คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
กฤษณ์ โสภิตกุล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 727 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าต้องมีข้อตกลงที่แน่นอน การก่อสร้างก่อนสัญญาไม่ผูกพันคู่สัญญา
โจทก์เป็นบริษัทจำกัด จัดตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ที่จะก่อสร้างดำเนินกิจการโรงแรมและสำนักงานทันสมัยและมีความประสงค์จะให้ธนาคารตั้งที่ทำการในอาคารพาณิชย์ที่โจทก์จะสร้างขึ้นนั้นด้วย จำเลยเป็นธนาคารพาณิชย์ จดทะเบียน มีสำนักงานใหญ่ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีสำนักงานสาขาอยู่ในประเทศไทย เมื่อโจทก์ได้ทำการก่อสร้างอาคารได้เสนอให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทต่อผู้จัดการธนาคารจำเลยสาขาในประเทศไทย ผู้จัดการธนาคารจำเลยสาขาในประเทศไทยได้ไปดูสถานที่ที่โจทก์เสนอให้เช่า แล้วมีการเจรจากัน ต่อมาผู้จัดการธนาคารจำเลยสาขาในประเทศไทยมีหนังสือยืนยันว่าธนาคารจำเลยประสงค์จะเช่าอาคารของโจทก์ตามที่เจรจากัน แต่ขอให้โจทก์แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อแจ้งไปยังสำนักงานใหญ่โจทก์ได้แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมไป ธนาคารจำเลยได้ขอร้องให้เพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงรายการก่อสร้างอีกหลายอย่าง โจทก์ก็จัดการให้ ทั้งนี้ โดยโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่า อำนาจในการเช่าอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารจำเลย หาใช่อยู่ในอำนาจของผู้จัดการธนาคารจำเลยสาขาในประเทศไทยไม่ดังนี้ แม้ผู้จัดการธนาคารจำเลยสาขาในประเทศไทยจะเป็นตัวแทนสำนักงานใหญ่ติดต่อเช่าอาคารพิพาทก็ตาม แต่โจทก์จำเลยยังมิได้ตกลงกันในเรื่องราคาค่าเช่าเป็นที่แน่นอนซึ่งจำเลยถือเป็นข้อสาระสำคัญอันจะต้องได้รับอนุมัติจากสำนักงานใหญ่ก่อน และผู้จัดการธนาคารจำเลยสาขาในประเทศไทยก็ยังมิได้รับอนุมัติจากสำนักงานใหญ่ให้เช่าอาคารพิพาทด้วยจึงถือว่าโจทก์จำเลยยังมิได้มีสัญญาต่อกัน แม้โจทก์จะได้ก่อสร้างอาคารไปตามที่ผู้จัดการธนาคารจำเลยสาขาในประเทศไทยกำหนดหรือแก้ไขแบบแปลนในระหว่างเจรจากันก็เป็นเรื่องที่โจทก์กระทำไปเพื่อจูงใจให้ธนาคารจำเลยเช่าอาคารพิพาทหรือเชื่อว่าสำนักงานใหญ่ธนาคารจำเลยจะอนุมัติให้เช่าอาคารพิพาท โจทก์จึงจะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1971/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกโดยการข่มขู่และร้องด่า: การกระทำเข้าข่มขู่เพื่อให้เปิดหน้าต่าง ถือเป็นบุกรุก
ผู้เสียหายกับจำเลยเป็นญาติเคยไปมาหาสู่กัน จำเลยไปร้องด่าว่าผู้เสียหายที่ถนน แล้วขึ้นบันไดไปร้องด่าผู้เสียหาย ขู่เข็ญให้เปิดหน้าต่างบ้านนั้น จำเลยมีความผิดฐานบุกรุกตามมาตรา 365

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1959/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จในคดีอาญาถือเป็นข้อสำคัญในคดี ฟ้องสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเบิกความอันเป็นเท็จต่อศาลในการพิจารณาคดีอาญาที่โจทก์ถูกฟ้องหาว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 ว่าจำเลยได้รับคำบอกเล่าจากผู้อื่นถึงเรื่องที่โจทก์ยอมรับกับผู้นั้นว่าเป็นผู้พรากผู้เยาว์ไปจริง คำเบิกความดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอย่างหนึ่งที่ประกอบการรับฟังว่าโจทก์ได้พรากผู้เยาว์ไปจริงหรือไม่ ถือได้ว่าโจทก์บรรยายฟ้องให้เห็นว่าข้อความที่จำเลยเบิกความเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไรแล้ว ฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1919/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: แม้การได้มาจะโดยซื้อหรือรับไว้ ก็เป็นความผิดตามฟ้อง
