พบผลลัพธ์ทั้งหมด 516 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งภาระจำยอมโดยการใช้ต่อเนื่องและการใช้แทนเจ้าของที่ดิน
โจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินมาจากนายฟุ้งเจ้าของเดิมตั้งแต่ปี 2515 เพิ่งจะมาปลูกบ้านในที่ดินและใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินออกสู่ถนนสาธารณะตั้งแต่ปี 2519 ซึ่งเมื่อนับเวลาที่โจทก์ใช้ทางพิพาทด้วยตนเองจนกระทั่งจำเลยปิดกั้นทางพิพาทเมื่อปี 2528 จะยังไม่ถึง 10 ปีก็ตามแต่นายฟุ้งและครอบครัวได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินออกสู่ถนนสาธารณะมาตั้งแต่ปี 2515 ตลอดมาการใช้ทางพิพาทของนายฟุ้งและครอบครัวก่อนที่โจทก์จะเข้ามาปลูกบ้านจึงเป็นการใช้แทนโจทก์เมื่อรวมระยะเวลาตั้งแต่นายฟุ้งและครอบครัวใช้ทางพิพาทแทนโจทก์ในปี 2515 ตลอดมา จนกระทั่งโจทก์ใช้ทางพิพาทด้วยตนเองในปี 2519 ต่อ ๆ มา จนจำเลยปิดกั้นทางพิพาทก็เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ทางพิพาทจึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งภาระจำยอมโดยการใช้ทางต่อเนื่องและการใช้แทนเจ้าของที่ดิน
โจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินมาจากนายฟุ้งเจ้าของเดิมตั้งแต่ปี 2515 เพิ่งจะมาปลูกบ้านในที่ดินและใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินออกสู่ถนนสาธารณะตั้งแต่ปี 2519 ซึ่งเมื่อนับเวลาที่โจทก์ใช้ทางพิพาทด้วยตนเองจนกระทั่งจำเลยปิดกั้นทางพิพาทเมื่อปี 2528 จะยังไม่ถึง 10 ปีก็ตามแต่นายฟุ้งและครอบครัวได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินออกสู่ถนนสาธารณะมาตั้งแต่ปี 2515 ตลอดมาการใช้ทางพิพาทของนายฟุ้งและครอบครัวก่อนที่โจทก์จะเข้ามาปลูกบ้านจึงเป็นการใช้แทนโจทก์เมื่อรวมระยะเวลาตั้งแต่นายฟุ้งและครอบครัวใช้ทางพิพาทแทนโจทก์ในปี 2515 ตลอดมา จนกระทั่งโจทก์ใช้ทางพิพาทด้วยตนเองในปี 2519 ต่อ ๆ มา จนจำเลยปิดกั้นทางพิพาทก็เป็นเวลาเกินกว่า10 ปีแล้ว ทางพิพาทจึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมไม่จำเป็นต้องติดกัน แม้มีคลองคั่นก็อาจเป็นภารจำยอมได้หากมีการใช้สิทธิเกิน 10 ปี
สามยทรัพย์และภารยทรัพย์ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกันแม้ทางพิพากษาจะมีคลองสาธารณะคันอยู่ก็อาจเป็นภารจำยอมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมไม่จำกัดการติดกันของที่ดิน แม้มีคลองคั่นก็อาจเป็นภารจำยอมได้
ทางภารจำยอมนั้นสามยทรัพย์และภารยทรัพย์ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน ดังนี้ แม้จะมีคลองสาธารณะคั่นอยู่ก็อาจเป็นทางภารจำยอมได้ โจทก์ที่ 1 ไม่ได้ฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นแก่ที่ดินของโจทก์ที่ 1 ดังนั้น การที่จำเลยฎีกาว่าทางพิพาทไม่เป็นทางจำเป็นแก่ที่ดินของโจทก์ที่ 1 จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอเปิดทางจำเป็นเมื่อที่ดินไม่มีทางออกสู่สาธารณะ และผลกระทบต่อทางภาระจำยอม
ที่ดินโจทก์จำเลยเดิมเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน เมื่อแบ่งแยกแล้วที่ดินโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เปิดทางจำเป็นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1350 โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทน และเมื่อฟังว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นแล้ว ก็ไม่เป็นทางภาระจำยอมอีก ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้คู่ความจะไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นเมื่อที่ดินถูกแบ่งแยกและไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน
ที่ดินโจทก์จำเลยเดิมเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน เมื่อแบ่งแยกแล้วที่ดินโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เปิดทางจำเป็นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทน และเมื่อฟังว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นแล้วก็ไม่เป็นทางภาระจำยอมอีก ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมติดไปกับที่ดินแม้มีการโอนสิทธิ การก่อสร้างกีดขวางทางภาระจำยอมเป็นเหตุให้เจ้าของที่ดินมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
