พบผลลัพธ์ทั้งหมด 516 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความ: การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำนาไม่ทำให้ภารจำยอมเสื่อม หากไม่กระทบการใช้ทาง
โจทก์ได้ภารจำยอมโดยอายุความในการนำกระบือผ่านที่ดินนาของจำเลยชั่วระยะเวลาก่อนจำเลยทำนาเสร็จเมื่อการทำนาของจำเลยตามที่เป็นมาจนเกิดภารจำยอมเป็นการทำนาดำ จำเลยจะเปลี่ยนเป็นทำนาหว่านซึ่งลงมือก่อนทำนาดำเป็นเหตุให้โจทก์ใช้ทางนำกระบือผ่านไม่ได้ อันเป็นการเสื่อมประโยชน์แก่ภารจำยอมหาได้ไม่
แม้จำเลยจะทำนาหว่านได้ผลดีกว่านาดำ ก็ไม่เป็นเหตุที่อ้างให้เสื่อมประโยชน์แห่งภารจำยอมของโจทก์
แม้จำเลยจะทำนาหว่านได้ผลดีกว่านาดำ ก็ไม่เป็นเหตุที่อ้างให้เสื่อมประโยชน์แห่งภารจำยอมของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความกับการเปลี่ยนแปลงสภาพที่ดิน: การทำนาหว่านไม่ทำให้ภารจำยอมเสื่อม
โจทก์ได้ภารจำยอมโดยอายุความในการนำกระบือผ่านที่ดินนาของจำเลยชั่วระยะเวลาก่อนจำเลยทำนาเสร็จ เมื่อการทำนาของจำเลยตามที่เป็นมาจนเกิดภารจำยอมเป็นการทำนาดำ จำเลยจะเปลี่ยนเป็นทำนาหว่าน ซึ่งลงมือก่อนทำนาดำ เป็นเหตุให้โจทก์ใช้ทางนำกระบือผ่านไม่ได้ อันเป็นการเสื่อมประโยชน์แก่ภารจำยอมหาได้ไม่
แม้จำเลยจะทำนาหว่านได้ผลดีกว่านาดำ ก็ไม่เป็นเหตุที่อ้างให้เสื่อมประโยชน์แห่งภารจำยอมของโจทก์
แม้จำเลยจะทำนาหว่านได้ผลดีกว่านาดำ ก็ไม่เป็นเหตุที่อ้างให้เสื่อมประโยชน์แห่งภารจำยอมของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความกับการเปลี่ยนแปลงสภาพที่ดิน: การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำนาไม่ทำให้ภารจำยอมเสื่อม
โจทก์ได้ภารจำยอมโดยอายุความในการนำกระบือผ่านที่ดินนาของจำเลยชั่วระยะเวลาก่อนจำเลยทำนาเสร็จ. เมื่อการทำนาของจำเลยตามที่เป็นมาจนเกิดภารจำยอมเป็นการทำนาดำ. จำเลยจะเปลี่ยนเป็นทำนาหว่าน. ซึ่งลงมือก่อนทำนาดำ. เป็นเหตุให้โจทก์ใช้ทางนำกระบือผ่านไม่ได้. อันเป็นการเสื่อมประโยชน์แก่ภารจำยอมหาได้ไม่.
แม้จำเลยจะทำนาหว่านได้ผลดีกว่านาดำ. ก็ไม่เป็นเหตุที่อ้างให้เสื่อมประโยชน์แห่งภารจำยอมของโจทก์.
