คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 222

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 384 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องรื้อคดีที่สิ้นสุดแล้ว และค่าเสียหายจากกรณีพิเศษหลังผิดสัญญาซื้อขาย
เจ้าของที่ดินได้ฟ้องโจทก์กับจำเลยขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลย โดยอ้างว่าที่ดินเป็นของเขา จำเลยไม่มีอำนาจเอาไปขายให้แก่โจทก์ ถ้าหากโจทก์เห็นว่า เจ้าของที่ดินเชิดจำเลยเป็นตัวแทนขายที่ดินให้โจทก์ๆก็ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคดีนั้นได้ แต่โจทก์มิได้ยกประเด็นข้อนี้เป็นข้อต่อสู้ เมื่อศาลพิพากษาให้เจ้าของที่ดินชนะคดีไปแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องเจ้าของที่ดินขอให้รับผิดในการที่เชิดจำเลยเป็นตัวแทนมาขายที่ดินนั้นแก่โจทก์ และขอให้เพิกถอนคำพิพากษาในคดีก่อนนั้นเสียดังนี้ ได้ชื่อว่ารื้อฟื้นคดีที่ศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้วมาว่ากล่าวกันใหม่ เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
การที่ผู้ซื้อที่ดินจะได้กำไรจากการนำที่ดินนั้นไปขายต่อให้แก่ผู้อื่นนั้น มิใช่เป็นวิสัยธรรมดา อันพึงบังเกิดจากการผิดสัญญาซื้อขาย เป็นเหตุให้ผู้ซื้อไม่ได้กำไรจากการขายต่อไปนั้น ย่อมถือว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากพฤติการณ์พิเศษตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 วรรคสอง ซึ่งถ้าผู้ขายได้คาดเห็นหรือควรได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าแล้วผู้ขายจึงจะต้องรับผิด ถ้าผู้ซื้อนำสืบไม่ได้ว่าผู้ขายได้รู้หรือควรจะได้คาดเห็นล่วงหน้าแล้ว ผู้ขายก็ไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายพิเศษนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ห้องเช่าเพื่อการค้า ไม่ได้รับความคุ้มครอง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ค่ากินเปล่ายังเรียกได้หากมีผู้เช่ารายใหม่
ห้องเช่าอยู่ในทำเลการค้าผู้เช่าเปิดห้องเป็นร้านค้า ใช้ชื่อว่า "วีระ" ทำการตัดเสื้อผ้าขาย รับสอนการเย็บเสื้อผ้า เสียภาษีโรงค้า และประเภทร้านค้า ภาษีป้ายดังนี้ เป็นเรื่องเช่าเพื่อประกอบกิจการค้าและธุระกิจ ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
ฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่า โดยเรียกค่าเสียหาย คือเงินค่ากินเปล่า ซึ่งมีผู้มาบอกให้ ถ้าผู้เช่าออกจากห้องนั้นไปด้วยนั้น เงินค่ากินเปล่าเป็นค่าทดแทนในการเข้าครอบครอง ผู้ให้เช่ายังมีโอกาสที่จะเรียกเงินค่ากินเปล่าจากผู้ที่จะเข้าครอบครองในภายหน้าได้ จึงยังไม่ถือว่าผู้ให้เช่าได้รับความเสียหายในข้อนี้ จึงเรียกจากผู้เช่าไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าเพื่อค้า: ค่ากินเปล่าไม่ถือเป็นความเสียหายเมื่อยังสามารถเรียกเก็บจากผู้เช่ารายใหม่ได้
ห้องเช่าอยู่ในทำเลการค้าผู้เช่าเปิดห้องเป็นร้านค้า ใช้ชื่อว่า"วีระ" ทำการตัดเสื้อผ้าขาย รับสอนการเย็บเสื้อผ้า เสียภาษีโรงค้า และประเภทร้านค้า ภาษีป้ายดังนี้เป็นเรื่องเช่าเพื่อประกอบกิจการค้าและธุรกิจ ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯ
ฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่า โดยเรียกค่าเสียหายคือเงินค่ากินเปล่า ซึ่งมีผู้มาบอกให้ ถ้าผู้เช่าออกจากห้องนั้นไปด้วยนั้น เงินค่ากินเปล่าเป็นค่าทดแทนในการเข้าครอบครอง ผู้ให้เช่ายังมีโอกาสที่จะเรียกเงินค่ากินเปล่าจากผู้ที่จะเข้าครอบครองในภายหน้าได้ จึงยังไม่ถือว่าผู้ให้เช่าได้รับความเสียหายในข้อนี้ จึงเรียกจากผู้เช่าไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่า: สามีจัดการสินบริคณห์แทนภรรยาได้ และความรับผิดชอบต่อค่าเสียหายพิเศษ