คดีความผิดฐานรับของโจร โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยรับรถจักรยานที่ถูกลักไว้จาก บ.โดย บ.มอบให้ไปขาย แม้นำสืบว่าจำเลยซื้อรถจักรยานของกลางไว้จาก บ. แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยรับรถจักรยานของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิด ก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง อันจะต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 เพราะเหตุที่จำเลยได้รถจักรยานของกลางมาจะโดยซื้อหรือรับไว้ด้วยประการใด ก็ย่อมเป็นความผิดฐานรับของโจรตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับจ้างขนส่งต่อความเสียหายจากอุบัติเหตุและการคิดดอกเบี้ยค่าเสียหาย
โจทก์รับจ้างขนส่งยางรถยนต์ของบริษัท ย. โดยมอบหมายให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ล.รับขนส่งให้อีกทอดหนึ่ง ฉ.ลูกจ้างของจำเลยขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยโดยประมาท เป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ล.ที่บรรทุกยางรถยนต์ดังกล่าวแล่นสวนทางมา ทำให้ยางรถยนต์ที่บรรทุกมาตกลงไปจากรถ แล้วถูกคนร้ายลักไป โจทก์ได้ชำระราคายางรถยนต์ที่สูญหายให้แก่บริษัท ย.ไปแล้ว ดังนี้เห็นได้ว่า การที่ยางรถยนต์ถูกคนร้ายลักไป เกิดขึ้นเพราะความผิดของ ฉ.คนขับรถของจำเลยที่ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถบรรทุกยาง ซึ่งถ้าไม่ชน ก็คงไม่ถูกคนร้ายลักในที่เกิดเหตุการสูญหายของยางรถยนต์ จึงเป็นผลโดยตรงจากการละเมิด จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ในผลแห่งละเมิดของ ฉ.คนขับรถของจำเลยที่ชนรถบรรทุกยางรถยนต์
โจทก์ฟ้องในฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิของบริษัท ย. ชอบที่จะคิดดอกเบี้ยในจำนวนค่าสินไหมทดแทน นับแต่วันที่โจทก์ได้จ่ายเงินให้แก่บริษัท ย.ไป จะคิดดอกเบี้ยจากจำนวนเงินที่จ่ายไปตั้งแต่วันละเมิดหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากละเมิดทางรถยนต์: ผลโดยตรงของการชนและการคิดดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทน
โจทก์รับจ้างขนส่งยางรถยนต์ของบริษัท ย. โดยมอบหมายให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ล.รับขนส่งให้อีกทอดหนึ่ง ฉ.ลูกจ้างของจำเลยขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยโดยประมาท เป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ล.ที่บรรทุกยางรถยนต์ดังกล่าวแล่นสวนทางมา ทำให้ยางรถยนต์ที่บรรทุกมาตกลงไปจากรถ แล้วถูกคนร้ายลักไป โจทก์ได้ชำระราคายางรถยนต์ที่สูญหายให้แก่บริษัท ย.ไปแล้ว ดังนี้ เห็นได้ว่า การที่ยางรถยนต์ถูกคนร้ายลักไป เกิดขึ้นเพราะความผิดของ ฉ.คนขับรถของจำเลยที่ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถบรรทุกยาง ซึ่งถ้าไม่ชน ก็คงไม่ถูกคนร้ายลักในที่เกิดเหตุการณ์สูญหายของยางรถยนต์ จึงเป็นผลโดยตรงจากการละเมิด จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ในผลแห่งละเมิดของ ฉ.คนขับรถของจำเลยที่ชนรถบรรทุกยางรถยนต์
โจทก์ฟ้องในฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิของบริษัท ย.ชอบที่จะคิดดอกเบี้ยในจำนวนสินไหมทดแทน นับแต่วันที่โจทก์ได้จ่ายเงินให้แก่บริษัท ย.ไป จะคิดดอกเบี้ยจากจำนวนเงินที่จ่ายไปตั้งแต่วันละเมิดหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1786-1787/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าต้องลงมือจนสำเร็จ และกฎหมายยกเว้นโทษอาวุธปืนเมื่อปฏิบัติตามเงื่อนไข
