พบผลลัพธ์ทั้งหมด 516 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมไม่เกิดเมื่อเจ้าของที่ดินใช้ทางเดินเองก่อนแบ่งขาย และฟ้องไม่ใช่อ้างทางจำเป็น
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1387 ภารจำยอมเหนือที่ดินแปลงหนึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็เพื่อประโยชน์แก่ที่ดินแปลงอื่นเท่านั้น เมื่อที่ดินทั้งหมดยังเป็นของโจทก์ การที่โจทก์ใช้ที่ดินส่วนหนึ่งเป็นทางเดินเข้าออก ก็เป็นเรื่องโจทก์ให้อำนาจกรรมสิทธิ์ในที่ดินของตนเอง แม้จะฟังว่าโจทก์ได้ใช้เป็นทางเดินมาถึง 20 ปี ก่อนขายให้จำเลย ก็ไม่ก่อให้เกิดภารจำยอมเหนือที่ดินของโจทก์เอง
โจทก์ฟ้องมุ่งประสงค์จะให้จำเลยเปิดทางเดินซึ่งเป็นภารจำยอมติดที่ดินซึ่งโจทก์แบ่งขายให้จำเลยประการหนึ่ง และจำเลยยังได้ให้สัญญากับโจทก์ว่าจะเปิดทางให้โจทก์เดินด้วยอีกประการหนึ่ง นอกจากนี้ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยได้เว้นทางให้โจทก์เดินเพียงกว้าง 50 เซ็นติเมตร แสดงว่าบุตรโจทก์สามารถเดินเข้าออกได้ หากโจทก์ไม่พอใจ จะขอให้จำเลยเปิดทางกว้าง 1.5 เมตร ตามที่อ้างว่าเป็นภารจำยอมหรือมีข้อตกลง จึงได้ฟ้องจำเลย มิใช่ที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมไม่มีทางออก เห็นได้ชัดว่าฟ้องโจทก์มิได้ ประสงค์จะอ้างสิทธิในเรื่องทางจำเป็น จึงไม่จำต้องวินิจฉัยข้อฎีกาของโจทก์ต่อไปว่าเป็นทางจำเป็นหรือไม่
โจทก์ฟ้องมุ่งประสงค์จะให้จำเลยเปิดทางเดินซึ่งเป็นภารจำยอมติดที่ดินซึ่งโจทก์แบ่งขายให้จำเลยประการหนึ่ง และจำเลยยังได้ให้สัญญากับโจทก์ว่าจะเปิดทางให้โจทก์เดินด้วยอีกประการหนึ่ง นอกจากนี้ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยได้เว้นทางให้โจทก์เดินเพียงกว้าง 50 เซ็นติเมตร แสดงว่าบุตรโจทก์สามารถเดินเข้าออกได้ หากโจทก์ไม่พอใจ จะขอให้จำเลยเปิดทางกว้าง 1.5 เมตร ตามที่อ้างว่าเป็นภารจำยอมหรือมีข้อตกลง จึงได้ฟ้องจำเลย มิใช่ที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมไม่มีทางออก เห็นได้ชัดว่าฟ้องโจทก์มิได้ ประสงค์จะอ้างสิทธิในเรื่องทางจำเป็น จึงไม่จำต้องวินิจฉัยข้อฎีกาของโจทก์ต่อไปว่าเป็นทางจำเป็นหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความ: สิทธิการใช้ทางเดินแม้ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และการประเมินค่าเสียหายจากการรุกล้ำ
ศาลล่างพิพากษาว่า ทางพิพาทเป็นทางที่ตกอยู่ในภารจำยอม จำเลยฎีกาว่าที่ดินของโจทก์ไม่ตกอยู่ในที่ล้อม ทางพิพาทจึงไม่เป็นทางจำเป็น จึงเป็นฎีกาที่ไม่ตรงประเด็นศาลไม่จำต้องวินิจฉัย
โจทก์อ้างข้อตกลงอันเป็นมูลเดิมแล้วฟ้องว่าทางพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความ คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงความสมบูรณ์ของข้อตกลง
โจทก์ฟ้องจำเลยในกรณีละเมิดปักเสารุกล้ำ กั้นรั้วปิดทางเดิน แล้วเรียกค่าเสียหาย แม้ไม่ได้กล่าวว่าเสียหายอะไรไปเท่าใด กฎหมายก็บัญญัติให้ศาลวินิจฉัยให้ค่าเสียหายตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์ที่ 2 ที่ดินจำเลยตรงทางเดินรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอม ซึ่งโจทก์ใช้เป็นทางเดินมากว่า 10 ปี ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าทางรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินที่โจทก์ปลูกบ้านหรือไม่ มิได้อยู่ที่ว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใดหรือไม่
