พบผลลัพธ์ทั้งหมด 727 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2047/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งกรรมสิทธิ์และการฟ้องซ้ำ: การบรรยายฟ้องที่เพียงพอต่อการเสนอคดีต่อศาล
คำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายว่าจำเลยอ้างว่าทรัพย์ทั้งหมดตามฟ้องเป็นของจำเลยรับมรดกจากบุตรโจทก์ จำเลยจะให้โจทก์กินหรือให้อาศัยอยู่หรือไม่ก็ได้ เมื่อโจทก์จะขอประนอมการพิพาทโดยจะแบ่งทรัพย์ตามฟ้องและอื่น ๆ ให้จำเลย จำเลยก็ไม่ยอมรับนั้น เป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่า จำเลยโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์แล้ว โจทก์จึงชอบที่จะเสนอคดีต่อศาลได้
คดีเดิม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นว่า ฟ้องโจทก์นอกจากที่นา 1 แปลงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ให้ยกฟ้อง คงให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เฉพาะฟ้องที่เกี่ยวกับที่นา โจทก์จึงมาฟ้องคดีใหม่เกี่ยวกับทรัพย์รายเดิม โดยบรรยายข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้เห็นว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว ย่อมทำได้ หาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือฟ้องซ้ำไม่
คดีเดิม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นว่า ฟ้องโจทก์นอกจากที่นา 1 แปลงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ให้ยกฟ้อง คงให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เฉพาะฟ้องที่เกี่ยวกับที่นา โจทก์จึงมาฟ้องคดีใหม่เกี่ยวกับทรัพย์รายเดิม โดยบรรยายข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้เห็นว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว ย่อมทำได้ หาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือฟ้องซ้ำไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2044/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายฝากที่ถูกยึดก่อนยึดทรัพย์ หนี้ไม่ระงับ ผู้ค้ำประกันยังผูกพัน
การตกลงทำสัญญาขายฝากที่ดิน โดยถือเอาหนี้เงินกู้เป็นราคาที่ขายฝากเป็นการแปลงหนี้ใหม่
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ที่ขายฝากไว้ก่อนขายฝาก ผู้ขายฝากไม่มีสิทธินำไปขายฝากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305(1) การขายฝากจึงมิได้เกิดมีขึ้น หนี้เงินกู้จึงไม่ระงับสิ้นไปผู้ค้ำประกันยังต้องผูกพันตามสัญญาค้ำประกันอยู่
การที่ลูกหนี้ถูกยึดทรัพย์แล้วเจ้าหนี้มิได้ดำเนินการเพื่อให้ได้เข้าเฉลี่ยหนี้นั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เจ้าหนี้เสียสิทธิที่จะฟ้องผู้ค้ำประกัน
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ที่ขายฝากไว้ก่อนขายฝาก ผู้ขายฝากไม่มีสิทธินำไปขายฝากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305(1) การขายฝากจึงมิได้เกิดมีขึ้น หนี้เงินกู้จึงไม่ระงับสิ้นไปผู้ค้ำประกันยังต้องผูกพันตามสัญญาค้ำประกันอยู่
การที่ลูกหนี้ถูกยึดทรัพย์แล้วเจ้าหนี้มิได้ดำเนินการเพื่อให้ได้เข้าเฉลี่ยหนี้นั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เจ้าหนี้เสียสิทธิที่จะฟ้องผู้ค้ำประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2044/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายฝากที่ดินหลังถูกยึด: หนี้ไม่ระงับ ผู้ค้ำประกันยังผูกพัน
การตกลงทำสัญญาขายฝากที่ดิน โดยถือเอาหนี้เงินกู้เป็นราคาที่ขายฝากเป็นการแปลงหนี้ใหม่
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ที่ขายฝากไว้ก่อนขายฝาก ผู้ขายฝากไม่มีสิทธินำไปขายฝากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305(1) การขายฝากจึงมิได้เกิดมีขึ้น หนี้เงินกู้จึงไม่ระงับสิ้นไปผู้ค้ำประกันยังต้องผูกพันตามสัญญาค้ำประกันอยู่
การที่ลูกหนี้ถูกยึดทรัพย์แล้วเจ้าหนี้มิได้ดำเนินการเพื่อให้ได้เข้าเฉลี่ยหนี้นั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เจ้าหนี้เสียสิทธิที่จะฟ้องผู้ค้ำประกัน
