พบผลลัพธ์ทั้งหมด 239 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติบุคคลสุขาภิบาล: สิทธิจำกัดตามวัตถุประสงค์กฎหมาย และกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
นิติบุคคล หาจำต้องจำกัดว่าอยู่ใน 6 จำพวกดังที่กล่าวไว้ใน มาตรา 72 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ มาตรา 68ได้บัญญัติไว้เป็นทำนองว่านิติบุคคลจะมีขึ้นได้ไม่เฉพาะแต่ต้องอาศัยอำนาจแห่งบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อย่างเดียว อาจอาศัยอำนาจกฎหมายอื่นก็ได้
สุขาภิบาลหัวเมืองจะเป็นนิติบุคคลหรือไม่ ต้องพิเคราะห์ดูพระราชบัญญัติจัดการตั้งสุขาภิบาลตามหัวเมือง ร.ศ.127
เมื่อพิจารณาบทบัญญัติแห่งมาตรา 4,8,9,10,11 แห่งพระราชบัญญัติจัดการตั้งสุขาภิบาลตามหัวเมือง ร.ศ.127 แล้วพึงเห็นได้ว่าเงินภาษีโรงร้านที่พระราชทานให้เก็บใช้ในการตั้งสุขาภิบาลนั้นก็ดี หรือว่าเงินผลประโยชน์อย่างอื่นที่จะพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้เฉพาะในการสุขาภิบาลนั้นก็ดี สุขาภิบาลมีกรรมสิทธิ์ในเงินเหล่านั้นได้เช่นบุคคลในกฎหมายซึ่งอาจจะถือได้ว่าสุขาภิบาลเป็นนิติบุคคลเพื่อการมีสิทธิในเงินดังกล่าวแล้ว
มาตรา 69 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติว่านิติบุคคลย่อมมีสิทธิ์และหน้าที่ต่างๆ ตามบทบัญญัติทั้งปวงแห่งกฎหมายภายในขอบวัตถุประสงค์ของตนดังมีกำหนดไว้ในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งดังนี้ เมื่อพระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาลอันเป็นตราสารจัดตั้งสุขาภิบาลได้กำหนดให้สุขาภิบาลมีสิทธิแต่เพียงที่เกี่ยวกับเงินที่จะพระราชทานให้เท่านั้น สุขาภิบาลนั้นหามีสิทธิแสวงหาประโยชน์ในทางอื่นเช่นบุคคลธรรมดาไม่
ที่ดินที่พิพาทในคดีนี้ แม้จะถือว่าเป็นที่รกร้างว่างเปล่า สุขาภิบาลก็ไม่มีสิทธิจะเข้าจับจองถือเอาเพื่อกรรมสิทธิ์แก่สุขาภิบาลโดยเฉพาะ เพราะอยู่นอกวัตถุประสงค์ของตราสารจัดตั้งสุขาภิบาล
คำพิพากษาซึ่งในที่สุดจะต้องเป็นเรื่องชี้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น ย่อมใช้ผูกพันประชาชนได้ทั่วไป จึงเป็นข้อที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เมื่อสุขาภิบาลไม่มีสิทธิอย่างนิติบุคคลในอันที่จะจับจองหรือถือเอาที่ดินที่ไม่มีผู้ครอบครองเพื่อกรรมสิทธิ์เฉพาะตนในอันที่จะแสวงผลกำไรสู่ตนโดยไม่ใช่การต่างๆ ที่พระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาลมอบหน้าที่ให้ไว้ ศาลย่อมจะพิพากษาให้เกิดผลในที่ดินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของสุขาภิบาลไม่ได้
สุขาภิบาลหัวเมืองจะเป็นนิติบุคคลหรือไม่ ต้องพิเคราะห์ดูพระราชบัญญัติจัดการตั้งสุขาภิบาลตามหัวเมือง ร.ศ.127
เมื่อพิจารณาบทบัญญัติแห่งมาตรา 4,8,9,10,11 แห่งพระราชบัญญัติจัดการตั้งสุขาภิบาลตามหัวเมือง ร.ศ.127 แล้วพึงเห็นได้ว่าเงินภาษีโรงร้านที่พระราชทานให้เก็บใช้ในการตั้งสุขาภิบาลนั้นก็ดี หรือว่าเงินผลประโยชน์อย่างอื่นที่จะพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้เฉพาะในการสุขาภิบาลนั้นก็ดี สุขาภิบาลมีกรรมสิทธิ์ในเงินเหล่านั้นได้เช่นบุคคลในกฎหมายซึ่งอาจจะถือได้ว่าสุขาภิบาลเป็นนิติบุคคลเพื่อการมีสิทธิในเงินดังกล่าวแล้ว
มาตรา 69 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติว่านิติบุคคลย่อมมีสิทธิ์และหน้าที่ต่างๆ ตามบทบัญญัติทั้งปวงแห่งกฎหมายภายในขอบวัตถุประสงค์ของตนดังมีกำหนดไว้ในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งดังนี้ เมื่อพระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาลอันเป็นตราสารจัดตั้งสุขาภิบาลได้กำหนดให้สุขาภิบาลมีสิทธิแต่เพียงที่เกี่ยวกับเงินที่จะพระราชทานให้เท่านั้น สุขาภิบาลนั้นหามีสิทธิแสวงหาประโยชน์ในทางอื่นเช่นบุคคลธรรมดาไม่
ที่ดินที่พิพาทในคดีนี้ แม้จะถือว่าเป็นที่รกร้างว่างเปล่า สุขาภิบาลก็ไม่มีสิทธิจะเข้าจับจองถือเอาเพื่อกรรมสิทธิ์แก่สุขาภิบาลโดยเฉพาะ เพราะอยู่นอกวัตถุประสงค์ของตราสารจัดตั้งสุขาภิบาล
คำพิพากษาซึ่งในที่สุดจะต้องเป็นเรื่องชี้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น ย่อมใช้ผูกพันประชาชนได้ทั่วไป จึงเป็นข้อที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เมื่อสุขาภิบาลไม่มีสิทธิอย่างนิติบุคคลในอันที่จะจับจองหรือถือเอาที่ดินที่ไม่มีผู้ครอบครองเพื่อกรรมสิทธิ์เฉพาะตนในอันที่จะแสวงผลกำไรสู่ตนโดยไม่ใช่การต่างๆ ที่พระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาลมอบหน้าที่ให้ไว้ ศาลย่อมจะพิพากษาให้เกิดผลในที่ดินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของสุขาภิบาลไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจฟ้องของกระทรวงพาณิชย์: การกระทำนอกวัตถุประสงค์และการควบคุมส่งเสริมการพาณิชย์
