คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1387

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 516 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินและสร้างสิ่งปลูกสร้างโดยสุจริต การได้มาซึ่งภารจำยอมตามอำนาจปรปักษ์
ที่ดินและอาคารของโจทก์และของจำเลยร่วมอยู่ติดกันโดยต่างรับซื้อมาจากบุคคลอื่นกันสาดของอาคารที่จำเลยร่วมซื้อได้รุกล้ำที่ดินที่โจทก์ซื้ออยู่ก่อนแล้ว ต่อมาจำเลยร่วมได้สร้างห้องน้ำบนกันสาดนั้น อันเป็นการใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์เฉพาะที่กันสาดรุกล้ำเข้าไปนั้นสืบต่อจากเจ้าของเดิม โดยจำเลยร่วมมิได้ขออนุญาตต่อผู้ใด ถือได้ว่าจำเลยร่วมได้สร้างห้องน้ำขึ้นโดยสุจริตย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 และข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าจำเลยร่วมใช้สิทธิโดยอำนาจปรปักษ์เกินกว่า 10 ปีแล้ว กันสาดและห้องน้ำเหนือที่ดินของโจทก์ย่อมตกอยู่ในภารจำยอม โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอให้จำเลยรื้อห้องน้ำบนกันสาดนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินและสร้างสิ่งปลูกสร้างโดยสุจริต ครอบครองปรปักษ์เกิน 10 ปี ทำให้เกิดภารจำยอม
ที่ดินและอาคารของโจทก์และของจำเลยร่วมอยู่ติดกันโดยต่างรับซื้อมาจากบุคคลอื่นกันสาดของอาคารที่จำเลยร่วมซื้อได้รุกล้ำที่ดินที่โจทก์ซื้ออยู่ก่อนแล้ว ต่อมาจำเลยร่วมได้สร้างห้องน้ำบนกันสาดนั้น อันเป็นการใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์เฉพาะที่กันสาดรุกล้ำเข้าไปนั้นสืบต่อจากเจ้าของเดิมโดยจำเลยร่วมมิได้ขออนุญาตต่อผู้ใด ถือได้ว่าจำเลยร่วมได้สร้างห้องน้ำขึ้นโดยสุจริตย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 และข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าจำเลยร่วมใช้สิทธิโดยอำนาจปรปักษ์เกินกว่า 10 ปีแล้วกันสาดและห้องน้ำเหนือที่ดินของโจทก์ย่อมตกอยู่ในภารจำยอมโจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอให้จำเลยรื้อห้องน้ำบนกันสาดนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3341/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ทางภารจำยอมโดยไม่แจ้งเจ้าของที่ดิน และระยะเวลาการครอบครองไม่ถึง 10 ปี ไม่เกิดภารจำยอม
ทางที่จำเลยปิดกั้นเป็นทางคันลำกระโดงสวนในที่ดินของจำเลยซึ่งโจทก์เจ้าของที่ดินอีกแปลงหนึ่งได้ใช้เดินเข้าออกสู่ทางสาธารณะ เป็นเวลาติดต่อกันมาไม่น้อยกว่า 30 ปีก็ตามแต่เมื่อโจทก์เบิกความว่า โจทก์เดินมาโดยถือวิสาสะกันโดยไม่ต้องบอกกล่าวเจ้าของที่ดิน และพยานโจทก์ปากอื่นก็เบิกความว่า ที่โจทก์เดินผ่านก็โดยอาศัยความคุ้นเคยกัน ดังนี้โจทก์จะเถียงว่าเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์หาได้ไม่ เมื่อจำเลยซื้อที่ดินนั้นมาแล้ว และจำเลยได้ทำทางขึ้นใหม่แม้จะฟังว่าโจทก์ได้ใช้ทางที่จำเลยทำขึ้นใหม่นี้โดยปรปักษ์ แต่นับถึงวันฟ้องยังไม่ถึง 10 ปี ทางพิพาทจึงไม่ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3341/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ทางภารจำยอมต้องมีลักษณะเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์อย่างเปิดเผยต่อเนื่อง และมีระยะเวลาตามกฎหมาย