แม้จำเลยจะทำนาหว่านได้ผลดีกว่านาดำ. ก็ไม่เป็นเหตุที่อ้างให้เสื่อมประโยชน์แห่งภารจำยอมของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 898/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิภารจำยอมเกิดจากการใช้สิทธิเดิมโดยอายุความ แม้สามยทรัพย์และภารยทรัพย์ไม่ติดกันก็เป็นได้
เมื่อคดีฟังได้ว่าทางพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมซึ่งโจทก์ได้มาโดยอายุความ จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินแปลงที่ทางพิพาทตั้งอยู่ก็ไม่มีอำนาจจะปิดทางพิพาท ส่วนจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินมาจากผู้อื่น ก็ไม่มีสิทธิล้อมรั้วกินทางพิพาทนั้นเข้าไปได้ เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์อยู่ในตัว โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องให้จำเลยเปิดทางได้
สามยทรัพย์และภารยทรัพย์ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน ถ้าการที่ต้องจำยอมนั้นมีลักษณะเป็นภาระแก่อสังหาริมทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น จะเป็นแปลงหนึ่งหรือหลายแปลงก็ดี จะมีอสังหาริมทรัพย์อื่นคั่นอยู่ระหว่างหรือจะต้องข้ามทางสาธารณะไปก็ดี ก็อาจเป็นภารจำยอมได้
สามยทรัพย์และภารยทรัพย์ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน ถ้าการที่ต้องจำยอมนั้นมีลักษณะเป็นภาระแก่อสังหาริมทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น จะเป็นแปลงหนึ่งหรือหลายแปลงก็ดี จะมีอสังหาริมทรัพย์อื่นคั่นอยู่ระหว่างหรือจะต้องข้ามทางสาธารณะไปก็ดี ก็อาจเป็นภารจำยอมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 898/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความ: สิทธิใช้ทาง แม้ไม่ติดที่ดิน, ผู้เช่าก็ละเมิดได้
เมื่อคดีฟังได้ว่าทางพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมซึ่งโจทก์ได้มาโดยอายุความจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินแปลงที่ทางพิพาทตั้งอยู่ก็ไม่มีอำนาจจะปิดทางพิพาท ส่วนจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินมาจากผู้อื่น ก็ไม่มีสิทธิล้อมรั้วกินทางพิพาทนั้นเข้าไปได้ เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์อยู่ในตัว โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องให้จำเลยเปิดทางได้
สามยทรัพย์และภารยทรัพย์ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน ถ้าการที่ต้องจำยอมนั้นมีลักษณะเป็นภาระแก่อสังหาริมทรัพย์ เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น จะเป็นแปลงหนึ่งหรือหลายแปลงก็ดี จะมีอสังหาริมทรัพย์อื่นคั่นอยู่ระหว่างหรือจะต้องข้ามทางสาธารณะไปก็ดี ก็อาจเป็นภารจำยอมได้
สามยทรัพย์และภารยทรัพย์ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน ถ้าการที่ต้องจำยอมนั้นมีลักษณะเป็นภาระแก่อสังหาริมทรัพย์ เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น จะเป็นแปลงหนึ่งหรือหลายแปลงก็ดี จะมีอสังหาริมทรัพย์อื่นคั่นอยู่ระหว่างหรือจะต้องข้ามทางสาธารณะไปก็ดี ก็อาจเป็นภารจำยอมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมไม่สิ้นสุดแม้มีทางออกอื่น การฟ้องภารจำยอมสำหรับที่ดินของตนเองไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
พฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ที่ดินแปลงหนึ่ง ๆ นั้นแม้จะมีทางออกทางอื่นได้แล้ว ก็อาจก่อให้เกิดทางภารจำยอมทางอื่นอีกได้ และที่ดินที่มีทางออกเป็นทางภารจำยอมอยู่แล้ว แม้มีทางออกทางอื่นอีกก็ไม่ทำให้ทางภารจำยอมที่มีอยู่แล้วสิ้นไป
การพิจารณาว่ามีทางภารจำยอมในที่ดินแปลงใดหรือไม่ ก็แล้วแต่พยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบ ไม่มีกฎหมายใดให้ถือว่า ถ้าไม่มีปรากฏในหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน หรือ ส.ค. 1 หรือ น.ส. 3 แล้วรับฟังไม่ได้
ที่ดินแปลงหนึ่ง ๆ นั้นแม้จะมีทางออกทางอื่นได้แล้ว ก็อาจก่อให้เกิดทางภารจำยอมทางอื่นอีกได้ และที่ดินที่มีทางออกเป็นทางภารจำยอมอยู่แล้ว แม้มีทางออกทางอื่นอีกก็ไม่ทำให้ทางภารจำยอมที่มีอยู่แล้วสิ้นไป
