พบผลลัพธ์ทั้งหมด 57 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1759/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ครูทำอนาจารนักเรียนในขณะสอบ ถือเป็นผู้ดูแลตามกฎหมาย
จำเลยเป็นครูสอนวิชาพลศึกษาในโรงเรียนซึ่งผู้เสียหายเป็นนักเรียนอยู่ จำเลยกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายขณะจำเลยทำหน้าที่สอบความรู้วิชาพลศึกษาของผู้เสียหายถือได้ว่าผู้เสียหายเป็นศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแลของจำเลยตามความหมายของมาตรา 285 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนโทรมหญิง: การใช้กำลังข่มขืนในที่สาธารณะเข้าลักษณะโทรมหญิง
จำเลยสองคนร่วมกันใช้มีดปลายแหลมจี้ขู่บังคับและใช้กำลังฉุดผู้เสียหายเข้าไปในสวนมะพร้าวข้างทาง แล้วจับกดผู้เสียหายให้นอนลงบนพื้นดิน ช่วยกันจับมือและกดผู้เสียหายไว้ให้โอกาสอีกคนหนึ่งผลัดกันกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ของจำเลยทั้งสองคนๆ ละ 1ครั้ง ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนโทรมหญิง: การกระทำโดยใช้กำลังขู่เข็ญและกระทำอนาจารจนสำเร็จความใคร่ เข้าข่ายความผิดฐานโทรมหญิง
จำเลยสองคนร่วมกันใช้มีดปลายแหลมจี้ขู่บังคับและใช้กำลังฉุดผู้เสียหายเข้าไปในสวนมะพร้าวข้างทาง แล้วจับกดผู้เสียหายให้นอนลงบนพื้นดิน ช่วยกันจับมือและกดผู้เสียหายไว้ให้โอกาสอีกคนหนึ่งผลัดกันกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ของจำเลยทั้งสองคนๆ ละ 1 ครั้ง ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2770/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตฟ้องคดีข่มขืน การปรับบทกฎหมาย และการลงโทษกรรมต่างๆ
ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกร่วมกันฉุดคร่ากระทำอนาจาร ว.กับก.ผู้เสียหายแล้วจำเลยที่2กับพวกอีก3คนฉุด ก. ผู้เสียหายและผลัดกันข่มขืนกระทำชำเรา แม้ตามทางพิจารณาจะปรากฏว่าพวกของจำเลยที่ 2 ที่ร่วมฉุด ก.ไปผลัดกันข่มขืนกระทำชำเรานั้นคือ จำเลยที่ 1 นายสำลีกับชายอีกคนหนึ่ง ก็เป็นเพียงรายละเอียดไม่ต่างกับฟ้องในสารสำคัญ และเมื่อจำเลยที่ 2 มิได้หลงต่อสู้คดี ศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ได้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281 มิได้บัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ จึงไม่ต้องยกขึ้นปรับบทลงโทษจำเลยด้วย
จำเลยใช้มีดขู่บังคับผู้เสียหายและฉุดเข้าไปในป่าอ้อยลึก 2 เส้น แล้วข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อถือว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 อันเป็นบทเฉพาะแล้วก็ไม่จำต้องยกเอามาตรา 278 มาปรับบทด้วยอีก
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281 มิได้บัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ จึงไม่ต้องยกขึ้นปรับบทลงโทษจำเลยด้วย
จำเลยใช้มีดขู่บังคับผู้เสียหายและฉุดเข้าไปในป่าอ้อยลึก 2 เส้น แล้วข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อถือว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 อันเป็นบทเฉพาะแล้วก็ไม่จำต้องยกเอามาตรา 278 มาปรับบทด้วยอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2770/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเรา: การปรับบทลงโทษและการพิจารณาความผิดหลายกรรม
ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกร่วมกันฉุดคร่ากระทำอนาจาร ว. กับ ก. ผู้เสียหาย แล้วจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 3 คนฉุด ก.ผู้เสียหายและผลัดกันข่มขืนกระทำชำเรา แม้ตามทางพิจารณาจะปรากฏว่าพวกของจำเลยที่ 2 ที่ร่วมฉุด ก.ไปผลัดกันข่มขืนกระทำชำเรานั้นคือ จำเลยที่ 1 นายสำลีกับชายอีกคนหนึ่งก็เป็นเพียงรายละเอียดไม่ต่างกับฟ้องในสารสำคัญ และเมื่อจำเลยที่ 2 มิได้หลงต่อสู้คดี ศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ได้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281 มิได้บัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ จึงไม่ต้องยกขึ้นปรับบทลงโทษจำเลยด้วย
จำเลยใช้มีดขู่บังคับผู้เสียหายและฉุดเข้าไปในป่าอ้อยลึก 2 เส้น แล้วข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อถือว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 อันเป็นบทเฉพาะแล้วก็ไม่จำต้องยกเอามาตรา 278 มาปรับบทด้วยอีก
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281 มิได้บัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ จึงไม่ต้องยกขึ้นปรับบทลงโทษจำเลยด้วย
จำเลยใช้มีดขู่บังคับผู้เสียหายและฉุดเข้าไปในป่าอ้อยลึก 2 เส้น แล้วข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อถือว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 อันเป็นบทเฉพาะแล้วก็ไม่จำต้องยกเอามาตรา 278 มาปรับบทด้วยอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2453/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อนาจารและทำร้ายร่างกาย: กรรมเดียว ความผิดฐานอนาจารครอบคลุม ความสัมพันธ์บังคับบัญชาไม่เข้าข่ายควบคุมตามหน้าที่ราชการ คดีขาดอายุความ