จำเลยเพียงแต่ชักปืนจากเอว ยังไม่ทันได้ยกจ้องยิงไปทางผู้เสียหาย ก็ถูกผู้เสียหายใช้สันมีดตีศีรษะจนปืนหลุดจากมือ การลงมือจึงยังไม่เริ่มต้นขึ้น จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ(ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด นำไปขอรับอนุญาตหรือนำไปมอบให้นายทะเบียนท้องที่ได้แล้วแต่กรณีภายใน 90 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ โดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ เมื่อคดียังอยู่ในระหว่างเวลา 90 วัน ก็ต้องถือว่าในระหว่างระยะเวลานี้ กฎหมายได้ยกเว้นโทษให้แก่จำเลยแล้ว ศาลจึงต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์ และไม่ริบของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองวัตถุระเบิดเพื่อใช้ในกิจการของห้างหุ้นส่วนโดยได้รับอนุญาต แม้ใบอนุญาตออกในนามผู้จัดการ
ห้างหุ้นส่วนจำกัด จ. มี บ.เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ได้ประทานบัตรทำเหมืองแร่ที่บริเวณเขาศูนย์ 3 แปลง ใบอนุญาตให้มีและใช้วัตถุระเบิดออกให้ในนามของ บ.เป็นส่วนตัว แต่ก็ระบุมีไว้ใช้ในการทำเหมืองแร่ที่อยู่ในประทานบัตรของห้างหุ้นส่วนจำกัด จ.เห็นชัดว่าขออนุญาตมีเพื่อใช้ในกิจการของห้างดังกล่าว ดังนั้น การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการแผนกเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด จ.ในการปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้าง ได้นำแก๊ประเบิดตามใบอนุญาตดังกล่าวที่เก็บรักษาไว้ที่เหมืองแร่แปลงที่ 1 เพื่อไปใช้ยังแปลงที่ 3 ของห้างหุ้นส่วนจำกัดนายจ้าง จึงไม่มีความผิดฐานมีแก๊ประเบิดไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2518)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองวัตถุระเบิดเพื่อใช้ในกิจการเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วน โดยผู้จัดการแผนกเหมืองแร่ ไม่ถือว่ามีความผิด
ห้างหุ้นส่วนจำกัด จ.มี บ. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ได้ประทานบัตรทำเหมืองแร่ที่บริเวณเขาศูนย์ 3 แปลง ใบอนุญาตให้มีและใช้วัตถุระเบิดออกให้ในนามของ บ.เป็นส่วนตัว แต่ก็ระบุมีไว้ใช้ในการทำเหมืองแร่ที่อยู่ในประทานบัตรของห้างหุ้นส่วนจำกัด จ. เห็นชัดว่าขออนุญาตมีเพื่อใช้ในกิจการของห้างดังกล่าว ดังนั้น การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการแผนกเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด จ. ในการปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้าง ได้นำแก๊ประเบิดตามใบอนุญาตดังกล่าวที่เก็บรักษาไว้ที่เหมืองแร่แปลงที่ 1 เพื่อไปใช้ยังแปลงที่ 3 ของห้างหุ้นส่วนจำกัดนายจ้าง จึงไม่มีความผิดฐานมีแก๊ประเบิดไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2518)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1764/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของคำฟ้องความเท็จต่อศาล: การระบุความแตกต่างระหว่างคำเบิกความและคำให้การในชั้นสอบสวน
บรรยายฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นพยานโจทก์ในคดีปล้นทรัพย์ เบิกความเท็จต่อศาลว่าจำคนร้ายไม่ได้ อันเป็นความเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดี ซึ่งความจริงจำเลยเคยให้การในฐานะพยานในชั้นสอบสวนว่าจำคนร้ายได้ ดังนี้ แม้จะมิได้กล่าวให้ปรากฏชัดว่าความจริงเป็นดังที่จำเลยเบิกความหรือเป็นดังที่จำเลยให้การ ก็ย่อมเข้าใจได้แล้วว่าโจทก์กล่าวอ้างว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นความเท็จ ส่วนความจริงเป็นดังที่จำเลยได้ให้การไว้ในชั้นสอบสวนนั่นเอง และในคดีอาญาเรื่องปล้นทรัพย์ คำเบิกความของพยานในข้อที่ว่าจำคนร้ายได้หรือไม่นั้น ย่อมเป็นข้อสำคัญในคดี คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 ที่สมบูรณ์แล้ว
of 73