พบผลลัพธ์ทั้งหมด 384 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446-447/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการผิดสัญญาต้องเป็นไปตามปกติ ไม่ใช่ความเสียหายไกลเกินเหตุ ศาลไม่อาจบังคับใช้ค่าเสียหายที่ไม่ได้รับการฟ้องขอ
สัญญายอมความในคดีก่อนมีความว่า เมื่อปลูกสร้างโรงภาพยนต์เสร็จแล้วจำเลยจะจัดให้โจทก์ได้เช่าตั้งร้านขายเครื่องดื่มที่หน้าโรงภาพยนต์นั้น ตามสัญญาไม่ได้ระบุว่าที่ ๆ จะจัดให้โจทก์เช่านั้นจะต้องเป็นห้องใช้เป็นที่อยู่อาศัยอย่างใด คงเพียงแต่จะจัดที่เพื่อตั้งร้านขายเครื่องดื่มหน้าโรงภาพยนต์เท่านั้น เมื่อจำเลยผิดสัญญายอมความแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายที่ไปเซ้งห้องผู้อื่นเพื่ออยู่อาศัยและประกอบการค้าเพียงประการเดียวเช่นนี้ เป็นการไกลกว่าเหตุ ไม่ใช่เป็นค่าเสียหายซึ่งตามปกติย่อมเกิดขึ้นแก่การผิดสัญญาอันโจทก์พึงจะได้ตามกฎหมาย
ค่าเสียหายที่โจทก์ควรจะได้ในการผิดสัญญารายนี้ก็คือค่าขาดประโยชน์ที่เคยได้จากการเช่าขายเครื่องดื่มอยู่เดิม หรือที่จะได้เช่าใหม่ตามสัญญายอมความนั้น แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องตั้งประเด็นเรียกค่าเสียหายในข้อนี้อย่างใดเลย และเพราะเหตุที่โจทก์ไม่ได้ฟ้องตั้งประเด็นเรียกค่าเสียหายอันควรจะได้ตามกฎหมายดังกล่าวมานี้ ศาลก็ไม่อาจจะกำหนดค่าเสียหายในข้อนี้ให้โจทก์ตามสมควรได้ เพราะว่าเป็นการนอกประเด็นตามคำฟ้อง
ค่าเสียหายที่โจทก์ควรจะได้ในการผิดสัญญารายนี้ก็คือค่าขาดประโยชน์ที่เคยได้จากการเช่าขายเครื่องดื่มอยู่เดิม หรือที่จะได้เช่าใหม่ตามสัญญายอมความนั้น แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องตั้งประเด็นเรียกค่าเสียหายในข้อนี้อย่างใดเลย และเพราะเหตุที่โจทก์ไม่ได้ฟ้องตั้งประเด็นเรียกค่าเสียหายอันควรจะได้ตามกฎหมายดังกล่าวมานี้ ศาลก็ไม่อาจจะกำหนดค่าเสียหายในข้อนี้ให้โจทก์ตามสมควรได้ เพราะว่าเป็นการนอกประเด็นตามคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการผิดสัญญาซื้อขาย: ริบมัดจำ + ค่าเสียหายพิเศษที่คาดเห็นได้
ผู้ซื้อทำสัญญาซื้อแป้งจากผู้ขายโดยวางมัดจำไว้บางส่วน ผู้ขายจึงได้วางมัดจำซื้อแป้งจากบุคคลภายนอก ต่อมาผู้ซื้อผิดสัญญาไม่ซื้อแป้งจากผู้ขาย ๆ ย่อมมีสิทธิริบมัดจำเสีย ทั้งยังเรียกร้องให้ผู้ซื้อใช้เงินทดแทนตามจำนวนที่ผู้ขายได้ถูกบุคคลภายนอกริบเงินมัดจำไปด้วยได้ โดยถือว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากพฤติการณ์พิเศษ ทั้งนี้ในเมื่อเป็นพฤติการณ์ที่ผู้ซื้อพึงคาดล่วงหน้าได้แล้ว
การที่ผู้ซื้อไม่ซื้อแป้งทำให้แป้งเสื่อมคุณภาพต้องขายไปในราคาถูกก็ดี การที่ผู้ขายต้องขาดกำไรที่จะพึงได้จากการขายแป้งก็ดี เหล่านี้เป็นค่าเสียหายตามปกติ.
