พบผลลัพธ์ทั้งหมด 727 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ได้เมื่อคดีอาญาไม่รับฟัง การยกฟ้องคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง
คดีอาญาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง ฎีกาไม่ได้ แม้ส่วนแพ่งทุนทรัพย์สูงฎีกาได้ ไม่ต้องห้าม ศาลก็ต้องฟังข้อเท็จจริงตามคดีอาญา และยกฟ้องคดีแพ่งในข้อเท็จจริงนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2411/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จและหมิ่นประมาทด้วยเอกสาร การลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้อง
อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขเป็นผู้บังคับบัญชามีหน้าที่สอบสวนความผิดทางวินัยแก่โจทก์ ซึ่งเป็นข้าราชการในกรม ฯ เมื่อจำเลยทำหนังสืออันมีข้อความเท็จร้องเรียนกล่าวหาโจทก์ต่ออธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข ซึ่งอาจทำให้โจทก์เสียหาย จึงเป็นการแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ข้อความที่จำเลยร้องเรียนกล่าวหาว่าโจทก์ประพฤติตนไม่สมควรเป็นไปในทำนองเรียกร้องเอาเงินจากจำเลย โดยไม่สุจริต จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ด้วย
ความผิดในฐานหมิ่นประมาท แม้จะกระทำด้วยเอกสารเป็นหนังสือร้องเรียน แต่ก็หาได้กระทำด้วยการโฆษณาไม่ จำเลยคงมีความผิดตามมาตรา 326 เท่านั้น แม้โจทก์จะมิได้อ้างบทมาตรานี้ในคำขอท้ายฟ้อง คงอ้างแต่มาตรา 328 ก็เป็นการอ้างบทมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 4
หากบทกฎหมายที่จำเลยกระทำผิดกรรมเดียวมีอัตราโทษเท่ากันอยู่ 2 บท ศาลก็ลงโทษบทหนึ่งบทใดในสองบทนั้น
ข้อความที่จำเลยร้องเรียนกล่าวหาว่าโจทก์ประพฤติตนไม่สมควรเป็นไปในทำนองเรียกร้องเอาเงินจากจำเลย โดยไม่สุจริต จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ด้วย
ความผิดในฐานหมิ่นประมาท แม้จะกระทำด้วยเอกสารเป็นหนังสือร้องเรียน แต่ก็หาได้กระทำด้วยการโฆษณาไม่ จำเลยคงมีความผิดตามมาตรา 326 เท่านั้น แม้โจทก์จะมิได้อ้างบทมาตรานี้ในคำขอท้ายฟ้อง คงอ้างแต่มาตรา 328 ก็เป็นการอ้างบทมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 4
หากบทกฎหมายที่จำเลยกระทำผิดกรรมเดียวมีอัตราโทษเท่ากันอยู่ 2 บท ศาลก็ลงโทษบทหนึ่งบทใดในสองบทนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2411/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานและหมิ่นประมาทด้วยเอกสาร การลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้อง
อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขเป็นผู้บังคับบัญชามีหน้าที่สอบสวนความผิดทางวินัยแก่โจทก์ซึ่งเป็นข้าราชการในกรมฯ เมื่อจำเลยทำหนังสืออันมีข้อความเท็จร้องเรียนกล่าวหาโจทก์ต่ออธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขซึ่งอาจทำให้โจทก์เสียหาย จึงเป็นการแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ข้อความที่จำเลยร้องเรียนมีความหมายไปในทางกล่าวหาว่าโจทก์ประพฤติตนไม่สมควรเป็นไปในทำนองเรียกร้องเอาเงินจากจำเลยโดยไม่สุจริต จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ด้วย
ความผิดในฐานหมิ่นประมาท แม้จะกระทำด้วยเอกสารเป็นหนังสือร้องเรียน แต่ก็หาได้กระทำด้วยการโฆษณาไม่จำเลยคงมีความผิดตามมาตรา 326 เท่านั้น แม้โจทก์จะมิได้อ้างบทมาตรานี้ในคำขอท้ายฟ้อง คงอ้างแต่มาตรา 328 ก็เป็นการอ้างบทมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 4
หากบทกฎหมายที่จำเลยกระทำผิดกรรมเดียวมีอัตราโทษเท่ากันอยู่ 2 บท ศาลก็ลงโทษบทหนึ่งบทใดในสองบทนั้น
ข้อความที่จำเลยร้องเรียนมีความหมายไปในทางกล่าวหาว่าโจทก์ประพฤติตนไม่สมควรเป็นไปในทำนองเรียกร้องเอาเงินจากจำเลยโดยไม่สุจริต จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ด้วย
ความผิดในฐานหมิ่นประมาท แม้จะกระทำด้วยเอกสารเป็นหนังสือร้องเรียน แต่ก็หาได้กระทำด้วยการโฆษณาไม่จำเลยคงมีความผิดตามมาตรา 326 เท่านั้น แม้โจทก์จะมิได้อ้างบทมาตรานี้ในคำขอท้ายฟ้อง คงอ้างแต่มาตรา 328 ก็เป็นการอ้างบทมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 4
หากบทกฎหมายที่จำเลยกระทำผิดกรรมเดียวมีอัตราโทษเท่ากันอยู่ 2 บท ศาลก็ลงโทษบทหนึ่งบทใดในสองบทนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2404/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องเงินบำนาญข้าราชการไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