การใช้กำลังกายกอดรัดและบีบเคล้นนมของผู้เสียหายจนฟกช้ำเป็นการประทุษร้ายร่างกายที่เกลื่อนกลืนเป็นกรรมเดียวกับการกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ไม่เป็นมูลความผิดฐานทำร้ายร่างกายตาม มาตรา 296อีกบทหนึ่งต่างหาก
การที่โจทก์เป็นข้าราชการผู้น้อย (ตำแหน่งหัวหน้าแผนก) อยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลย (ตำแหน่งอธิบดี) ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามระเบียบแบบแผนนั้น หาใช่ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 285 ไม่
การที่โจทก์เป็นข้าราชการผู้น้อย (ตำแหน่งหัวหน้าแผนก) อยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลย (ตำแหน่งอธิบดี) ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามระเบียบแบบแผนนั้น หาใช่ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 285 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2453/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานอนาจารและทำร้ายร่างกาย: การประทุษร้ายร่างกายเป็นการกระทำกรรมเดียวกับอนาจาร และไม่อยู่ในอำนาจควบคุมตามหน้าที่ราชการ
การใช้กำลังกายกอดรัดและบีบเคล้นนมของผู้เสียหายจนฟกช้ำ เป็นการประทุษร้ายร่างกายที่เกลื่อนกลืนเป็นกรรมเดียวกับการกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ไม่เป็นมูลความผิดฐานทำร้ายร่างกายตาม มาตรา 296 อีกบทหนึ่งต่างหาก
การที่โจทก์เป็นข้าราชการผู้น้อย (ตำแหน่งหัวหน้าแผนก) อยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลย (ตำแหน่งอธิบดี) ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามระเบียบแบบแผนนั้น หาใช่ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 285 ไม่
การที่โจทก์เป็นข้าราชการผู้น้อย (ตำแหน่งหัวหน้าแผนก) อยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลย (ตำแหน่งอธิบดี) ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามระเบียบแบบแผนนั้น หาใช่ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 285 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1737/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การข่มขืนกระทำชำเราโดยมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาให้รับรองว่าการกระทำเข้าข่ายโทรมหญิง
จำเลยกับพวกรวม 2 คน ใช้อาวุธปืนขู่ และใช้กำลังกอดคอบังคับให้ผู้เสียหายเข้าป่าข้างทาง แล้วร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยผลัดเปลี่ยนกันจนสำเร็จความใคร่ ย่อมมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเรา โดยไม่วินิจฉัยว่า การกระทำมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงไว้ด้วยหรือไม่ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ต้องพิพากษาแก้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเรา โดยไม่วินิจฉัยว่า การกระทำมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงไว้ด้วยหรือไม่ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ต้องพิพากษาแก้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1737/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การข่มขืนกระทำชำเราโดยมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง แม้ศาลล่างไม่วินิจฉัย ศาลฎีกาพิจารณาและแก้ไขคำพิพากษาได้
จำเลยกับพวกรวม 2 คน ใช้อาวุธปืนขู่ และใช้กำลังกอดคอบังคับให้ผู้เสียหายเข้าป่าข้างทาง แล้วร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยผลัดเปลี่ยนกันจนสำเร็จความใคร่ ย่อมมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเรา โดยไม่วินิจฉัยว่า การกระทำมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงไว้ด้วยหรือไม่ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ต้องพิพากษาแก้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเรา โดยไม่วินิจฉัยว่า การกระทำมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงไว้ด้วยหรือไม่ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ต้องพิพากษาแก้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดต่อหน้าธารกำนัลต้องปรากฏว่ามีการเปิดเผยให้ผู้อื่นเห็นการกระทำ
จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายต่อหน้าเด็กหญิงคนหนึ่งในห้องนอนมืดเพียงแต่เหตุเกิดต่อหน้าเด็กหญิงเท่านั้น และโจทก์มิได้ยืนยันโต้แย้งว่าจำเลยได้กระทำโดยประการที่ให้เด็กหญิงได้เห็นการกระทำของจำเลย หรือว่าจำเลยได้กระทำในลักษณะที่เปิดเผยให้บุคคลอื่นสามารถเห็นการกระทำของจำเลยได้ ดังนี้ พฤติการณ์แห่งคดีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดต่อหน้าธารกำนัล หากผู้เสียหายได้แถลงต่อศาลไม่ติดใจเอาความจากจำเลย ขอถอนคำร้องทุกข์ ศาลก็ต้องสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2508)