คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 228

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5923/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีขับรถเมาแล้วชนจนผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าและขับรถโดยประมาท
การที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุรา ซึ่งเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 และจำเลยขับรถยนต์คันเกิดเหตุพุ่งเข้าชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมทั้งสองอันเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นนั้น เป็นการกระทำความผิดที่มีเจตนาแยกต่างหากจากกัน ถือไม่ได้ว่าการที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุราเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของการที่จำเลยขับรถยนต์คันเกิดเหตุพุ่งเข้าชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมทั้งสอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุรา ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (2), 160 ตรี นั้น โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยขับรถยนต์คันเกิดเหตุในขณะเมาสุรา โดยโจทก์มิได้บรรยายอ้างเหตุว่า การที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุรา อันเป็นการไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (2) นั้น เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส คดีจึงไม่อาจลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 160 ตรี วรรคสาม แต่คงลงโทษจำเลยได้ตามมาตรา 160 ตรี วรรคหนึ่ง เท่านั้น ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา และความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราจะต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15843/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำให้เกิดอุทกภัยตาม ป.อ.มาตรา 228 ต้องมีเจตนาโดยตรง การเล็งเห็นผลใช้ไม่ได้
ตาม ป.อ. มาตรา 228 จำเลยจะต้องมีเจตนาให้เกิดอุทกภัยโดยตรง จะยกเอาการเล็งเห็นผลของการกระทำตามมาตรา 59 วรรคสอง มาใช้ไม่ได้
ที่นาของผู้เสียหายทั้งสองอยู่สูงกว่าที่นาของจำเลยและมีทางออกสู่คลองส่งน้ำสาธารณะได้ ที่นาของจำเลยซึ่งเป็นที่ลุ่มรองรับน้ำตามธรรมชาติที่ไหลมาจากที่สูงระบายลงสู่คลองส่งน้ำสาธารณะ การที่เจ้าของที่นาของผู้เสียหายที่ 1 ขุดร่องน้ำผ่านที่นาของตนไปยังที่นาของจำเลยทำให้น้ำระบายเข้าสู่ที่นาของจำเลยโดยตรงและไม่ใช่น้ำที่ระบายลงมาสู่ที่ต่ำโดยธรรมชาติ ที่นาของจำเลยจึงมีน้ำท่วมขังตลอดปีเพราะไม่สามารถระบายน้ำออกไปสู่คลองส่งน้ำสาธารณะได้ จำเลยถมดินลงไปในที่นาของตนเองปิดกั้นทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำที่ระบายมาจากร่องระบายน้ำดังกล่าวท่วมที่นาของจำเลย ผู้เสียหายทั้งสองไม่ทำการระบายน้ำออกคลองส่งน้ำสาธารณะซึ่งง่ายและสะดวกกว่าที่จะให้น้ำในที่นาของตนระบายออกโดยทางร่องน้ำที่ขุดขึ้น การกระทำของจำเลยไม่มีเจตนาทำให้เกิดอุทกภัยแก่ที่นาของผู้เสียหายทั้งสองตามมาตรา 228 จึงไม่เป็นความผิด แม้จำเลยมิได้ฎีกาแต่เมื่อคดีขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาและเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6494/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความมึนเมาจากการเสพสุราและกัญชา ไม่เป็นเหตุให้ไม่ต้องรับผิดทางอาญา หากจำเลยยังสามารถแยกแยะได้
แม้แพทย์จะเบิกความว่าจำเลยมีอาการหูแว่ว สอบถามไม่พูดแต่แสดงอาการฉุนเฉียว แยกตัวอยู่ตามลำพัง หลังจากตรวจแล้วพบแนวคิดผิดปกติและหลังจากรับตัวจำเลยได้ 1 วัน ได้เริ่มสอบถามจำเลย จำเลยพูดคำตอบคำอย่างรู้เรื่อง และลงความเห็นว่าอาการที่ตรวจพบเชื่อว่าเป็นมานานไม่น้อยกว่า1 ปี ก็ตาม แต่ก่อนเกิดเหตุ แม้จำเลยดื่มสุราก็ไม่มีอาการผิดปกติ ขณะเกิดเหตุก็สามารถจดจำบุคคลและเรียกชื่อได้ถูกต้อง ได้เลือกทำร้ายเฉพาะบุคคล ไม่ทำร้ายบุคคลทั่วไปซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวนมาก จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้
จำเลยเสพสุราและกัญชาทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้มึนเมาจำเลยจึงไม่อาจยกเอาความมึนเมานั้นขึ้นเป็นข้อแก้ตัวว่าไม่สามารถรู้สึกผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสร้างทำนบกักน้ำเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่เป็นเหตุให้เกิดอุทกภัยแก่ผู้อื่น แม้จะมีการเสียหายเกิดขึ้นจากสภาพอากาศ
สาเหตุน้ำท่วมนาของโจทก์เนื่องมาจากฝนตกเร็วกว่าปกติและมีปริมาณน้ำฝนมากกว่าปีก่อนๆ การที่จำเลยก่อสร้างซ่อมแซมทำนบที่กั้นลำห้วยสาธารณะ เพื่อกักน้ำไว้เลี้ยงสัตว์น้ำให้ราษฎรจับเป็นอาหารในฤดูแล้ง ไม่มีเจตนาทำให้เกิดอุทกภัยหรือทำให้ทรัพย์ของโจทก์เสียหาย ดังนี้ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228 และ 359.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อสร้างทำนบและการฟ้องร้องความเสียหายจากน้ำท่วม: จำเลยไม่มีเจตนาและเหตุปัจจัยทางธรรมชาติเป็นสาเหตุ
สาเหตุน้ำท่วมนาของโจทก์เนื่องมาจากฝนตกเร็วกว่าปกติและมีปริมาณน้ำฝนมากกว่าปีก่อน ๆ ซึ่งจำเลยไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ การที่จำเลยก่อสร้างซ่อมแซมทำนบที่กั้นลำห้วยสาธารณะเพื่อกักน้ำไว้เลี้ยงสัตว์น้ำให้ราษฎรจับเป็นอาหารในฤดูแล้ง จำเลยไม่มีเจตนาทำให้เกิดอุทกภัยหรือทำให้ทรัพย์ของโจทก์เสียหาย จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228 และ 359