ทางที่จำเลยปิดกั้นเป็นทางคันลำกระโดงสวนในที่ดินของจำเลย ซึ่งโจทก์เจ้าของที่ดินอีกแปลงหนึ่งได้ใช้เดินเข้าออกสู่ทางสาธารณะ เป็นเวลาติดต่อกันมาไม่น้อยกว่า 30 ปีก็ตามแต่เมื่อโจทก์เบิกความว่า โจทก์เดินมาโดยถือวิสาสะกันโดยไม่ต้องบอกกล่าวเจ้าของที่ดิน และพยานโจทก์ปากอื่นก็เบิกความว่า ที่โจทก์เดินผ่านก็โดยอาศัยความคุ้นเคยกันดังนี้ โจทก์จะเถียงว่าเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์หาได้ไม่ เมื่อจำเลยซื้อที่ดินนั้นมาแล้ว และจำเลยได้ทำทางขึ้นใหม่แม้จะฟังว่าโจทก์ได้ใช้ทางที่จำเลยทำขึ้นใหม่นี้โดยปรปักษ์ แต่นับถึงวันฟ้องยังไม่ถึง 10 ปี ทางพิพาทจึงไม่ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1996/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมมีขอบเขตใช้เฉพาะช่วงเวลาทำนาเท่านั้น ไม่ครอบคลุมตลอดทั้งปี
เมื่อเจ้าของที่ดินอันเป็นสามยทรัพย์ได้ใช้ทางภารจำยอมโดยใช้กระบือและล้อเกวียนผ่านไปทำนาของตนเพียงชั่วระยะเวลาไถหว่านปักดำ ปลูกข้าวแล้วไม่ได้ใช้ผ่านอีกจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวจึงใช้ผ่านไปเก็บเกี่ยวแล้วใช้เกวียนบ้าง ล้อบ้างขนข้าวจากนากลับมาเก็บไว้ที่บ้าน ดังนี้ ทางอันอยู่ในที่ดินที่เป็นภารยทรัพย์ย่อมตกอยู่ในภารจำยอมเพียงชั่วระยะเวลาแห่งการทำนาตอนหนึ่งและในระยะเวลาตอนเก็บเกี่ยวและขนข้าวอีกตอนหนึ่งเท่านั้นหาใช่ตกเป็นภารจำยอมตลอดทั้งปีไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1996/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมมีกำหนดเวลา: การใช้ทางเพื่อทำนาเฉพาะฤดู ไม่ถือเป็นภารจำยอมตลอดปี
เมื่อเจ้าของที่ดินอันเป็นสามยทรัพย์ได้ใช้ทางภารจำยอมโดยใช้กระบือและล้อเกวียนผ่านไปทำนาของตนเพียงชั่วระยะเวลาไถหว่านปักดำ ปลูกข้าวแล้วไม่ได้ใช้ผ่านอีกจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวจึงใช้ผ่านไปเก็บเกี่ยวแล้วใช้เกวียนบ้าง ล้อบ้างขนข้าวจากนากลับมาเก็บไว้ที่บ้าน ดังนี้ ทางอันอยู่ในที่ดินที่เป็นภารยทรัพย์ย่อมตกอยู่ในภารจำยอมเพียงชั่วระยะเวลาแห่งการทำนาตอนหนึ่งและในระยะเวลาตอนเก็บเกี่ยวและขนข้าวอีกตอนหนึ่งเท่านั้นหาใช่ตกเป็นภารจำยอมตลอดทั้งปีไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมอาจเกิดจากการใช้ทางโดยถือสิทธิ อายุความ และการย้ายทางที่กฎหมายอนุญาต
ภารจำยอมนั้นอาจเกิดจากการยินยอมให้ใช้ทางในเบื้องต้นก่อนครั้นเมื่อได้เริ่มใช้ทางตามที่ตกลงกันนั้นแล้ว หากผู้ใช้ใช้โดยอาการที่ถือสิทธิเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ตลอดมา ผู้ใช้ทางอาจได้ภารจำยอมมาโดยอายุความได้
