจ้างส่งวัตถุไม่ถูกต้องตามคุณภาพและลักษณะตามสัญญาผู้รับจ้างจะต้องนำวัตถุที่ถูกต้องมาปลี่ยนให้จนเป็นการถูกต้อง โดยผู้รับจ้างจะคิดยึดเวลาเอากับผู้ว่าจ้างไม่ได้นั้น เป็นข้อสัญญาที่กำหนดไว้เพื่อให้ผู้ว่าจ้างได้รับวัตถุตรงตามสัญญา ไม่เป็นโมฆะ
จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งลูกรังและทราบให้มีคุณภาพและลักษณะตามสัญญา แต่จำเลยเอาลูกรังและทราบที่มีลักษณะไม่ถูกต้องส่งไปให้โจทก์วิจัย แม้จำเลยจะได้รับแจ้งผลการวิจัยว่าใช้ไม่ได้ก่อนสิ้นกำหนดสัญญาเพียง 5 วัน เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานวิเคราะห์ของโจทก์ได้กลั่นแกล้งให้ล่าช้าหรือกระทำการโดยไม่สุจริต จำเลยจะอ้างเป็นเหตุสุดวิสัยว่าทำการขนให้ไม่ทันหาได้ไม่
ข้อสัญญาที่กำหนดให้จำเลยส่งตัวอย่างวัตถุไปให้โจทก์วิจัยก่อน เป็นแต่ข้อหนึ่งในสัญญาที่จำเลยต้องปฏิบัติก่อนส่งลูกรังและทรายให้โจทก์ตามสัญญา มิใช่เงื่อนไขแห่งสัญญา
ข้อสัญญาที่ว่าถ้าปรากฏว่าผู้รับจ้างส่งวัตถุไม่ถูกต้องตามคุณภาพและลักษณะตามสัญญาผู้รับจ้างจะต้องนำวัตถุที่ถูกต้องมาปลี่ยนให้จนเป็นการถูกต้อง โดยผู้รับจ้างจะคิดยึดเวลาเอากับผู้ว่าจ้างไม่ได้นั้น เป็นข้อสัญญาที่กำหนดไว้เพื่อให้ผู้ว่าจ้างได้รับวัตถุตรงตามสัญญา ไม่เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2426/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาส่งมอบวัตถุตามสัญญาจ้างเหมา คุณภาพวัตถุเป็นสาระสำคัญ ผู้รับจ้างต้องรับผิดแม้จะอ้างความเข้าใจผิด
จำเลยทำสัญญากับโจทก์รับจ้างเหมาขุดขนลูกรังและทรายกองรายทางตามคุณภาพและลักษณะซึ่งกำหนดไว้ในประกาศเรียกประกวดราคาและจำเลยต้องส่งตัวอย่างไปให้โจทก์วินิจฉัยก่อน แต่ตัวอย่างที่จำเลยส่งไปโจทก์วินิจฉัยแล้วแจ้งว่าใช้ไม่ได้ ให้นำทรายหยาบแม่น้ำผสมด้วยแม้ตัวอย่างนั้นจำเลยจะนำไปจากแหล่งที่โจทก์แนะนำในประกาศประกวดราคา ประกาศนั้นก็ระบุไว้แล้วว่าการระบุแหล่งวัตถุเป็นการแนะนำ ผู้รับจ้างจะถือเป็นเหตุเพื่อปัดความรับผิดใด ๆ ของตนไม่ได้ การสืบแสวงหาวัตถุตามสัญญา เป็นหน้าที่ของผู้รับจ้างที่จะต้องจัดหาตามคุณภาพและลักษณะที่กำหนด เมื่อจำเลยประกวดราคาได้และได้ทำสัญญากับโจทก์ดังนี้แล้ว จำเลยจึงจะอ้างเอาความเข้าใจหรือความเชื่อในลักษณะและคุณสมบัติของวัตถุที่โจทก์แนะนำและข้อแนะนำให้เอาทรายหยาบแม่น้ำผสมว่า ไม่ต้องรับผิดตามสัญญาหาได้ไม่
จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งลูกรังและทรายให้มีคุณภาพและลักษณะตามสัญญา แต่จำเลยเอาลูกรังและทรายที่มีลักษณะไม่ถูกต้องส่งไปให้โจทก์วิจัย แม้จำเลยจะได้รับแจ้งผลการวิจัยว่าใช้ไม่ได้ก่อนสิ้นกำหนดสัญญาเพียง 5 วัน เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานวิเคราะห์ของโจทก์ได้กลั่นแกล้งให้ล่าช้าหรือกระทำการโดยไม่สุจริต จำเลยจะอ้างเป็นเหตุสุดวิสัยว่าทำการขนให้ไม่ทันหาได้ไม่