โจทก์อ้างข้อตกลงอันเป็นมูลเดิมแล้วฟ้องว่าทางพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความ คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงความสมบูรณ์ของข้อตกลง
โจทก์ฟ้องจำเลยในกรณีละเมิดปักเสารุกล้ำ กั้นรั้วปิดทางเดิน แล้วเรียกค่าเสียหาย แม้ไม่ได้กล่าวว่าเสียหายอะไรไปเท่าใด กฎหมายก็บัญญัติให้ศาลวินิจฉัยให้ค่าเสียหายตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์ที่ 2 ที่ดินจำเลยตรงทางเดินรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอม ซึ่งโจทก์ใช้เป็นทางเดินมากว่า 10 ปี ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าทางรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินที่โจทก์ปลูกบ้านหรือไม่ มิได้อยู่ที่ว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใดหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความ: ศาลยืนตามคำพิพากษาศาลล่าง แม้จำเลยอ้างประเด็นไม่ตรง
ศาลล่างพิพากษาว่า ทางพิพาทเป็นทางที่ตกอยู่ในการจำยอม จำเลยฎีกาว่า ที่ดินของโจทก์ไม่ตกอยู่ในที่ล้อม ทางพิพาทจึงไม่เป็นทางจำเป็น จึงเป็นฎีกาที่ไม่ตรงประเด็น ศาลไม่จำต้องวินิจฉัย
โจทก์อ้างข้อตกลงอันเป็นมูลเดิมแล้วฟ้องว่าทางพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความ คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงความสมบูรณ์ของข้อตกลง
โจทก์ฟ้องจำเลยในกรณีละเมิดปักเสารุกล้ำ กั้นรั้วปิดทางเดิน แล้วเรียกค่าเสียหาย แม้ไม่ได้กล่าวว่าเสียหายอะไรไปเท่าใด กฎหมายก็บัญญัติให้ศาลวินิจฉัยให้ค่าเสียหายตามสมควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์ที่ 2 ที่ดินจำเลยตรงทางเดินรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอม ซึ่งโจทก์ใช้เป็นทางเดินมากว่า 10 ปี ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าทางรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินที่โจทก์ปลูกบ้านหรือไม่ มิได้อยู่ที่ว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใดหรือไม่
โจทก์อ้างข้อตกลงอันเป็นมูลเดิมแล้วฟ้องว่าทางพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความ คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงความสมบูรณ์ของข้อตกลง
โจทก์ฟ้องจำเลยในกรณีละเมิดปักเสารุกล้ำ กั้นรั้วปิดทางเดิน แล้วเรียกค่าเสียหาย แม้ไม่ได้กล่าวว่าเสียหายอะไรไปเท่าใด กฎหมายก็บัญญัติให้ศาลวินิจฉัยให้ค่าเสียหายตามสมควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์ที่ 2 ที่ดินจำเลยตรงทางเดินรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอม ซึ่งโจทก์ใช้เป็นทางเดินมากว่า 10 ปี ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าทางรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินที่โจทก์ปลูกบ้านหรือไม่ มิได้อยู่ที่ว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใดหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอห้ามชั่วคราว (ภารจำยอม) เป็นคำขอฝ่ายเดียว ศาลมีดุลพินิจฟังคู่ความก่อนได้
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางเดินซึ่งเป็นภารจำยอม และได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราว คือ ให้จำเลยเปิดทางเดินในระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุดนั้น ถือว่าเป็นคำขอฝ่ายเดียว กฎหมายไม่บังคับไม่ว่าต้องให้โอกาสคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งคัดค้านก่อน จึงอยู่ในอำนาจหรือดุลพินิจของศาลที่จะฟังคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอห้ามชั่วคราวเป็นคำขอฝ่ายเดียว ศาลมีอำนาจพิจารณาฟังคู่ความอีกฝ่ายก่อนได้
