พบผลลัพธ์ทั้งหมด 727 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับทรัพย์สินเด็กต้องได้รับอนุญาตจากศาล หากไม่ได้รับอนุญาต สัญญาเป็นโมฆะ
โจทก์จำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ช. ตกลงแบ่งที่ดินอันเป็นมรดกของ ก.ให้แก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และช. โดยโจทก์จำเลยที่ 1 ที่ 2 และช. ไปยื่นคำขอแบ่งแยกต่อเจ้าพนักงานที่ดิน จนกระทั่งเจ้าพนักงานได้รังวัดแบ่งแยกที่ดินออกเป็นส่วนสัด เป็นการระงับข้อพิพาทแห่งกองมรดกที่จะมีขึ้น จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่การที่จำเลยที่ 2 บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของจำเลยที่ 3 ผู้เยาว์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวแทนจำเลยที่ 3 โดยมิได้รับอนุญาตจากศาลขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 (4) ย่อมตกเป็นโมฆะ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ และในกรณีนี้จำนวนทายาทหรือจำนวนทรัพย์มรดกที่จะได้รับส่วนแบ่งย่อมเป็นสิ่งเกี่ยวพันกันไม่อาจแบ่งแยกจากกันได้ ข้อตกลงแบ่งที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 และช. ดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะทั้งสิ้น โจทก์ไม่มีสิทธิที่อ้างข้อตกลงแบ่งมรดกดังกล่าวมาฟ้องขอแบ่งที่ดินจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับทรัพย์สินเด็กต้องได้รับอนุญาตจากศาล มิฉะนั้นเป็นโมฆะ
โจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ช. ตกลงแบ่งที่ดินอันเป็นมรดกของ ก.ให้แก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และ ช.โดยโจทก์จำเลยที่1ที่2และช. ไปยื่นคำขอแบ่งแยกต่อเจ้าพนักงานที่ดิน จนกระทั่งเจ้าพนักงานได้รังวัดแบ่งแยกที่ดินออกเป็นส่วนสัด เป็นการระงับข้อพิพาทแห่งกองมรดกที่จะมีขึ้น จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่การที่จำเลยที่ 2 บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของจำเลยที่ 3 ผู้เยาว์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวแทนจำเลยที่ 3 โดยมิได้รับอนุญาตจากศาลขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546(4) ย่อมตกเป็นโมฆะ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ และในกรณีนี้จำนวนทายาทหรือจำนวนทรัพย์มรดกที่จะได้รับส่วนแบ่งย่อมเป็นสิ่งเกี่ยวพันกันไม่อาจแบ่งแยกจากกันได้ ข้อตกลงแบ่งที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 และ ช. ดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะทั้งสิ้น โจทก์ไม่มีสิทธิที่อ้างข้อตกลงแบ่งมรดกดังกล่าวมาฟ้องขอแบ่งที่ดินจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1577/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสะดุดหยุดเพราะลูกหนี้รับสภาพหนี้ ผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิด
อายุความสะดุดหยุดลงเพราะลูกหนี้รับสภาพหนี้ คดีไม่ขาดอายุความ ผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิดเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องขัดทรัพย์ประวิงคดีและการจำหน่ายคดีเนื่องจากไม่วางเงินประกัน
ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์โดยไม่มีมูลฟังได้ในเบื้องต้นว่าประวิงให้ชักช้าศาลชั้นต้นสั่งให้วางเงินประกันค่าเสียหาย 3,000 บาท ผู้ร้องไม่วางเงินตามกำหนด ศาลจำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การระบุตัวผู้รับแจ้งความในฟ้องไม่จำเป็นหากจำเลยทราบได้เอง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2516 เวลากลางวัน จำเลยได้นำเอาความอันเป็นเท็จไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอดอนเจดีย์ว่า โจทก์เมาสุราอาละวาดและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน เป็นการบรรยายฟ้องที่ได้ระบุบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้จะไม่ได้ระบุชื่อพนักงานสอบสวนว่าเป็นคนใด จำเลยเป็นผู้บังคับกองสถานีตำรวจภูธรอำเภอดอนเจดีย์ย่อมทราบดีว่า ตามวันเวลาที่โจทก์กล่าวหา พนักงานสอบสวนคนใดเป็นผู้รับแจ้งความของตนไว้ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การระบุตัวผู้รับแจ้งความไม่จำเป็นต้องระบุชื่อเฉพาะ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2516 เวลากลางวัน จำเลยได้นำเอาความอันเป็นเท็จไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอดอนเจดีย์ว่า โจทก์เมาสุราอาละวาดและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานเป็นการบรรยายฟ้องที่ได้ระบุบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่ จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้จะไม่ได้ระบุชื่อพนักงานสอบสวนว่าเป็นคนใด จำเลยเป็นผู้บังคับกองสถานีตำรวจภูธรอำเภอดอนเจดีย์ ย่อมทราบดีว่า ตามวันเวลาที่โจทก์กล่าวหา พนักงานสอบสวนคนใดเป็นผู้รับแจ้งความของตนไว้ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1437/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการชุลมุนทำร้ายร่างกาย: พฤติการณ์ต้องชัดเจนถึงเจตนา