การที่ผู้ซื้อไม่ซื้อแป้งทำให้แป้งเสื่อมคุณภาพต้องขายไปในราคาถูกก็ดี การที่ผู้ขายต้องขาดกำไรที่จะพึงได้จากการขายแป้งก็ดี เหล่านี้เป็นค่าเสียหายตามปกติ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผิดสัญญาจองที่นั่งชมภาพยนตร์ ค่าเสียหายจำกัดเฉพาะเงินที่เสียไป ความเสียหายทางจิตใจไม่อาจเรียกร้องได้
โจทก์จองบัตรที่นั่งดูภาพยนต์แล้วแต่ไม่สามารถมานั่งตามที่ๆจองไว้เพราะจำเลยกลับขายบัตรสำหรับที่นั่งนั้นให้แก่ผู้อื่นไปอีกย่อมถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาจำเลยจะยกเอาเหตุที่มีคนดูภาพยนต์มากเป็นพิเศษมาเป็นเหตุสุดวิสัยเพื่อแก้ตัวไม่ได้
จำเลยผิดสัญญาโจทก์จะเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแก่การนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา215
ในเรื่องค่าเสียหายโจทก์จะเรียกเอาจากจำเลยได้เพียงไรนอกจากค่าเสียหายที่ได้จ่ายเป็นตัวเงินจริงๆ แล้วสำหรับความขวยเขินที่ไม่ได้นั่งดูภาพยนต์ในที่ๆ จองไว้ความรู้สึกผิดหวัง เสียใจโจทก์จะถือเหตุเหล่านี้มาฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่ได้เพราะความรู้สึกในทางจิตใจนั้นไม่ใช่ความเสียหายที่จะพึงเรียกร้องกันได้ในกรณีเช่นนี้จะว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษตามวรรคสองแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 ก็ไม่ได้
การกำหนดค่าเสียหายในกรณีผิดสัญญาตามธรรมดาศาลย่อมกำหนดเพื่อชดเชยการที่โจทก์ต้องเสียไป มิใช่กำหนดเพื่อเป็นการลงโทษจำเลยดังนั้นหากโจทก์จะมีความเสียหายอย่างไรอีกความเสียหายนั้นจะพึงคำนวณเป็นราคาเงินเท่าใดก็ต้องคำนวณมาด้วยมิฉะนั้นโจทก์จะได้รับแต่เพียงค่าเสียหายเท่าที่คำนวณเป็นเงินไว้เท่านั้น
จำเลยผิดสัญญาโจทก์จะเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแก่การนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา215
ในเรื่องค่าเสียหายโจทก์จะเรียกเอาจากจำเลยได้เพียงไรนอกจากค่าเสียหายที่ได้จ่ายเป็นตัวเงินจริงๆ แล้วสำหรับความขวยเขินที่ไม่ได้นั่งดูภาพยนต์ในที่ๆ จองไว้ความรู้สึกผิดหวัง เสียใจโจทก์จะถือเหตุเหล่านี้มาฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่ได้เพราะความรู้สึกในทางจิตใจนั้นไม่ใช่ความเสียหายที่จะพึงเรียกร้องกันได้ในกรณีเช่นนี้จะว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษตามวรรคสองแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 ก็ไม่ได้
