พบผลลัพธ์ทั้งหมด 727 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2809-2810/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาจะซื้อขายที่ดิน: การบอกกล่าวและการปฏิบัติตามมาตรา 387 และผลของการไม่โต้แย้งคำสั่งศาล
ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องได้และสั่งงดสืบพยานแล้วนัดฟังคำพิพากษาคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณา ก่อนศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีหากจำเลยเห็นว่าไม่ถูกต้องก็ชอบที่จะโต้แย้งไว้เพื่อจะได้อุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไป เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งไว้ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์ในปัญหาดังกล่าว
ตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์จำเลยมิได้ระบุชัดแจ้งว่าหากผู้ซื้อผิดนัดไม่นำเงินที่เหลือมาชำระให้แก่ผู้ขายตามกำหนดสัญญาจะซื้อขายเป็นอันเลิกกันทันทีแม้จะได้กำหนดเวลาการชำระหนี้ค่าที่ดินที่ค้างไว้แน่นอนแล้วก็ตาม แต่วัตถุประสงค์แห่งสัญญานั้นว่าโดยสภาพหรือโดยเจตนาที่คู่สัญญาแสดงไว้ มิใช่ว่าจะเป็นผลสำเร็จได้ก็แต่ด้วยการชำระหนี้ ณเวลาที่กำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 388 สัญญาจะซื้อขายดังกล่าวจึงต้องบังคับตามมาตรา 387 กล่าวคือ จำเลยผู้ขายจะต้องบอกกล่าวให้โจทก์ผู้ซื้อชำระหนี้ภายในระยะเวลาพอสมควรก่อน ถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาดังกล่าวนั้นจำเลยจึงจะบอกเลิกสัญญาเสียได้ หากยังมิได้ปฏิบัติเช่นนั้นจำเลยก็ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา
ตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์จำเลยมิได้ระบุชัดแจ้งว่าหากผู้ซื้อผิดนัดไม่นำเงินที่เหลือมาชำระให้แก่ผู้ขายตามกำหนดสัญญาจะซื้อขายเป็นอันเลิกกันทันทีแม้จะได้กำหนดเวลาการชำระหนี้ค่าที่ดินที่ค้างไว้แน่นอนแล้วก็ตาม แต่วัตถุประสงค์แห่งสัญญานั้นว่าโดยสภาพหรือโดยเจตนาที่คู่สัญญาแสดงไว้ มิใช่ว่าจะเป็นผลสำเร็จได้ก็แต่ด้วยการชำระหนี้ ณเวลาที่กำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 388 สัญญาจะซื้อขายดังกล่าวจึงต้องบังคับตามมาตรา 387 กล่าวคือ จำเลยผู้ขายจะต้องบอกกล่าวให้โจทก์ผู้ซื้อชำระหนี้ภายในระยะเวลาพอสมควรก่อน ถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาดังกล่าวนั้นจำเลยจึงจะบอกเลิกสัญญาเสียได้ หากยังมิได้ปฏิบัติเช่นนั้นจำเลยก็ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2785/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หัวหน้าการชลประทานราษฎร์ไม่มีอำนาจฟ้องละเมิดต่อการชลประทานที่ตนกำกับดูแล ต้องมีอำนาจพิเศษตามกฎหมาย
หัวหน้าการชลประทานส่วนราษฎร์ไม่มีอำนาจฟ้องผู้ทำละเมิดต่อการชลประทานราษฎร์ที่ตนเป็นหัวหน้า
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 33/2515)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 33/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2785/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หัวหน้าการชลประทานราษฎร์ไม่มีอำนาจฟ้องละเมิดต่อการชลประทานราษฎร์ที่ตนดูแล หากไม่มีอำนาจตามกฎหมายเฉพาะ
หัวหน้าการชลประทานส่วนราษฎร์ไม่มีอำนาจฟ้องผู้ทำละเมิดต่อการชลประทานราษฎร์ที่ตนเป็นหัวหน้า
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 33/2515)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 33/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2759/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างและผู้รับประกันภัยในกรณีละเมิด: การคิดดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทน
นายจ้างผู้ร่วมรับผิดกับลูกจ้างในกรณีละเมิดจะต้องเสียดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทนนับแต่วันละเมิดเช่นเดียวกับลูกจ้างผู้กระทำละเมิด
ผู้รับประกันวินาศภัยซึ่งเข้ารับช่วงสิทธิโดยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยซึ่งถูกกระทำละเมิดไป แล้วย่อมมีสิทธิขอให้คิดดอกเบี้ยในเงินจำนวนดังกล่าวจากผู้ละเมิดนับแต่วันที่ได้จ่ายเงินจำนวนนั้นไป จะขอให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดไม่ได้
ผู้รับประกันวินาศภัยซึ่งเข้ารับช่วงสิทธิโดยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยซึ่งถูกกระทำละเมิดไป แล้วย่อมมีสิทธิขอให้คิดดอกเบี้ยในเงินจำนวนดังกล่าวจากผู้ละเมิดนับแต่วันที่ได้จ่ายเงินจำนวนนั้นไป จะขอให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2759/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างลูกจ้างร่วมรับผิดละเมิด, ผู้รับประกันภัยรับช่วงสิทธิ: ดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทนเริ่มต้นต่างกัน
