คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 53 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1601/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่ศาลแขวงพิพากษา ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมิชอบ โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกา
โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาโกงเจ้าหนี้ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การโอนขายที่ดินยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยทุจริตที่จะไม่ให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ พิพากษายกฟ้อง คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 22 ประกอบกับ พระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัดพ.ศ.2520 มาตรา 3 โจทก์อุทธรณ์ว่า จากพยานหลักฐานโจทก์ข้อเท็จจริงรับฟังได้แล้วว่าจำเลยโอนขายที่ดินไปโดยเจตนาทุจริตเพื่อมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินดังกล่าว จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้ตามอุทธรณ์ของโจทก์ จึงเป็นการมิชอบต้องถือว่าข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นว่าจำเลยมิได้กระทำผิดตามฟ้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3642/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาข้อเท็จจริงในคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นไม่อำนาจอนุญาตฎีกา
คดีที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499มาตรา22 ประกอบด้วย พระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.2520 เมื่อในชั้นอุทธรณ์ไม่มีการอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง และศาลอุทธรณ์ก็ไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริง การที่ศาลชั้นต้นเพิ่งจะอนุญาตให้ฎีกาข้อเท็จจริงในชั้นฎีกานั้น ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เพราะไม่มีบทกฎหมายใดให้อำนาจเช่นนั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1840/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผัดฟ้องและอำนาจฟ้อง: การอนุมัติจากอธิบดีกรมอัยการทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องได้ แม้จะพ้นกำหนดผัดฟ้อง
โจทก์ได้รับอนุญาตจากศาลให้ผัดฟ้องจำเลยได้ เมื่อไม่ฟ้องในระยะเวลาที่ขอผัดฟ้อง แต่ต่อมาได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการให้ฟ้องได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2588/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับซื้อหรือช่วยพาถ่านไม้ผิดกฎหมาย โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าผู้ได้มาเก็บหาในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต
บันทึกคำฟ้องประกอบบันทึกหลักฐานการฟ้องคดีด้วยวาจาโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงว่าจำเลยรับเอาถ่านไม้ของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของป่าที่มีผู้ได้มาโดยไม่รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่และไม่ได้เสียค่าภาคหลวง และจำเลยช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งถ่านไม้ดังกล่าว โดยมิได้ระบุว่าผู้ที่ได้ของกลางเป็นผู้เก็บหาของป่าหวงห้าม หรือเป็นผู้ทำอันตรายด้วยประการใด ๆ แก่ของป่าหวงห้ามในป่า อันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 29 วรรคแรก ฟ้องโจทก์ไม่ครบองค์ความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 29, 70 ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1437/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์: ฟ้องไม่เคลือบคลุม ศาลฎีกาตัดสินกลับ จำเลยมีความผิด
บันทึกหลักฐานการฟ้องคดีด้วยวาจาของโจทก์มีใจความว่าเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2524 เวลากลางวัน ผู้เสียหายได้นำรถจักรยานสองล้อ 1 คัน ของผู้เสียหายฝากจำเลยไว้และจำเลยครอบครองรถของผู้เสียหายตลอดมา ตามวันเวลาดังกล่าวหลังจากจำเลยรับฝากและครอบครองรถไว้แล้วจำเลยได้เบียดบังเอารถของผู้เสียหายมาเป็นของจำเลยโดยทุจริตดังนี้ ครบถ้วนตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 19 และครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา352 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยพยานหลักฐานแล้ว ถือเป็นการอุทธรณ์ที่ต้องห้าม
ในข้อหายักยอกโจทก์อุทธรณ์ว่าตามพยานหลักฐานของโจทก์ต้องถือว่าจำเลยได้เบียดบังเอาทรัพย์ไปโดยทุจริต และในข้อหาฉ้อโกงโจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์นำสืบพฤติการณ์โดยชัดเจนว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตดังนี้เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์
โจทก์อุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์กล่าวถึงว่าจำเลยยักยอกเงินที่ขายเครื่องหยุดและตัดด้ายอัตโนมัติด้วย เป็นข้ออ้างที่ขัดแย้งกับคำฟ้องของโจทก์โดยชัดแจ้ง ถึงหากจะเป็นข้อกฎหมาย ก็เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีอาญา: คำสั่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นยกฟ้องคดีฉ้อโกง ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงโจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ตามศาลชั้นต้น คำสั่งนี้เป็นที่สุด โจทก์ฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อุทธรณ์ข้อเท็จจริงในศาลแขวงและข้อจำกัดการฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คดียักยอกทรัพย์ที่ฟ้องต่อศาลแขวงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352,353 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ร่วมอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง โจทก์ร่วมอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่รับอุทธรณ์ตามศาลชั้นต้น คำสั่งนี้เป็นที่สุดโจทก์ร่วมฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 345/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟังข้อเท็จจริงเรื่องเจตนาทางอาญา และการยักยอกทรัพย์ที่ต้องพิจารณาจากการครอบครองทรัพย์
คดีที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯ เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยขายรถจักรยานยนต์ให้ผู้เสียหายไปแล้วผู้เสียหายยังชำระค่ารถให้จำเลยไม่ครบจำเลยจึงไปเอารถคืนมาโดยใช้อุบายหลอกลวงว่ายืมรถไปเอาทะเบียนรถมาให้ผู้เสียหาย เช่นนี้ ถือได้ว่า ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีเจตนาทางอาญาอยู่ในตัวแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาเป็นเรื่องผิดสัญญายืมในทางแพ่ง และจำเลยไม่มีเจตนาในทางอาญา จึงเป็นการวินิจฉัยที่ฝ่าฝืนข้อเท็จจริง
การที่จำเลยใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายว่าขอยืมรถไปเพื่อเอาทะเบียนรถมาให้ผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อคำหลอกลวงดังกล่าวของจำเลยจึงให้จำเลยยืมรถไปเช่นนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยครอบครองรถของผู้เสียหาย ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 จำเลยไม่มีความผิดฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2157/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย: การสั่งจับด้วยวาจาโดยมิได้ออกหมายจับ และการปล่อยตัวผู้ต้องหาโดยไม่แจ้งข้อหา
พนักงานสอบสวนสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยด้วยวาจาโดยไม่ได้ออกหมายจับ และเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปจับจำเลยนั้นไม่ได้เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งจะจับจำเลยได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีหมายจับเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้แล้วได้ส่งมอบตัวจำเลยต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งข้อหาแก่จำเลย และไม่ได้ควบคุมตัวจำเลยไว้หรือให้ประกันตัวไป เพียงแต่นัดให้จำเลยมาสถานีตำรวจในวันรุ่งขึ้นเท่านั้นพฤติการณ์เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยได้ถูกจับตามกฎหมาย
of 6