การกำหนดค่าเสียหายในกรณีผิดสัญญาตามธรรมดาศาลย่อมกำหนดเพื่อชดเชยการที่โจทก์ต้องเสียไป มิใช่กำหนดเพื่อเป็นการลงโทษจำเลยดังนั้นหากโจทก์จะมีความเสียหายอย่างไรอีกความเสียหายนั้นจะพึงคำนวณเป็นราคาเงินเท่าใดก็ต้องคำนวณมาด้วยมิฉะนั้นโจทก์จะได้รับแต่เพียงค่าเสียหายเท่าที่คำนวณเป็นเงินไว้เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการผิดสัญญาซื้อบัตรภาพยนตร์ ศาลจำกัดเฉพาะค่าเสียหายที่พิสูจน์ได้จริง ไม่รวมความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ
โจทก์จองบัตรที่นั่งดูภาพยนตร์แล้วแต่ไม่สามารถมานั่งตามที่ ๆ จองไว้เพราะจำเลยกลับขายบัตรสำหรับที่นั่งนั้นให้แก่ผู้อื่นไปอีกย่อมถือว่าจำเลยยกเอาเหตุที่มีคนดูภาพยนต์มากเป็นพิเศษมาเป็นเหตุสุดวิสัยเพื่อแก้ตัวไม่ได้
จำเลยผิดสัญญาโจทก์จะเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแก่การนั้นได้ตาม ป.พ.พ. ม.215
ในเรื่องค่าเสียหายโจทก์จะเรียกเอาจากจำเลยได้เพียงไร นอกจากค่าเสียหายที่ได้จ่ายเป็นตัวเงินจริง ๆ แล้ว สำหรับความขวยเขินที่ไม่ได้นั่งดูภาพยนต์ในที่ ๆ จองไว้ความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ โจทก์จะถือเหตุเหล่านี้มาฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่ได้เพราะความรู้สึกในทางจิตใจนั้นไม่ใช่ความเสียหายที่จะพึงเรียกร้องกันได้ในกรณีเช่นนี้จะว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษตามวรรค 2 แห่ง ป.พ.พ. ม.222 ก็ไม่ได้
การกำหนดค่าเสียหายในกรณีผิดสัญญาตามธรรมดาศาลย่อมกำหนดเพื่อชดเชยแก่การที่โจทก์ต้องเสียไป มิใช่กำหนดเพื่อเป็นการลงโทษจำเลย ดังนั้นหากโจทก์จะมีความเสียหายอย่างไรอีก ความเสียหายนั้นจะพึงคำนวนเป็นราคาเงินเท่าใดก็ต้องคำนวนมาด้วย มิฉะนั้นโจทก์จะได้รับแต่เพียงค่าเสียหายเท่าที่คำนวนเป็นเงินไว้เท่านั้น.
จำเลยผิดสัญญาโจทก์จะเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแก่การนั้นได้ตาม ป.พ.พ. ม.215
ในเรื่องค่าเสียหายโจทก์จะเรียกเอาจากจำเลยได้เพียงไร นอกจากค่าเสียหายที่ได้จ่ายเป็นตัวเงินจริง ๆ แล้ว สำหรับความขวยเขินที่ไม่ได้นั่งดูภาพยนต์ในที่ ๆ จองไว้ความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ โจทก์จะถือเหตุเหล่านี้มาฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่ได้เพราะความรู้สึกในทางจิตใจนั้นไม่ใช่ความเสียหายที่จะพึงเรียกร้องกันได้ในกรณีเช่นนี้จะว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษตามวรรค 2 แห่ง ป.พ.พ. ม.222 ก็ไม่ได้
การกำหนดค่าเสียหายในกรณีผิดสัญญาตามธรรมดาศาลย่อมกำหนดเพื่อชดเชยแก่การที่โจทก์ต้องเสียไป มิใช่กำหนดเพื่อเป็นการลงโทษจำเลย ดังนั้นหากโจทก์จะมีความเสียหายอย่างไรอีก ความเสียหายนั้นจะพึงคำนวนเป็นราคาเงินเท่าใดก็ต้องคำนวนมาด้วย มิฉะนั้นโจทก์จะได้รับแต่เพียงค่าเสียหายเท่าที่คำนวนเป็นเงินไว้เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1882/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและการผัดชำระหนี้: ประเด็นการยกเหตุไม่ชัดเจนและผลของการสงวนสิทธิค่าเสียหาย