บิดาโจทก์ได้ใช้ทางเดินบนที่ดินของจำเลยโดยอาการที่ถือว่าตนมีสิทธิจะใช้ และได้ย้ายทางเดินดังกล่าวจากส่วนหนึ่งไปยังส่วนอื่นถึงสองครั้ง เนื่องจากจำเลยปลูกบ้านทับทางเดิม การย้ายทางของบิดาโจทก์จึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยเองตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1392 เมื่อคดีปรากฏว่าบิดาโจทก์เข้าใช้สิทธิผ่านที่ดินของจำเลยติดต่อกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2492 ถึง พ.ศ.2504 จึงได้เปลี่ยนไปใช้ทางพิพาทตลอดมาจนบิดาโจทก์ตายเมื่อ พ.ศ.2509 แล้ว โจทก์ก็ได้ใช้ทางพิพาทตลอดมารวมเป็นเวลากว่า 20 ปี ที่ดินของจำเลยย่อมตกอยู่ในภารจำยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมเกิดจากการใช้ทางโดยอาการเจ้าของกรรมสิทธิ์ต่อเนื่องกัน อาจได้มาโดยอายุความ แม้มีการย้ายทาง
ภารจำยอมนั้นอาจเกิดจากการยินยอมให้ใช้ทางในเบื้องต้นก่อน ครั้นเมื่อได้เริ่มใช้ทางตามที่ตกลงกันนั้นแล้ว หากผู้ใช้ใช้โดยอาการที่ถือสิทธิเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ตลอดมา ผู้ใช้ทางอาจได้ภารจำยอมมาโดยอายุความได้
บิดาโจทก์ได้ใช้ทางเดินบนที่ดินของจำเลยโดยอาการที่ถือว่าตนมีสิทธิจะใช้ และได้ย้ายทางเดินดังกล่าวจากส่วนหนึ่งไปยังส่วนอื่นถึงสองครั้ง เนื่องจากจำเลยปลูกบ้านทับทางเดิม การย้ายทางของบิดาโจทก์จึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยเองตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1392 เมื่อคดีปรากฏว่าบิดาโจทก์เข้าใช้สิทธิผ่านที่ดินของจำเลยติดต่อกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2492 ถึง พ.ศ.2504 จึงได้เปลี่ยนไปใช้ทางพิพาทตลอดมาจนบิดาโจทก์ตายเมื่อ พ.ศ.2509 แล้ว โจทก์ก็ได้ใช้ทางพิพาทตลอดมารวมเป็นเวลากว่า 20 ปี ที่ดินของจำเลยย่อมตกอยู่ในภารจำยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมโดยอายุความ: การใช้ต่อเนื่องกว่า 30 ปีสร้างสิทธิ แม้มีทางอื่น
ที่พิพาทเป็นเหมืองหรือร่องน้ำซึ่งโจทก์ชักน้ำเข้าไปใช้ในที่นาโจทก์มากว่า 30 ปีแล้ว โจทก์จึงได้ภารจำยอมโดยอายุความ ซึ่งจำเลยจะปิดหรือกลบเหมืองเสียหาได้ไม่
แม้โจทก์จะมีทางได้น้ำทางอื่นบางเวลา ถ้าโจทก์ยังไม่เลิกใช้ภารจำยอมเสียเป็นเวลาสิบปีแล้ว ภารจำยอมก็หาสิ้นไปไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องทางสาธารณะ/ภารจำยอมไม่เคลือบคลุม การนำสืบพยานบุคคลประกอบข้อเท็จจริงได้ แม้เอกสารไม่ตรง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ แต่ตอนท้ายคำฟ้องบรรยายว่า หรือไม่เช่นนั้นทางพิพาทตกเป็นภารจำยอมโดยอายุความแล้วนั้น ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
การนำสืบเขตติดต่อที่ดินที่มีโฉนด ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงย่อมนำสืบพยานบุคคลได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์ด้านหนึ่งติดที่ดินโฉนดของจำเลย ครั้นนำสืบกลับนำสืบว่าที่ดินของโจทก์ติดทางสาธารณะซึ่งเป็นการนำสืบในประเด็นข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยว่าที่ดินของจำเลยซึ่งติดกับที่ดินโจทก์ตามฟ้องตกเป็นทางสาธารณะหรือตกอยู่ในภารจำยอมไปแล้ว หาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94(ข) ไม่
โจทก์ฟ้องหรือนำพยานเข้าสืบโดยพยานจะเรียกทางพิพาทว่าเป็นทางสาธารณะหรือทางภารจำยอมนั้น หาทำให้ทางพิพาทเป็นทางสาธารณะหรือภารจำยอมตามที่เรียกขานไม่ หากฟังได้ว่าเป็นทางภารจำยอม ศาลย่อมจะพิพากษาได้ว่าทางพิพาทเป็นทางตกอยู่ในภารจำยอม
of 52