ข้อสัญญาที่กำหนดให้จำเลยส่งตัวอย่างวัตถุไปให้โจทก์วิจัยก่อนเป็นแต่ข้อหนึ่งในสัญญาที่จำเลยต้องปฏิบัติก่อนส่งลูกรังและทรายให้โจทก์ตามสัญญา มิใช่เงื่อนไขแห่งสัญญา
ข้อสัญญาที่ว่าถ้าปรากฏว่าผู้รับจ้างส่งวัตถุไม่ถูกต้องตามคุณภาพและลักษณะตามสัญญา ผู้รับจ้างจะต้องนำวัตถุที่ถูกต้องมาเปลี่ยนให้จนเป็นการถูกต้อง โดยผู้รับจ้างจะคิดยืดเวลาเอากับผู้ว่าจ้างไม่ได้นั้นเป็นข้อสัญญาที่กำหนดไว้เพื่อให้ผู้ว่าจ้างได้รับวัตถุตรงตามสัญญาไม่เป็นโมฆะ
จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งลูกรังและทรายให้มีคุณภาพและลักษณะตามสัญญา แต่จำเลยเอาลูกรังและทรายที่มีลักษณะไม่ถูกต้องส่งไปให้โจทก์วิจัย แม้จำเลยจะได้รับแจ้งผลการวิจัยว่าใช้ไม่ได้ก่อนสิ้นกำหนดสัญญาเพียง 5 วัน เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานวิเคราะห์ของโจทก์ได้กลั่นแกล้งให้ล่าช้าหรือกระทำการโดยไม่สุจริต จำเลยจะอ้างเป็นเหตุสุดวิสัยว่าทำการขนให้ไม่ทันหาได้ไม่
ข้อสัญญาที่กำหนดให้จำเลยส่งตัวอย่างวัตถุไปให้โจทก์วิจัยก่อนเป็นแต่ข้อหนึ่งในสัญญาที่จำเลยต้องปฏิบัติก่อนส่งลูกรังและทรายให้โจทก์ตามสัญญา มิใช่เงื่อนไขแห่งสัญญา
ข้อสัญญาที่ว่าถ้าปรากฏว่าผู้รับจ้างส่งวัตถุไม่ถูกต้องตามคุณภาพและลักษณะตามสัญญา ผู้รับจ้างจะต้องนำวัตถุที่ถูกต้องมาเปลี่ยนให้จนเป็นการถูกต้อง โดยผู้รับจ้างจะคิดยืดเวลาเอากับผู้ว่าจ้างไม่ได้นั้นเป็นข้อสัญญาที่กำหนดไว้เพื่อให้ผู้ว่าจ้างได้รับวัตถุตรงตามสัญญาไม่เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างติดตามเรื่องราชการ ไม่ใช่การวิ่งเต้น สัญญาไม่เป็นโมฆะ
จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ให้โจทก์ติดต่อติดตามเพื่อให้ทางราชการอนุญาตให้ทำการขนไม้ที่จำเลยตัดฟันไว้ในป่าออกสู่ตลาดได้ตามสัญญามิได้มีวัตถุประสงค์ให้โจทก์ใช้อิทธิพลวิ่งเต้นหรือเข้าแทรกแซงในกิจการของทางราชการ เพื่ออนุญาตให้จำเลยทำการขนหรือชักลากไม้ออกจากป่า โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือระเบียบแบบแผนของทางราชการแต่อย่างใด เป็นการทำไปตามสิทธิและหน้าที่ในฐานะผู้รับจ้างทำแทนจำเลยซึ่งมีสิทธิอยู่แล้วโดยชอบเท่านั้น สัญญานี้จึงไม่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างติดตามอนุญาตขนไม้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรม โจทก์มีอำนาจฟ้อง
จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ให้โจทก์ติดต่อติดตามเพื่อให้ทางราชการอนุญาตให้ทำการขนไม้ที่จำเลยตัดฟันไว้ในป่าออกสู่ตลาดได้ ตามสัญญามิได้มีวัตถุประสงค์ให้โจทก์ใช้อิทธิพลวิ่งเต้นหรือเข้าแทรกแซงในกิจการของทางราชการ เพื่ออนุญาตให้จำเลยทำการขนหรือชักลากไม้ออกจากป่า โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือระเบียบแบบแผนของทางราชการแต่อย่างใด เป็นการทำไปตามสิทธิและหน้าที่ในฐานะผู้รับจ้างทำแทนจำเลยซึ่งมีสิทธิอยู่แล้วโดยชอบเท่านั้น สัญญานี้จึงไม่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