ในคำให้การจำเลยต่อสู้ว่ากรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแทนบริษัทโจทก์และสัญญาท้ายฟ้องไม่ผูกพันบริษัทโจทก์ แต่ไม่ได้ยกเหตุขึ้นกล่าวอ้างว่าไม่มีอำนาจฟ้องแทน และสัญญาไม่ผูกพันนั้นเพราะเหตุใด ดังนี้จำเลยไม่มีประเด็นจะนำสืบ
เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ส่งแร่ตามที่ตกลงขอผัดส่งกันในเดือนมีนาคมแล้ว อีก 4-5 เดือนต่อมาโจทก์มีหนังสือเตือนให้จำเลยส่งภายใน 7 วันและกล่าวว่าจำเลยจะต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์นับแต่เดือนมีนาคมแม้จำเลยจะขอผัดต่อไปอีกกี่ครั้งก็ตามเมื่อโจทก์ได้สงวนสิทธิที่จะคิดค่าเสียหายในราคาแร่ระหว่างเดือนมีนาคมตลอดมาทุกครั้งดังนี้ต้องถือว่าจำเลยผิดนัดตั้งแต่นั้นมา และค่าเสียหายจะต้องคำนวณตามราคาแร่ในเดือนนั้นเป็นหลัก
เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ส่งแร่ตามที่ตกลงขอผัดส่งกันในเดือนมีนาคมแล้ว อีก 4-5 เดือนต่อมาโจทก์มีหนังสือเตือนให้จำเลยส่งภายใน 7 วันและกล่าวว่าจำเลยจะต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์นับแต่เดือนมีนาคมแม้จำเลยจะขอผัดต่อไปอีกกี่ครั้งก็ตามเมื่อโจทก์ได้สงวนสิทธิที่จะคิดค่าเสียหายในราคาแร่ระหว่างเดือนมีนาคมตลอดมาทุกครั้งดังนี้ต้องถือว่าจำเลยผิดนัดตั้งแต่นั้นมา และค่าเสียหายจะต้องคำนวณตามราคาแร่ในเดือนนั้นเป็นหลัก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายต่างประเทศ: ความรับผิดในสัญญา, การแก้ไขคำแปล, และการกำหนดค่าเสียหาย
โจทก์ส่งสำเนาคำแปลเอกสารพร้อมกับสำเนาคำฟ้องโจทก์แถลงรับรองต่อศาลว่าแปลผิดไป แต่คำแปลที่ส่งพร้อมกับต้นฉบับเอกสารนั้นถูกต้องจำเลยมิได้คัดคค้านคำแปลนี้ว่าผิดพลาดประการใด จึงต้องคำแปลที่ส่งพร้อมกับต้นฉบับว่าถูกต้องตามความจริง
จำเลยทำสัญญาให้โจทก์สั่งผ้าจากต่างประเทศให้จำเลย โจทก์ได้จัดการสั่งให้ครบถ้วน และโจทก์ได้ทำสัญญากับบริษัทต่างประเทศด้วยแล้ว เมื่อจำเลยทำผิดสัญญากับโจทก์ ย่อมเห็นได้ว่าโจทก์ย่อมผิดสัญญากับบริษัทในต่างประเทศต้องเสียหาย จำเลยก็ต้องรับผิดในความเสียหายจำเลยนั้น
ถ้าโจทก์นำสืบค่าเนียหายไม่ได้แน่ชัดว่า การเสียหายถึงจำนวนนั้นจริงศาลก็กำหนดให้ตามที่ศาลเห็นสมควร
การคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราโดยเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพฯในวันฟ้อง