สามีเอาบ้านของภรรยาอันเป็นสินบริคณห์ ไปให้ผู้อื่นเช่าอยู่อาศัยนั้น ต้องถือว่าสามีเป็นผู้จัดการตามอำนาจของกฎหมาย ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1468 ฉะนั้น เมื่อภรรยาผู้เป็นเจ้าของได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ให้เข้าอยู่ในบ้านเช่านั้นได้ ก็เท่ากับสสามีผู้มีอำนาจจัดการได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯ ให้เข้าอยู่ด้วย สามีจึงมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ มาตรา16 (6)
ผู้ให้เช่าบอกเลิกการเช่าบ้านกับผู้เช่า ให้ผู้เช่าออกจากบ้านไปภายในกำหนดและยังบอกกล่าวไปชัดแจ้งว่าถ้าผู้ให้เช่าเข้าบ้านเช่านี้นตามกำหนดไม่ได้ ก็จะทำให้ผิดสัญญาไม่สามารถส่งมอบบ้านอีกหลังหนึ่ง ที่ทำสัญญาซื้อขายกันแล้ว ให้แก่ผู้ซื้อได้ตามกำหนดและจะถูกผู้ซื้อปรับเป็นรายวัน ดังนี้ ถือได้ว่าผู้เช่าได้ทราบความเสียหายเป็นพิเศษของผู้ให้เช่าแล้ว ถ้าผู้เช่าผิดสัญญาไม่ออกจากบ้านเช่าภายในกำหนด ทำให้ผู้ให้เช่าผิดสัญญากับผู้ซื้อและถูกผู้ซื้อปรับเอาเท่าใด ผู้ให้เช่าย่อมมีสิทธิเรียกเอาจากผู้เช่าได้เท่าจำนวนที่เสียไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการสินบริคณห์และการฟ้องขับไล่ผู้เช่า รวมถึงความเสียหายพิเศษของผู้ให้เช่า
สามีเอาบ้านของภรรยาอันเป็นสินบริคณห์ ไปให้ผู้อื่นเช่าอยู่อาศัยนั้น ต้องถือว่าสามีเป็นผู้จัดการตามอำนาจของกฎหมาย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1468 ฉะนั้น เมื่อภรรยาผู้เป็นเจ้าของได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯลฯ ให้เข้าอยู่ในบ้านเช่านั้นได้ ก็เท่ากับสามีผู้มีอำนาจจัดการได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯให้เข้าอยู่ด้วย สามีจึงมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้ตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ มาตรา 16(6)
ผู้ให้เช่าบอกเลิกการเช่าบ้านกับผู้เช่า ให้ผู้เช่าออกจากบ้านไปภายในกำหนด และยังบอกกล่าวไปชัดแจ้งว่าถ้าผู้ให้เช่าเข้าบ้านเช่านั้นตามกำหนดไม่ได้ ก็จะทำให้ผิดสัญญาไม่สามารถส่งมอบบ้านอีกหลังหนึ่ง ที่ทำสัญญาซื้อขายกันแล้วให้แก่ผู้ซื้อได้ตามกำหนดและจะถูกผู้ซื้อปรับเป็นรายวัน ดังนี้ ถือได้ว่าผู้เช่าได้ทราบความเสียหายเป็นพิเศษของผู้ให้เช่าแล้ว ถ้าผู้เช่าผิดสัญญาไม่ออกจากบ้านเช่าภายในกำหนด ทำให้ผู้ให้เช่าผิดสัญญากับผู้ซื้อและถูกผู้ซื้อปรับเอาตามสัญญาไปเท่าใด ผู้ให้เช่าย่อมมีสิทธิเรียกเอาจากผู้เช่าได้เท่าจำนวนที่เสียไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1435/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายจากการบอกเลิกสัญญาเช่าสวนก่อนกำหนด โดยคำนวณจากผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับหักค่าใช้จ่าย
สัญญาเช่าสวนมีกำหนด 3 ปี กำหนดค่าเช่ากันเป็นรายปี แต่ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้โดยบอกกล่าวล่วงหน้าหนึ่งเดือน ดังนี้การบอกกล่าวล่วงหน้าเพื่อเลิกสัญญาจึงหมายว่าต้องกระทำไม่น้อยกว่าหนึ่งเดือนก่อนสุดระยะเวลาหนึ่งปี
ในกรณีที่ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาโดยผู้เช่ายังไม่ได้เข้าทำสวนเลยเช่นนี้ถ้าผู้ให้เช่าไม่ยอมให้ผู้เช่าครอบครองสวนตามสัญญาซึ่งไม่มีสิทธิจะทำเช่นนั้นได้ก็ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้เช่าและผู้เช่าก็มีสิทธิได้รับชดใช้ ค่าเสียหายเพราะขาดประโยชน์ชั่วระยะเวลา 1 ปีแรกเท่านั้น