กระทวงพาณิชย์เป็นนิติบุคคล และตกอยู่ในกรอบของประมวลแพ่งและพาณิชย์มาตรา 69 กล่าวคือ มีสิทธิและหน้าที่แต่เพียงภายในขอบวัตถุที่ประสงค์ของ ก.ม. ดังมีกำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวงทะบวงกรม 2484 แก้ไขโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม 2485 มาตรา 17 ทวิ ซึ่งบัญญัติว่าให้กระทรวงพาณิชย์มีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับการพาณิชย์
คำว่า การพาณิชย์ ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว เมื่อพิเคราะห์ถึงการแบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์ตามมาตรา 17 ตรี และ พระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการในกระทรวงพาณิชย์แล้ว ไม่มีกรมหรือส่วนราชการใดจัดไว้สำหรับทำการค้าหรือเพื่อหากำไร จึงต้องเข้าใจคำว่า การพาณิชย์อันเป็นอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ว่า มีความหมายเพียงแต่ในทางควบคุมส่งเสริมและสนับสนุนการพาณิชย์ของประเทศ
กระทรวงพาณิชย์เป็นโจทก์ฟ้องว่า สำนักงานกลาบริษัทจังหวัด เป็นองค์การค้าส่วนหนึ่งของโจทก์ ไปทำสัญญาจ้างจำเลยขนส่งช่วงน้ำตาล โจทก์ไม่ได้แสดงว่ากิจการที่สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดกระทำ ตกอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของกรมกองใดในกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังปรากฏว่า สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดนี้ตั้งขึ้นเพียงควบคุมบริษัทจังหวัดต่าง ๆ ไม่ใช่เพื่อทำการรับขนแล้วมาจ้างต่อ จึงเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของการตั้งสำนักงานกลางบริษัท แม้การกระทำจะกระทำในฐานะตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ แต่การนั้นอยู่นอกอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ จึงหาก่อให้เกินสิทธิแก่กระทรวงพาณิชย์แต่ประการใดไม่ กระทรวงพาณิชย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีดังกล่าวนี้
คำว่า การพาณิชย์ ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว เมื่อพิเคราะห์ถึงการแบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์ตามมาตรา 17 ตรี และ พระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการในกระทรวงพาณิชย์แล้ว ไม่มีกรมหรือส่วนราชการใดจัดไว้สำหรับทำการค้าหรือเพื่อหากำไร จึงต้องเข้าใจคำว่า การพาณิชย์อันเป็นอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ว่า มีความหมายเพียงแต่ในทางควบคุมส่งเสริมและสนับสนุนการพาณิชย์ของประเทศ
กระทรวงพาณิชย์เป็นโจทก์ฟ้องว่า สำนักงานกลาบริษัทจังหวัด เป็นองค์การค้าส่วนหนึ่งของโจทก์ ไปทำสัญญาจ้างจำเลยขนส่งช่วงน้ำตาล โจทก์ไม่ได้แสดงว่ากิจการที่สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดกระทำ ตกอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของกรมกองใดในกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังปรากฏว่า สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดนี้ตั้งขึ้นเพียงควบคุมบริษัทจังหวัดต่าง ๆ ไม่ใช่เพื่อทำการรับขนแล้วมาจ้างต่อ จึงเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของการตั้งสำนักงานกลางบริษัท แม้การกระทำจะกระทำในฐานะตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ แต่การนั้นอยู่นอกอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ จึงหาก่อให้เกินสิทธิแก่กระทรวงพาณิชย์แต่ประการใดไม่ กระทรวงพาณิชย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีดังกล่าวนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของกระทรวงพาณิชย์จำกัดอยู่เฉพาะการควบคุมส่งเสริมการพาณิชย์ การกระทำนอกขอบวัตถุประสงค์ไม่ก่อให้เกิดสิทธิ
กระทรวงพาณิชย์เป็นนิติบุคคลและตกอยู่ในกรอบของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 69 กล่าวคือมีสิทธิและหน้าที่แต่เพียงภายในขอบวัตถุที่ประสงค์ของ กฎหมาย ดังมีกำหนดไว้ใน พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม 2484 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม 2485 มาตรา17 ทวิ ซึ่งบัญญัติว่าให้กระทรวงพาณิชย์มีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับการพาณิชย์