จำเลยทำสัญญาให้โจทก์สั่งผ้าจากต่างประเทศให้จำเลย โจทก์ได้จัดการสั่งให้ครบถ้วน และโจทก์ได้ทำสัญญากับบริษัทต่างประเทศด้วยแล้ว เมื่อจำเลยทำผิดสัญญากับโจทก์ ย่อมเห็นได้ว่าโจทก์ย่อมผิดสัญญากับบริษัทในต่างประเทศต้องเสียหาย จำเลยก็ต้องรับผิดในความเสียหายจำเลยนั้น
ถ้าโจทก์นำสืบค่าเนียหายไม่ได้แน่ชัดว่า การเสียหายถึงจำนวนนั้นจริงศาลก็กำหนดให้ตามที่ศาลเห็นสมควร
การคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราโดยเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพฯในวันฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายต่างประเทศ: ความรับผิดชอบของจำเลยต่อความเสียหายจากผิดสัญญา และการกำหนดค่าเสียหายที่เหมาะสม
โจทก์ส่งสำเนาคำแปลเอกสารพร้อมกับสำเนาคำฟ้อง โจทก์แถลงรับรองต่อศาลว่าแปลผิดไป แต่คำแปลที่ส่งพร้อมกับต้นฉบับเอกสารนั้นถูกต้อง จำเลยมิได้คัดค้านคำแปลนี้ว่าผิดพลาดประการใด จึงต้องถือคำแปลที่ส่งพร้อมกับต้นฉบับว่าถูกต้องตามความจริง
จำเลยทำสัญญาให้โจทก์สั่งผ้าจากต่างประเทศให้จำเลยโจทก์ได้จัดการสั่งให้ครบถ้วน และโจทก์ได้ทำสัญญากับบริษัทต่างประเทศด้วยแล้ว เมื่อจำเลยทำผิดสัญญากับโจทก์ ย่อมเห็นได้ว่าโจทก์ย่อมผิดสัญญากับบริษัทในต่างประเทศต้องเสียหาย จำเลยก็ต้องรับผิดในความเสียหายจำนวนนั้น
ถ้าโจทก์นำสืบค่าเสียหายไม่ได้แน่ชัดว่า การเสียหายถึงจำนวนนั้นจริงศาลก็กำหนดให้ตามที่ศาลเห็นสมควร
การคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราโดยเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพฯในวันฟ้อง
จำเลยทำสัญญาให้โจทก์สั่งผ้าจากต่างประเทศให้จำเลยโจทก์ได้จัดการสั่งให้ครบถ้วน และโจทก์ได้ทำสัญญากับบริษัทต่างประเทศด้วยแล้ว เมื่อจำเลยทำผิดสัญญากับโจทก์ ย่อมเห็นได้ว่าโจทก์ย่อมผิดสัญญากับบริษัทในต่างประเทศต้องเสียหาย จำเลยก็ต้องรับผิดในความเสียหายจำนวนนั้น
ถ้าโจทก์นำสืบค่าเสียหายไม่ได้แน่ชัดว่า การเสียหายถึงจำนวนนั้นจริงศาลก็กำหนดให้ตามที่ศาลเห็นสมควร
การคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราโดยเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพฯในวันฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดในค่าเสียหายจากสัญญา: ความคาดเห็นได้ของผลกระทบ
ค่าเสียหายในกรณีผิดสัญญาตามความใน ป.ม.แพ่งฯมาตรา 222 นั้นมิใช่เฉพาะแต่กรณีที่คาดเห็นหรืออยู่ในฐานะคาดเห็นได้ ในเวลาทำสัญญาเท่านั้น ถ้าหากผู้ผิดสัญญาย่อมคาดเห็นหรืออยู่ในฐานะคาดเห็นได้ว่าการที่ตัวทำผิดสัญญา จะเป็นผลให้เกิดการเสียหายแก่อีกฝ่ายหนึ่งอย่างใดแล้ว ก็อาจมีความรับผิดในค่าเสียหายนั้นดัวย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดในค่าเสียหายจากผิดสัญญา: พิจารณาความคาดเห็นได้ของการเกิดความเสียหาย