นายจ้างผู้ร่วมรับผิดกับลูกจ้างในกรณีละเมิดจะต้องเสียดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทนนับแต่วันละเมิดเช่นเดียวกับลูกจ้างผู้กระทำละเมิด
ผู้รับประกันวินาศภัยซึ่งเข้ารับช่วงสิทธิโดยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยซึ่งถูกกระทำละเมิดไปแล้วย่อมมีสิทธิขอให้คิดดอกเบี้ยในเงินจำนวนดังกล่าวจากผู้ละเมิดนับแต่วันที่ได้จ่ายเงินจำนวนนั้นไป จะขอให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดไม่ได้
ผู้รับประกันวินาศภัยซึ่งเข้ารับช่วงสิทธิโดยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยซึ่งถูกกระทำละเมิดไปแล้วย่อมมีสิทธิขอให้คิดดอกเบี้ยในเงินจำนวนดังกล่าวจากผู้ละเมิดนับแต่วันที่ได้จ่ายเงินจำนวนนั้นไป จะขอให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ยึดทรัพย์และข่มขืนใจเรียกรับเงิน ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148
จำเลยเป็นผู้บังคับกองสถานีตำรวจเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ยึดแร่ดีบุกกับหนังสือกำกับแร่เคลื่อนที่ของบริษัทเหมืองแร่ฯ แล้วข่มขืนใจให้ผู้จัดการเหมืองมอบเงินให้จำเลย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 เท่านั้น จำเลยไม่มีหน้าที่จับแร่ที่เขาขนมาโดยชอบ การที่จำเลยจับแร่ที่ขนมาจึงไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ หากแต่เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบที่จำเลยมีอยู่ในการจับ กรณีจึงไม่ต้องด้วยองค์ประกอบอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งสถานะทางสาธารณะของที่ดิน: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ขัดแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงแล้วว่า ทางพิพาทเป็นทางเดินซึ่งเจ้าของที่ดินอุทิศให้ทำถนนสาธารณะ เป็นทางสาธารณะ ฎีกามีใจความว่า ทางพิพาทเป็นภารจำยอมซึ่งคนในละแวกนั้นใช้เดินโดยเจ้าของที่ดินไม่ห้ามปรามเป็นทำนองว่าเจ้าของที่ดินไม่ได้อุทิศให้ไม่ใช่ทางสาธารณะนั้น เป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2428/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสัญญาซื้อขายและการกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ การเลิกสัญญาต้องเป็นไปตามกฎหมาย
หนังสือสัญญาจะซื้อขายมิได้ระบุไว้ว่า ถ้าผู้จะซื้อผิดสัญญา ไม่ผ่อนชำระราคาทรัพย์ที่ซื้อขายเป็นรายเดือนตามกำหนด ให้ผู้จะขายใช้สิทธิเลิกสัญญาได้ทันที และปรากฏว่าคู่สัญญามิได้มีเจตนาที่จะถือเอากำหนดเวลาผ่อนชำระราคาเป็นสารสำคัญตามสัญญา ฉะนั้น แม้ผู้จะซื้อผิดสัญญา ไม่ผ่อนชำระราคาทรัพย์ที่ซื้อขายเป็นรายเดือนตามวันที่กำหนดไว้ ผู้จะขายก็จะบอกเลิกสัญญาทันทีมิได้ หากแต่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 โดยต้องกำหนดระยะเวลาพอสมควร บอกกล่าวให้ผู้จะซื้อชำระหนี้ราคาทรัพย์ที่ ติดค้างอยู่ ต่อเมื่อผู้จะซื้อไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนดนั้น ผู้จะขายจึงจะเลิกสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2378/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์และฎีกาในคดีอาญาที่ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องเนื่องจากไม่มีมูล
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวง ข้อหายักยอกทรัพย์ ศาลแขวง ไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูลความผิดทางอาญา พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ กรณีเช่นนี้คู่ความต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.๒๔๙๙ มาตรา ๒๒ และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๐๓ มาตรา ๑๐ แม้โจทก์จะได้อุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงมา ก็ไม่ทำให้โจทก์มีอำนาจฎีกาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2378/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ในศาลแขวง: คดีไม่มีมูลอาญา ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงไม่ได้
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวง ข้อหายักยอกทรัพย์ ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูลความผิดทางอาญาพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ กรณีเช่นนี้คู่ความต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 มาตรา 22 และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2503 มาตรา 10 แม้โจทก์จะได้อุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงมาก็ไม่ทำให้โจทก์มีอำนาจฎีกาต่อไป