คำว่า การพาณิชย์ ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว เมื่อพิเคราะห์ถึงการแบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์ตามมาตรา 17 ตรี และพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการในกระทรวงพาณิชย์แล้ว ไม่มีกรมหรือส่วนราชการใดจัดไว้สำหรับ ทำการค้าหรือเพื่อหากำไร จึงต้องเข้าใจคำว่า การพาณิชย์อันเป็นอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ว่ามีความหมายเพียงแต่ในทางควบคุมส่งเสริมและสนับสนุนการพาณิชย์ของประเทศ
กระทรวงพาณิชย์เป็นโจทก์ฟ้องว่าสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นองค์การค้าส่วนหนึ่งของโจทก์ ไปทำสัญญาจ้างจำเลยขนส่งช่วงน้ำตาลโจทก์ไม่ได้แสดงว่ากิจการที่สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดกระทำตกอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของกรมกองใดในกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังปรากฏว่าสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดนี้ตั้งขึ้นเพียงควบคุมบริษัทจังหวัดต่างๆ ไม่ใช่เพื่อทำการรับขนแล้วมาจ้างต่อ จึงเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของการตั้งสำนักงานกลางบริษัท แม้การกระทำจะกระทำในฐานะตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ แต่การนั้นอยู่นอกอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์จึงหาก่อให้เกิดสิทธิแก่กระทรวงพาณิชย์แต่ประการใดไม่ กระทรวงพาณิชย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีดังกล่าวนี้
คำว่า การพาณิชย์ ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว เมื่อพิเคราะห์ถึงการแบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์ตามมาตรา 17 ตรี และพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการในกระทรวงพาณิชย์แล้ว ไม่มีกรมหรือส่วนราชการใดจัดไว้สำหรับ ทำการค้าหรือเพื่อหากำไร จึงต้องเข้าใจคำว่า การพาณิชย์อันเป็นอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ว่ามีความหมายเพียงแต่ในทางควบคุมส่งเสริมและสนับสนุนการพาณิชย์ของประเทศ
กระทรวงพาณิชย์เป็นโจทก์ฟ้องว่าสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นองค์การค้าส่วนหนึ่งของโจทก์ ไปทำสัญญาจ้างจำเลยขนส่งช่วงน้ำตาลโจทก์ไม่ได้แสดงว่ากิจการที่สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดกระทำตกอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของกรมกองใดในกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังปรากฏว่าสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดนี้ตั้งขึ้นเพียงควบคุมบริษัทจังหวัดต่างๆ ไม่ใช่เพื่อทำการรับขนแล้วมาจ้างต่อ จึงเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของการตั้งสำนักงานกลางบริษัท แม้การกระทำจะกระทำในฐานะตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ แต่การนั้นอยู่นอกอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์จึงหาก่อให้เกิดสิทธิแก่กระทรวงพาณิชย์แต่ประการใดไม่ กระทรวงพาณิชย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีดังกล่าวนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของนิติบุคคล, หีบพระราชทานเพื่อประดับเกียรติยศต้องส่งคืน, เอกสารรับรองผูกพันผู้จัดการมฤดก
กรมคลังเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายย่อมมีอำาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีที่อยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของกรมได้ข้าราชการได้รับพระราชทาน++มาทองคำสำหรับประดับเกียรติยศและต้องส่งคืนเมื่อถึงแก่กรรม หีบหมากถูกเพลิงไหม้สูญไป แต่ข้าราชการผู้นั้นทำหนังสือรับรองจะจัดทำส่งใช้คืนให้ดังนี้ เอกสารฉะบับนั้น +++ผูกพันข้าราชการผู้นั้นรวมตลอดถึงผู้จัดการมฤดกของเขาด้วย
ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม. 255+++ทุนทรัพย์ที่พิพาท+++เพียง 515 บาท++ศาลอุทธรณ์พิพากษา+++ศาลขั้นต้น คู่ความ++ในข้อเท็จจริงไม่ได้
ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม. 255+++ทุนทรัพย์ที่พิพาท+++เพียง 515 บาท++ศาลอุทธรณ์พิพากษา+++ศาลขั้นต้น คู่ความ++ในข้อเท็จจริงไม่ได้