การคำนวณค่าเสียหายจากการที่ไม่ได้เข้าทำสวนส้มนั้นต้องคำนวณจากผลส้มที่ได้ หักค่าใช้จ่ายที่จะต้องลงทุน เช่น ค่าอุปกรณ์การทำสวนส้มและค่าแรง ซึ่งจะต้องใช้สิ้นเปลืองไปกับค่าเช่าเป็นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1435/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าสวน: สิทธิบอกเลิกสัญญาและการคำนวณค่าเสียหายจากการบอกเลิกสัญญาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สัญญาเช่าสวนมีกำหนด 3 ปี กำหนดค่าเช่ากันเป็นรายปี แต่ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ โดยบอกกล่าวล่วงหน้าหนึ่งเดือน ดังนี้ การบอกกล่าวล่วงหน้า เพื่อเลิกสัญญาจึงหมายว่า ต้องกระทำไม่น้อยกว่าหนึ่งเดือน ก่อนสุดระยะเวลาหนึ่งปี
ในกรณีเช่นนี้ ถ้าผู้ให้เช่าไม่ยอมให้ผู้เช่าครอบครองสวนตามสัญญา ซึ่งไม่มีสิทธิจะทำเช่นนั้นได้ ก็ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้เช่าและผู้เช่าก็มีสิทธิได้รับชดใช้ค่าเสียหายเพราะขาดประโยชน์ชั่วระยะเวลา 1 ปีแรก เท่านั้น
การคำนวณค่าเสียหายจากการที่ไม่ได้เข้าทำสวนส้มนั้นต้องคำนวณจากผลส้มที่ได้ หักค่าใช้จ่ายที่จะต้องลงทุน เช่น ค่าอุปกรณ์การทำสวนส้มและค่าแรง ซึ่งจะต้องใช้สิ้นเปลืองไปกับค่าเช่าเป็นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1284/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักเงินประกันความเสียหาย: ค่าเสียหายต้องหักเงินวางประกันก่อน
คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งวางเงินประกันในการผิดสัญญาไว้แล้วเกิดผิดสัญญาขึ้น ทำให้อีกฝ่ายหนึ่ง เสียหาย เมื่อฝ่ายนั้นจะริบเงินที่วางประกัน ก็ต้องหักเงินจำนวนที่ริบไว้จากค่าเสียหายที่จะให้ฝ่ายผิดสัญญาใช้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1284/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักเงินประกันผิดสัญญาจากค่าเสียหาย: ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาให้หักเงินประกัน 3,500 บาทออกจากค่าเสียหายที่โจทก์ต้องชดใช้
คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งวางเงินประกันในการผิดสัญญาไว้แล้วเกิดผิดสัญญาขึ้น ทำให้อีกฝ่ายหนึงเสียหายเมื่อฝ่ายนั้นจะริบเงินที่วางประกัน ก็ต้องหักเงินจำนวนที่ริบไว้จากค่าเสียหายที่จะให้ฝ่ายผิดสัญญาใช้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ในการควบคุมค่าเช่า และการเรียกค่าเสียหายจากการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการ
ผู้ให้เช่าเดิมตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯมาตรา 16(6)นั้นหมายความถึงผู้รับโอนกรรมสิทธิ์มาจากผู้ให้เช่าเดิมด้วย (อ้างฎีกาที่ 845/2490)
ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องแถวที่ให้เช่า ย่อมมีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการฯ เพื่อขอเข้าอยู่ในเคหะที่ให้เช่าได้
ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะผู้เช่าไม่ยอมออกจากเคหะที่เช่านั้น ผู้ให้เช่ามีสิทธิให้ชดใช้ได้ตั้งแต่วันครบกำหนดที่มติกรรมการให้ออกจนกว่าผู้เช่าจะออกไปโดยพิเคราะห์ถึงทำเลการค้าและผลกำไรของร้านใกล้เคียง แต่ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียหายก่อนได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการฯ นอกจากค่าเช่าที่ค้างเท่านั้น แต่ถ้าผู้ให้เช่าไม่ฟ้องเรียกค่าเช่า ศาลจะบังคับให้ใช้ค่าเสียหายแทนค่าเช่าไม่ได้
of 39