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางเดินซึ่งเป็นภารจำยอมและได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราว คือให้จำเลยเปิดทางเดินในระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุดนั้นถือว่าเป็นคำขอฝ่ายเดียว กฎหมายไม่บังคับว่าต้องให้โอกาสคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งคัดค้านก่อนจึงอยู่ในอำนาจหรือดุลพินิจของศาลที่จะฟังคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 275/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ทางเดินเป็นภารจำยอม แม้ใช้ไม่ต่อเนื่องตลอดปี และจำเลยมิได้พิสูจน์ข้ออ้าง
โจทก์บรรยายฟ้องชัดแจ้งว่า ขอให้เปิดทางภารจำยอม ถึงแม้จะมีความกล่าวว่าเป็นทางจำเป็นด้วย ก็เป็นเพียงข้ออ้างว่านอกจากเป็นทางภารจำยอมแล้วยังเป็นทางจำเป็นอีกด้วย ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์กับพวกใช้ทางพิพาทเป็นประจำมาเกินกว่าสิบปี ภารจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินโจทก์แล้ว การที่โจทก์ไม่ได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินผ่านตลอดปี หาทำให้การใช้ทางเดินนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันได้ไม่
(อ้างฎีกา 1318/2501)
เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์เดินในทางพิพาทโดยถือวิสาสะ จำเลยต้องนำสืบข้ออ้างนี้
โจทก์กับพวกใช้ทางพิพาทเป็นประจำมาเกินกว่าสิบปี ภารจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินโจทก์แล้ว การที่โจทก์ไม่ได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินผ่านตลอดปี หาทำให้การใช้ทางเดินนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันได้ไม่
(อ้างฎีกา 1318/2501)
เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์เดินในทางพิพาทโดยถือวิสาสะ จำเลยต้องนำสืบข้ออ้างนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 275/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งภารจำยอมโดยการใช้ทางต่อเนื่องเกินสิบปี และการฟ้องขอทางภารจำยอมที่มิเคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องชัดแจ้งว่า ขอให้เปิดทางภารจำยอมถึงแม้จะมีความกล่าวว่าเป็นทางจำเป็นด้วยก็เป็นเพียงข้ออ้างว่านอกจากเป็นทางภารจำยอมแล้วยังเป็นทางจำเป็นอีกด้วย ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์กับพวกใช้ทางพิพาทเป็นประจำมาเกินกว่าสิบปีภารจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินโจทก์แล้วการที่โจทก์ไม่ได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินผ่านตลอดปีหาทำให้การใช้ทางเดินนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันไม่ได้
(อ้างฎีกา 1318/2501)
เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์ที่ดินในทางพิพาทโดยถือวิสาสะจำเลยต้องนำสืบข้ออ้าง
โจทก์กับพวกใช้ทางพิพาทเป็นประจำมาเกินกว่าสิบปีภารจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินโจทก์แล้วการที่โจทก์ไม่ได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินผ่านตลอดปีหาทำให้การใช้ทางเดินนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันไม่ได้