ผู้เสียหายและฝ่ายจำเลยไม่รู้จักและไม่มีสาเหตุกันมาก่อน เหตุที่เกิดขึ้น เพราะการขับรถแย่งผู้โดยสารแล้วท้าทายทำร้ายกัน พวกจำเลยมีมีดเข้าแทงผู้เสียหายก่อนผู้เสียหายใช้ไม้ตี จำเลยซึ่งไม่มีอาวุธอะไรเข้าแย่งไม้แล้วตีผู้เสียหายการทำร้ายมีการชุลมุนไม่พอรับฟังว่าจำเลยกับพวกเลือกทำร้ายโดยถนัด บาดแผลที่ผู้เสียหายถูกแทงใกล้ๆกัน 2 แผลที่ราวนมซ้ายลึกเพียง 0.7 เซนติเมตร จะลึกเพียงแค่ผนังทรวงอก แผลที่กล้ามเนื้อแขนซ้ายท่อนบน 4 แผล ลึก 1 เซนติเมตร บาดแผลถูกตีที่ศรีษะ 2 แห่งไม่ปรากฏว่าทำให้กะโหลกศรีษะเป็นอันตรายถึงแตกหักบุบสลายหรือทำให้หมดสติ แสดงว่ามิได้ถูกแทงหรือตีโดยแรง ระหว่างชุลมุนทำร้าย มีผู้ร้องว่าตำรวจมา จำเลยกับพวกได้หลบหนีไป ไม่พอรับฟังว่าถ้าไม่มีผู้ร้องเช่นนั้น จำเลยกับพวกจะฆ่าผู้เสียหายพฤติการณ์ตามรูปคดีไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1437/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจากการแย่งผู้โดยสาร ไม่พอฟังว่ามีเจตนาฆ่า ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
ผู้เสียหายและฝ่ายจำเลยไม่รู้จักและไม่มีสาเหตุกันมาก่อน เหตุที่เกิดขึ้นเพราะการขับรถแย่งผู้โดยสารแล้วท้าทายทำร้ายกัน พวกจำเลยมีมีดเข้าแทงผู้เสียหายก่อน ผู้เสียหายใช้ไม้ตีจำเลยซึ่งไม่มีอาวุธอะไรเข้าแย่งไม้แล้วตีผู้เสียหาย การทำร้ายมีการชุลมุน ไม่พอรับฟังว่าจำเลยกับพวกเลือกทำร้ายโดยถนัด บาดแผลที่ผู้เสียหายถูกแทงใกล้ ๆ กัน 2 แผลที่ราวนมซ้าย ลึกเพียง 0.7 เซนติเมตร จะลึกเพียงแต่ผนังทรวงอก แผลที่กล้ามเนื้อแขนซ้ายท่อนบน 4 แผล ลึก 1 เซนติเมตร บาดแผลถูกตีที่ศีรษะ 2 แห่ง ไม่ปรากฏว่าทำให้กะโหลกศีรษะเป็นอันตรายถึงแตกหักยุบสลายหรือทำให้หมดสติ แสดงว่ามิได้ถูกแทงหรือตีโดยแรง ระหว่างชุลมุนทำร้าย มีผู้ร้องว่าตำรวจมา จำเลยกับพวกได้หลบหนีไป ไม่พอรับฟังว่าถ้าไม่มีผู้ร้องเช่นนั้น จำเลยกับพวกจะฆ่าผู้เสียหาย พฤติการณ์ตามรูปคดีไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนซื้อขายที่ดิน: พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายเมื่อมีเหตุเชื่อว่าเป็นการซื้อเพื่อประโยชน์คนต่างด้าว
โจทก์และ จ. ยื่นคำร้องต่อจำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ขอทำนิติกรรมซื้อขายที่ดิน ดังนี้ เมื่อพฤติการณ์ที่จำเลยทราบมาโดยการสืบสวนและสอบสวนทำให้จำเลยเห็นว่ามีกรณีควรเชื่อได้ว่าโจทก์จะซื้อที่ดินเพื่อประโยชน์แก่คนต่างด้าว ก็ย่อมเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะดำเนินการต่อไปเพื่อขอคำสั่งรัฐมนตรีตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 74 วรรค 2 และเมื่อได้ความว่าจำเลยกำลังดำเนินการสอบสวนพยานหลักฐานเพื่อเสนอรัฐมนตรีอยู่ ก็เป็นเรื่องที่จำเลยปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายดังกล่าวจึงย่อมไม่อาจบังคับจำเลยให้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับได้ศาลย่อมพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนซื้อขายที่ดิน - กรณีควรเชื่อได้ว่าซื้อเพื่อประโยชน์คนต่างด้าว - อำนาจหน้าที่พนักงานเจ้าหน้าที่
โจทก์และจ.ยื่นคำร้องต่อจำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ขอทำนิติกรรมซื้อขายที่ดิน ดังนี้ เมื่อพฤติการณ์ที่จำเลยทราบมาโดยการสืบสวนและสอบสวนทำให้จำเลยเห็นว่ามีกรณีควรเชื่อได้ว่าโจทก์จะซื้อที่ดินเพื่อประโยชน์แก่คนต่างด้าว ก็ย่อมเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะดำเนินการต่อไปเพื่อขอคำสั่งรัฐมนตรีตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 74 วรรค 2 และเมื่อได้ความว่าจำเลยกำลังดำเนินการสอบสวนพยานหลักฐานเพื่อเสนอรัฐมนตรีอยู่ ก็เป็นเรื่องที่จำเลยปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายดังกล่าว จึงย่อมไม่อาจบังคับจำเลยให้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามที่โจทก์ฟ้องบังคับได้ ศาลย่อมพิพากษายกฟ้อง