คำให้การเพิ่มเติมของจำเลยระบุว่า หากศาลสั่งอนุญาตให้รับฟ้องเพิ่มเติมของโจทก์ จำเลยขอถือเอาคำให้การส่วนนี้เป็นการโต้แย้งคำสั่งของศาลนั้น เป็นเพียงการแสดงความประสงค์ของจำเลยไว้ล่วงหน้าก่อนศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งถือไม่ได้ว่าเป็นการโต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องจึงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) เมื่อศาลเห็นว่าพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยสืบมาพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้ว ศาลมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจสั่งงดสืบพยานจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสอง โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานในระหว่างที่มีการไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โดยโจทก์มิได้ระบุว่าเป็นการระบุพยานเฉพาะในชั้นไต่สวนเท่านั้นแสดงว่าโจทก์มุ่งประสงค์ให้เป็นบัญชีพยานของโจทก์ตลอดไปทั้งคดี จึงถือได้ว่าบัญชีระบุพยานของโจทก์ดังกล่าวเป็นบัญชีระบุพยานในชั้นพิจารณาคดีซึ่งยื่นต่อศาลโดยชอบแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคแรก ป. ได้จดทะเบียนให้ที่ดินแปลงพิพาทซึ่งเป็นถนนคอนกรีตกว้าง 6 เมตร ตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินโจทก์ทั้งสองทั้งแปลงต่อมา ป. ได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยภาระจำยอมย่อมตกติดไปกับที่ดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมติดไปกับที่ดินแม้ยังมิได้จดทะเบียน สิทธิและหน้าที่โอนสู่ผู้รับโอนสามยทรัพย์
จำเลยทำสัญญายอมให้ พ. เจ้าของที่ดินคนเดิมใช้ทางเดินผ่านที่ดินจำเลยเพื่อเข้าออกสู่ทางสาธารณะ สัญญาดังกล่าวจึงเป็นการก่อให้เกิดภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินอันเป็นสามยทรัพย์ภาระจำยอมย่อมติดไปกับสามยทรัพย์ซึ่งได้โอนมาเป็นของโจทก์แม้จะยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นทางภาระจำยอม เป็นเพียงบุคคลสิทธิก็ตาม โจทก์ผู้รับโอนสามยทรัพย์ย่อมรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่จึงมีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยจดทะเบียนภาระจำยอมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3717/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดในการเปลี่ยนแปลงฐานแห่งข้อฟ้องในชั้นฎีกา: สิทธิภารจำยอมโดยอายุความ
โจทก์บรรยายฟ้องโดยมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเพียงว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์ใช้ที่ดินเป็นทางภารจำยอมไปสู่ทางสาธารณะแล้วต่อมาจำเลยปิดกั้นทางเดิน ขอให้บังคับจำเลยเปิดทางและจดทะเบียนเป็นภารจำยอมเท่านั้น ฉะนั้น การที่โจทก์ฎีกาว่าได้สิทธิภารจำยอมมาโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 จึงเป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3707/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องภาระจำยอมหลังคดีเช่าถึงที่สุด ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เหตุต่างกันในมูลฐาน
เดิมโจทก์และนาง ล. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดิน ต่อมาได้แบ่งแยกเป็นสองโฉนด มีอาคารและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ล้ำเข้าไปในที่ดินของนาง ล. ต่อมานาง ล.ขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้นาย ฮ. นาย ฮ.ได้ฟ้องขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินที่รุกล้ำ โจทก์ยอมรับว่าที่ดินเป็นของนาย ฮ. ตกลงเช่าที่ดินพิพาทเป็นเวลา 5 ปี แต่ไม่จดทะเบียนการเช่า เมื่อนาย ฮ.ตายที่ดินพิพาทตกเป็นของจำเลยโดยทางมรดก จำเลยฟ้องขับไล่โจทก์อ้างว่าสัญญาเช่าไม่จดทะเบียนมีผลเพียง 3 ปี ในคดีดังกล่าวโจทก์อุทธรณ์ฎีกาคัดค้านเฉพาะประเด็นที่ว่าสัญญาเช่าบังคับกันได้ 3 ปีหรือ 5 ปี คดีถึงที่สุดแล้วโดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่าสัญญาเช่าบังคับได้ 3 ปี พ้นกำหนดแล้ว ให้โจทก์ออกจากที่ดินพิพาทโจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อ้างว่าได้ปลูกสร้างอาคารโดยสุจริต และได้ครอบครองโดยสงบเปิดเผยตลอดมา ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนภาระจำยอม ข้ออ้างซึ่งอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและคำขอบังคับของโจทก์คดีนี้มุ่งไปที่เรื่องปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตและได้ภาระจำยอมโดยโจทก์เป็นเจ้าของโรงเรือนและมีสิทธิอยู่ในที่ดินพิพาทจึงเป็นคนละเหตุกับคดีก่อนซึ่งเป็นเรื่องเช่าทรัพย์ และกรณีนี้มิใช่เรื่องที่เนื่องมาจากมูลฐานเดียวกันหรือติดต่อกันจากเรื่องเช่าทรัพย์ซึ่งโจทก์ต้องยกขึ้นอ้างหรือต่อสู้เสียในคดีก่อน การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้จึงมิใช่เป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