(อ้างฎีกา 1318/2501)
เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์ที่ดินในทางพิพาทโดยถือวิสาสะจำเลยต้องนำสืบข้ออ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางในที่ดินของผู้อื่นเมื่อที่ดินถูกล้อม - ทางจำเป็นตามประมวลกฎหมายแพ่ง
โจทก์ฟ้องให้จำเลยเปิดทางเดินโดยอ้างว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ แม้จะพิจารณาได้ความว่าทางพิพาทเป็นของจำเลยมิใช่ทางสาธารณะก็ตามเมื่อฟ้องโจทก์ก็ได้บรรยายว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมของที่ดินผู้อื่นทั้งสี่ด้านและข้อเท็จจริงก็ได้ความว่าโจทก์เคยนำวัวควายออกไปเลี้ยงและทำนาโดยอาศัยทางพิพาทนี้มาก่อนจำเลยปิดกั้นแล้วเช่นนี้โจทก์ย่อมมีความชอบธรรมที่จะใช้ทางพิพาทได้จำเลยจะใช้สิทธิปิดทางไม่ให้โจทก์ได้ใช้เสียเลยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นเมื่อที่ดินถูกล้อม – การบังคับใช้สิทธิของเจ้าของที่ดินที่ไม่มีทางออก
โจทก์ฟ้องให้จำเลยเปิดทางเดิน โดยอ้างว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ แม้จะพิจารณาได้ความว่าทางพิพาทเป็นของจำเลย มิใช่ทางสาธารณะก็ตาม เมื่อฟ้องโจทก์ก็ได้บรรยายว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมของที่ดินผู้อื่นทั้งสี่ด้าน และข้อเท็จจริงก็ได้ความว่าโจทก์เคยนำวัวควายออกไปเลี้ยงและทำนาโดยอาศัยทางพิพาทนี้มาก่อนจำเลยปิดกั้นแล้ว เช่นนี้ โจทก์ย่อมมีความชอบธรรมที่จะใช้ทางพิพาทได้ จำเลยจะใช้สิทธิปิดทางไม่ให้โจทก์ได้ใช้เสียเลยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1084/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการวางท่อระบายน้ำผ่านที่ดินของผู้อื่นต้องมีค่าทดแทนและที่ดินติดต่อกัน หากไม่มีสิทธิไม่สมบูรณ์
จำเลยวางท่อระบายน้ำจากโรงงานในที่ดินของจำเลยผ่านเข้าไปในที่ดินของโจทก์ เมื่อได้ความว่าจำเลยมิได้ให้ค่าทดแทนแก่โจทก์ ทั้งที่ดินของจำเลยก็มิได้ติดต่อกับที่ดินของโจทก์ด้วย จำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะล่วงแดนเข้าไปวางท่อระบายน้ำในที่ดินของโจทก์โดยอาศัยมาตรา 1352 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และการที่โจทก์ยินยอมด้วยวาจาให้จำเลยฝังท่อระบายน้ำในที่ดินของโจทก์ ก็มีผลเพียงให้จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นเท่านั้น แต่จำเลยไม่มีสิทธิที่จะยกเอาความยินยอมนั้นขึ้นผูกพันโจทก์อยู่ตลอดไปเมื่อโจทก์บอกเลิกคำอนุญาต ให้จำเลยขนย้ายท่อระบายน้ำออกไป จำเลยไม่ปฏิบัติตาม ก็เป็นการละเมิดล่วงแดนกรรมสิทธิ์ในที่ดินของโจทก์ ฉะนั้น การที่โจทก์ขอให้จำเลยรื้อถอนออกไปนั้นจึงทำได้โดยชอบ ไม่ใช่การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต มีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
อนึ่ง ความตกลงยินยอมของโจทก์ดังกล่าวนั้นได้ก่อให้เกิดภาระในที่ดินของโจทก์จัดอยู่ในลักษณะที่ว่าด้วยภารจำยอม และภารจำยอมก็เป็นทรัพย์สิทธิอย่างหนึ่ง เมื่อการได้มาโดยนิติกรรมซึ่งทรัพย์สิทธิของจำเลยนี้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน นิติกรรมนี้ก็ไม่บริบูรณ์
อนึ่ง ความตกลงยินยอมของโจทก์ดังกล่าวนั้นได้ก่อให้เกิดภาระในที่ดินของโจทก์จัดอยู่ในลักษณะที่ว่าด้วยภารจำยอม และภารจำยอมก็เป็นทรัพย์สิทธิอย่างหนึ่ง เมื่อการได้มาโดยนิติกรรมซึ่งทรัพย์สิทธิของจำเลยนี้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน นิติกรรมนี้ก็ไม่บริบูรณ์