ค่าเสียหายในกรณีผิดสัญญาตามความใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา222 นั้น มิใช่เฉพาะแต่กรณีที่คาดเห็นหรืออยู่ในฐานะคาดเห็นได้ ในเวลาทำสัญญาเท่านั้น ถ้าหากผู้ผิดสัญญาย่อมคาดเห็นหรืออยู่ในฐานะคาดเห็นได้ว่าการที่ตัวทำผิดสัญญา จะเป็นผลให้เกิดการเสียหายแก่อีกฝ่ายหนึ่งอย่างใดแล้ว ก็อาจมีความรับผิดในค่าเสียหายนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรื้อฟื้นคดีที่พิพากษาเด็ดขาดแล้ว และค่าเสียหายพิเศษจากการผิดสัญญาซื้อขาย
เจ้าของที่ดินได้ฟ้องโจทก์กับจำเลยขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยโดยอ้างว่าที่ดินเป็นของ เขา จำเลยไม่มีอำนาจเอาไปขายให้แก่โจทก์ ถ้าหากโจทก์เห็นว่า เจ้าของที่ดินเชิดจำเลยเป็นตัวแทนขายที่ดินให้ โจทก์ ๆ ก็ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคดีนั้นได้ แต่โจทก์มิได้ยกประเด็นข้อนี้เป็นข้อต่อสู้ เมื่อศาลพิพากษาให้เจ้าของที่ดิน ชนะคดีไปแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องเจ้าของที่ดินขอให้รับผิดในการที่เชิดจำเลยเป็นตัวแทนมาขายที่ดินนั้นแก่โจทก์ และขอให้เพิกถอนคำพิพากษาในคดีก่อนนั้นเสีย ดังนี้ ได้ชื่อว่ารื้อฟื้นคดีที่ศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้วมาว่า กล่าวกันใหม่ เป็นการต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 148.
การที่ผู้ซื้อที่ดินจะได้กำไรจากการนำที่ดินนั้นไปขายต่อให้แก่ผู้อื่นนั้น มิใช่เป็นวิสัยธรรมดา อันพึงบังเกิดจากการ ผิดสัญญาซื้อขาย เป็นเหตุให้ผู้ซื้อไม่ได้กำไรจากการขายต่อไปนั้น ย่อมถือว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากพฤติการณ์ พิเศษตาม ป.พ.พ.มาตรา 222 วรรค 2 ซึ่งถ้าผู้ขายได้คาดเห็น หรือควรได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าแล้ว ผปู้ขายจึงต้องรับผิด ถ้าผู้ซื้อนำสืบไม่ได้ว่าผู้ขายได้รู้หรือควรจะได้คาดเห็นล่วงหน้าแล้ว ผู้ขายก็ไม่ต้องรับผิดในค่า เสียหายพิเศษนี้./
การที่ผู้ซื้อที่ดินจะได้กำไรจากการนำที่ดินนั้นไปขายต่อให้แก่ผู้อื่นนั้น มิใช่เป็นวิสัยธรรมดา อันพึงบังเกิดจากการ ผิดสัญญาซื้อขาย เป็นเหตุให้ผู้ซื้อไม่ได้กำไรจากการขายต่อไปนั้น ย่อมถือว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากพฤติการณ์ พิเศษตาม ป.พ.พ.มาตรา 222 วรรค 2 ซึ่งถ้าผู้ขายได้คาดเห็น หรือควรได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าแล้ว ผปู้ขายจึงต้องรับผิด ถ้าผู้ซื้อนำสืบไม่ได้ว่าผู้ขายได้รู้หรือควรจะได้คาดเห็นล่วงหน้าแล้ว ผู้ขายก็ไม่ต้องรับผิดในค่า เสียหายพิเศษนี้./