สิทธิเรียกร้องเงินบำเหน็จบำนาญของจำเลยซึ่งเดิมเป็นทหารประจำการที่มีต่อกระทรวงกลาโหม ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2400/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จต้องเป็นข้อสำคัญในคดีอาญา การเบิกความเกี่ยวกับผู้รับของไม่ใช่ข้อสำคัญหากจำเลยมีพยานหลักฐานว่าผู้ถูกกล่าวหายอมรับว่าครอบครองทรัพย์
ในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องหาว่ายักยอกเครื่องมือและอุปกรณ์การทำเหมืองแร่ข้อสำคัญในคดีมีอยู่ว่า โจทก์ได้ครอบครองทรัพย์ดังกล่าวแล้วเบียดบังเอาเป็นของโจทก์โดยทุจริตหรือไม่ ในเมื่อในคดีนั้นโจทก์เองได้เบิกความรับว่าได้ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ดังกล่าวทำเหมืองแร่บางส่วน จึงถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองเครื่องมือและอุปกรณ์ทำเหมืองแร่นั้น ฉะนั้นที่จำเลยเบิกความว่าโจทก์เป็นผู้ลงชื่อรับเครื่องมือและอุปกรณ์ทำเหมืองแร่ดังกล่าวไป จึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี จำเลยไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2399/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ที่ขาดตอนไปแล้ว ไม่ถึงขั้นชิงทรัพย์ เพราะการขู่เกิดขึ้นภายหลัง
จำเลยลักไก่ 4 ตัวไปจากบ้านผู้เสียหาย ผู้เสียหายชวนเพื่อนบ้านออกติดตามไป 1 ชั่วโมงเศษ ถึงกระท่อมนาซึ่งอยู่ห่างบ้านผู้เสียหายประมาณ 100 เส้น คนละหมู่บ้านกัน พบเข่งไก่กับไก่ 4 ตัวอยู่ในกระท่อม จำเลยนั่งอยู่ใกล้เข่งไก่ ผู้เสียหายเข้าไปถามจำเลย จำเลยลุกขึ้นยืนถือเหล็กแหลมจ้องมาทางผู้เสียหายกับพวก ผู้เสียหายกับพวกจึงช่วยกันจับจำเลยไว้ ดังนี้ เมื่อจำเลยถือเหล็กแหลมจ้องขู่ผู้เสียหายนั้น การลักทรัพย์ของจำเลยขาดตอนไปแล้ว ไม่ใช่อยู่ในระหว่างพาทรัพย์ไป การขู่จะทำร้ายเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นภายหลัง มิได้ต่อเนื่องในการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ซื้อเรือนบนที่เช่า เจตนารื้อ: กรรมสิทธิ์ยังเป็นของเดิม เจ้าหนี้บังคับคดีได้
ซื้อเรือนที่ปลูกในที่เช่า เจตนารื้อไปในภายหน้าซึ่งไม่กำหนดแน่นอน เป็นการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ถ้าไม่ทำตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 เรือนยังเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของเดิม เจ้าหนี้ของเจ้าของเดิมยึดเรือนบังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2335/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจับกุมเจ้าพนักงาน: การกระทำความผิดซึ่งหน้า แม้เจ้าพนักงานทำหน้าที่อื่น
จำเลยไม่ยอมให้ร้อยตำรวจโท ว. จับกุม ได้ชกต่อยร้อยตำรวจโท ว.ที่จะเข้าจับกุมจำเลยซึ่งทำร้ายผู้อื่นซึ่งหน้า แม้ขณะเกิดเหตุร้อยตำรวจโท ว. จะเป็นร้อยเวรสอบสวนทำหน้าที่สอบสวน และไปนั่งในร้านอาหารที่เกิดเหตุ แต่ร้อยตำรวจโท ว.ก็เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ย่อมมีอำนาจจับกุมจำเลยซึ่งกระทำผิดซึ่งหน้า ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78 การที่ร้อยตำรวจโท ว.ทำหน้าที่ร้อยเวรสอบสวน และไปนั่งในร้านขายอาหาร ไม่ทำให้ ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการจับกุมผู้กระทำผิดซึ่งหน้า การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และทำร้ายเจ้าพนักงานเพราะเหตุกระทำการตามหน้าที่นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2220/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำด่า 'อีสัตว์ เดี๋ยวตบเสียนี่' เข้าข่ายดูหมิ่น ตามประมวลกฎหมายอาญา
ด่าว่า "อีสัตว์ เดี๋ยวตบเสียนี่" เป็นดูหมิ่นตามมาตรา 393
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชดใช้ค่าทรัพย์สินที่ถูกชิงทรัพย์: ราคาตั๋วจำนำไม่ใช่ราคาเอกสาร
พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยชิงเอาธนบัตร 740 บาท และตั๋วจำนำสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทราคา 300 บาท รวมเป็นเงิน 1,040 บาทของผู้เสียหายไป ขอให้ลงโทษและสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 1,040บาทแก่เจ้าทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนให้แก่ผู้เสียหาย ย่อมมีความหมายว่าสำหรับตั๋วจำนำนั้น ถ้าจำเลยไม่สามารถคืนได้ก็ให้จำเลยใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 300 บาท แต่เงินจำนวนนี้เป็นราคาที่จำนำทรัพย์ หาใช่ราคาของเอกสารตั๋วจำนำไม่และเมื่อในสำนวนไม่ปรากฏว่าเอกสารตั๋วจำนำมีราคาเท่าใด ศาลจึงไม่อาจสั่งให้จำเลยใช้ราคาตั๋วจำนำไปในคดีนี้ (อ้างฎีกาที่ 40/2508 และ1163/2509)