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการก่อให้เกิดอุทกภัยตามมาตรา 228 ต้องเป็นเจตนาโดยตรง การเล็งเห็นผลไม่เพียงพอ
ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชนตามมาตรา 228 แห่งประมวลกฎหมายอาญา นั้น จำเลยจะต้องมีเจตนาให้เกิดอุทกภัยโดยตรง จะยกเอาการเล็งเห็นผลของการกระทำตามมาตรา 59 วรรค 2 มาใช้ไม่ได้
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 26/2504

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำให้เกิดอุทกภัย มาตรา 228 อาญา ต้องมีเจตนาโดยตรง การเล็งเห็นผลใช้ไม่ได้
ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชนตามมาตรา 228 แห่งประมวลกฎหมายอาญา นั้น จำเลยจะต้องมีเจตนาให้เกิดอุทกภัยโดยตรง จะยกเอาการเล็งเห็นผลของการกระทำตามมาตรา 59 วรรคสอง มาใช้ไม่ได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่26/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดมาตรา 228: การปิดกั้นเหมืองสาธารณโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดทางอาญา
จำเลยปิดกั้นเหมืองสาธารณเพราะเชื่อมั่นโดยสุจริตว่าเป็นเหมืองของจำเลยนั้น จำเลยย่อมไม่รู้ว่าเหมืองนั้นเป็นสาธารณูปโภคซึ่งเป็นองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228 จำเลยจึงไม่มีความผิดตามมาตรานี้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 26/2504)
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฎีกาของจำเลยที่ว่าเป็นเหมืองของจำเลยก็ไม่ต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง หากจำเลยมีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ในเหมืองอย่างไร ก็ชอบที่จะว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาปิดกั้นทางน้ำสาธารณะ หากเชื่อโดยสุจริตว่าไม่ใช่สาธารณูปโภค ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228
จำเลยปิดกั้นเหมืองสาธารณะเพราะเชื่อมั่นโดยสุจริตว่าเป็นเหมืองของจำเลยนั้น จำเลยย่อมไม่รู้ว่าเหมืองนั้นเป็นสาธารณูปโภคซึ่งเป็นองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228(ประชุมใหญ่ ครั้งที่26/2504)
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฎีกาของจำเลยที่ว่าเป็นเหมืองของจำเลยก็ไม่ต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง หากจำเลยมีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ในเหมืองอย่างไร ก็ชอบที่จะว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในความผิดเดิม และการพิจารณาองค์ประกอบความผิดฐานบุกรุกและเสื่อมเสียอิสสระภาพ
เดิมโจทก์ผู้เดียวถูกฟ้องฐานวิวาทกับจำเลยในท้องถนนหลวงศาลปรับไปแล้วตามคดีแดงที่ 551/2497
ต่อมาโจทก์มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในคดีนั้นฐานบุกรุกทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพและทำร้ายร่างกาย เมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยเข้าไปฉุดโจทก์ออกมาจากห้องโดยใช้กำลังทำร้ายและฉุดคร่า ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่บริบูรณ์ตาม ม.329,254,338(3),268,63 ส่วนกรณีเดิมตามที่คดีแดงที่ 551/2497 นั้นเป็นข้อหาว่าวิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง แต่ในกรณีบุกรุกทำร้ายและทำให้เสื่อเสียอิสสระภาพในเคหะสถานนั้นยังหาได้มีการฟ้องร้องและพิจารณาพิพากษาไม่จึงไม่เป็นฟ้องที่ต้องห้าม
of 2