การพิจารณาว่ามีทางภารจำยอมในที่ดินแปลงใดหรือไม่ ก็แล้วแต่พยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบ ไม่มีกฎหมายใดให้ถือว่า ถ้าไม่มีปรากฏในหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน หรือ ส.ค. 1 หรือ น.ส. 3 แล้วรับฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางภารจำยอม การใช้สิทธิ และการฟ้องซ้ำ: แม้มีทางออกอื่น ก็อาจมีภารจำยอมได้ การฟ้องคดีภารจำยอมของที่ดินตนเองไม่ใช่การฟ้องซ้ำ
พฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ที่ดินแปลงหนึ่ง ๆ นั้นแม้จะมีทางออกทางอื่นได้แล้วก็อาจก่อให้เกิดทางภารจำยอมทางอื่นอีกได้ และที่ดินที่มีทางออกเป็นทางภารจำยอมอยู่แล้ว แม้มีทางออกทางอื่นอีกก็ไม่ทำให้ทางภารจำยอมที่มีอยู่แล้วสิ้นไป
การพิจารณาว่ามีทางภารจำยอมในที่ดินแปลงใดหรือไม่ก็แล้วแต่พยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบ ไม่มีกฎหมายใดให้ถือว่า ถ้าไม่มีปรากฏในหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน หรือส.ค.1 หรือ น.ส.3 แล้วรับฟังไม่ได้
ที่ดินแปลงหนึ่ง ๆ นั้นแม้จะมีทางออกทางอื่นได้แล้วก็อาจก่อให้เกิดทางภารจำยอมทางอื่นอีกได้ และที่ดินที่มีทางออกเป็นทางภารจำยอมอยู่แล้ว แม้มีทางออกทางอื่นอีกก็ไม่ทำให้ทางภารจำยอมที่มีอยู่แล้วสิ้นไป
การพิจารณาว่ามีทางภารจำยอมในที่ดินแปลงใดหรือไม่ก็แล้วแต่พยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบ ไม่มีกฎหมายใดให้ถือว่า ถ้าไม่มีปรากฏในหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน หรือส.ค.1 หรือ น.ส.3 แล้วรับฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางสาธารณประโยชน์ & ภารจำยอม: การอุทิศที่ดินโดยปริยาย & การละเมิดสิทธิในการใช้ทาง
บรรยายฟ้องว่าทางเดินตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ และตอนต่อไปบรรยายว่าทางเดินนี้ตกเป็นทางสาธารณะประโยชน์แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะทางเดินอาจตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินรายอื่น และก็อาจกลายสภาพเป็นทางสาธารณได้ ซึ่งเมื่อเป็นทางเดินสาธารณะแล้ว สิทธิ์ในภารจำยอมของเจ้าของที่ดินรายอื่นก็ย่อมถูกกลืนหมดสภาพไปในตัว
พฤติการณ์ที่ถือว่าเป็นการอุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยาย
รับซื้อที่ดินที่เจ้าของเดิมได้อุทิศบางส่วนให้เป็นทางสาธารณประโยชน์ไปโดยปริยายแล้ว แม้ที่ดินส่วนนั้นจะอยู่ในเขตโฉนดที่ดินที่รับซื้อไว้ ผู้ซื้อที่ดินนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะยึดถือเอาเป็นของตนได้ และแม้จะมีผู้ทำหลังคาและชายคารุกล้ำที่ดินส่วนนั้นผู้ซื้อที่ดินก็มิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องให้ตัดหลังคาและชายคาได้
กั้นรั้วสังกะสีปิดหน้าบ้านของโจทก์จนโจทก์ไม่มีทางที่จะออกไปสู่ทางสาธารณประโยชน์และทำการค้าขายไม่ได้ตามที่เคย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้อง
ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิดของจำเลยตั้งแต่วันฟ้อง ซึ่งศาลพิพากษาบังคับให้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (4) ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอนาคต
พฤติการณ์ที่ถือว่าเป็นการอุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยาย
รับซื้อที่ดินที่เจ้าของเดิมได้อุทิศบางส่วนให้เป็นทางสาธารณประโยชน์ไปโดยปริยายแล้ว แม้ที่ดินส่วนนั้นจะอยู่ในเขตโฉนดที่ดินที่รับซื้อไว้ ผู้ซื้อที่ดินนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะยึดถือเอาเป็นของตนได้ และแม้จะมีผู้ทำหลังคาและชายคารุกล้ำที่ดินส่วนนั้นผู้ซื้อที่ดินก็มิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องให้ตัดหลังคาและชายคาได้
กั้นรั้วสังกะสีปิดหน้าบ้านของโจทก์จนโจทก์ไม่มีทางที่จะออกไปสู่ทางสาธารณประโยชน์และทำการค้าขายไม่ได้ตามที่เคย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้อง
ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิดของจำเลยตั้งแต่วันฟ้อง ซึ่งศาลพิพากษาบังคับให้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (4) ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอนาคต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางสาธารณประโยชน์ & ภารจำยอม: การอุทิศที่ดินโดยปริยาย, การละเมิด, ค่าเสียหาย
บรรยายฟ้องว่าทางเดินตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์และตอนต่อไปบรรยายว่าทางเดินนี้ตกเป็นทางสาธารณประโยชน์แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะทางเดินอาจตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินรายอื่น และก็อาจกลายสภาพเป็นทางสาธารณะได้ ซึ่งเมื่อเป็นทางเดินสาธารณะแล้วสิทธิในภารจำยอมของเจ้าของที่ดินรายอื่นก็ย่อมถูกกลืนหมดสภาพไปในตัว
พฤติการณ์ที่ถือว่าเป็นการอุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยาย
รับซื้อที่ดินที่เจ้าของเดิมได้อุทิศบางส่วนให้เป็นทางสาธารณประโยชน์ไปโดยปริยายแล้ว แม้ที่ดินส่วนนั้นจะอยู่ในเขตโฉนดที่ดินที่รับซื้อไว้ ผู้ซื้อที่ดินนั้นก็ไม่มีสิทธิที่จะยึดถือเอาเป็นของตนได้ และแม้จะมีผู้ทำหลังคาและชายคารุกล้ำที่ดินส่วนนั้น ผู้ซื้อที่ดินก็มิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องให้ตัดหลังคาและชายคาได้
กั้นรั้วสังกะสีปิดหน้าบ้านของโจทก์จนโจทก์ไม่มีทางที่จะออกไปสู่ทางสาธารณประโยชน์ และทำการค้าขายไม่ได้ตามที่เคย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้อง
ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิดของจำเลยตั้งแต่วันฟ้องซึ่งศาลพิพากษาบังคับให้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(4) ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอนาคต
พฤติการณ์ที่ถือว่าเป็นการอุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยาย
รับซื้อที่ดินที่เจ้าของเดิมได้อุทิศบางส่วนให้เป็นทางสาธารณประโยชน์ไปโดยปริยายแล้ว แม้ที่ดินส่วนนั้นจะอยู่ในเขตโฉนดที่ดินที่รับซื้อไว้ ผู้ซื้อที่ดินนั้นก็ไม่มีสิทธิที่จะยึดถือเอาเป็นของตนได้ และแม้จะมีผู้ทำหลังคาและชายคารุกล้ำที่ดินส่วนนั้น ผู้ซื้อที่ดินก็มิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องให้ตัดหลังคาและชายคาได้
กั้นรั้วสังกะสีปิดหน้าบ้านของโจทก์จนโจทก์ไม่มีทางที่จะออกไปสู่ทางสาธารณประโยชน์ และทำการค้าขายไม่ได้ตามที่เคย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้อง
ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิดของจำเลยตั้งแต่วันฟ้องซึ่งศาลพิพากษาบังคับให้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(4) ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอนาคต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองทางภารจำยอม: ศาลวินิจฉัยนอกฟ้องแต่ฟังเป็นทางภารจำยอมได้จากข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอม แต่ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในทางพิพาทโดยไม่วินิจฉัยว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือจากฟ้อง
ทางเดินซึ่งตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์กว้าง 6.40 เมตร และโจทก์ใช้เดินเข้าออกเป็นประจำกว้างประมาณ 1.50 เมตร แต่ถ้าเป็นหน้าน้ำทางเฉอะแฉะก็เดินนอกทางที่เดินเป็นประจำนั้นบ้าง เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทตลอดมาโดยไม่ได้ละทิ้ง ทางพิพาททั้งหมดยังคงเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
ทางเดินซึ่งตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์กว้าง 6.40 เมตร และโจทก์ใช้เดินเข้าออกเป็นประจำกว้างประมาณ 1.50 เมตร แต่ถ้าเป็นหน้าน้ำทางเฉอะแฉะก็เดินนอกทางที่เดินเป็นประจำนั้นบ้าง เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทตลอดมาโดยไม่ได้ละทิ้ง ทางพิพาททั้งหมดยังคงเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์