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ที่ขายฝากไว้ก่อนขายฝาก ผู้ขายฝากไม่มีสิทธินำไปขายฝากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305(1) การขายฝากจึงมิได้เกิดมีขึ้น หนี้เงินกู้จึงไม่ระงับสิ้นไปผู้ค้ำประกันยังต้องผูกพันตามสัญญาค้ำประกันอยู่
การที่ลูกหนี้ถูกยึดทรัพย์แล้วเจ้าหนี้มิได้ดำเนินการเพื่อให้ได้เข้าเฉลี่ยหนี้นั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เจ้าหนี้เสียสิทธิที่จะฟ้องผู้ค้ำประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2001/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำเบิกความผู้ร่วมกระทำผิด & คำรับสารภาพประกอบหลักฐานอื่น รับฟังลงโทษได้
คำเบิกความของผู้ที่ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ซึ่งพนักงานสอบสวนกันไว้เป็นพยานนั้น แม้จะมีน้ำหนักน้อย แต่ถ้ามีพยานอื่นประกอบก็รับฟังลงโทษจำเลยได้
คำเบิกความของพยานโจทก์ผู้กระทำผิดร่วมกับจำเลย ประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนและการที่จำเลยนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพชั้นสอบสวน รับฟังลงโทษจำเลยได้
คำเบิกความของพยานโจทก์ผู้กระทำผิดร่วมกับจำเลย ประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนและการที่จำเลยนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพชั้นสอบสวน รับฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2001/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานร่วมกระทำผิด+คำรับสารภาพประกอบหลักฐานอื่น ฟังลงโทษจำเลยได้
คำเบิกความของผู้ที่ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ซึ่งพนักงานสอบสวนกันไว้เป็นพยานนั้น แม้จะมีน้ำหนักน้อย แต่ถ้ามีพยานอื่นประกอบก็รับฟังลงโทษจำเลยได้
คำเบิกความของพยานโจทก์ผู้กระทำผิดร่วมกับจำเลย ประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนและการที่จำเลยนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพชั้นสอบสวน รับฟังลงโทษจำเลยได้
คำเบิกความของพยานโจทก์ผู้กระทำผิดร่วมกับจำเลย ประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนและการที่จำเลยนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพชั้นสอบสวน รับฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คที่ไม่สามารถใช้ได้ การหลอกลวงให้เข้าใจผิดถึงผู้สั่งจ่ายเช็ค
จำเลยใช้เช็คของ ส. และลงชื่อ ส. เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คนั้น แล้วมอบให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้ ทำให้ผู้เสียหายหลงผิดว่าจำเลยเป็น ส. ผู้มีอำนาจสั่งจ่าย แล้วผู้เสียหายไปรับเงินไม่ได้เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เช่นนี้ ถือเป็นการออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คโดยรู้ว่าไม่มีเงินจ่าย ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยออกเช็คให้ผู้เสียหายด้วยการใช้เช็คของ ส. และส่งชื่อของ ส. เป็นผู้สั่งจ่าย โดยทำให้ผู้เสียหายหลงผิดว่าจำเลย คือ ส. ผู้มีอำนาจสั่งจ่าย เมื่อผู้เสียหายรับเงินตามเช็คไม่ได้เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค เป็นความผิดตามมาตรา 3(1) พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ฯ
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 29/2514)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 29/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1980/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรบกวนการครอบครองโดยผู้ให้เช่า แม้จะมีการบอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว ก็ถือเป็นการบุกรุก
โจทก์ร่วมทำสัญญาเช่าห้องพิพาทมาจากจำเลยที่ 1 แม้โจทก์ร่วมจะเอาไปให้เช่าช่วง เมื่อการเช่าช่วงไม่มีหลักฐานการเช่า ก็ต้องถือว่าโจทก์ร่วมยังเป็นผู้ครอบครองห้องพิพาทนั้นอยู่โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่ากับจำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 1 ถือโอกาสให้ผู้เช่าช่วงอยู่ออกไปจากห้องพิพาทโดยโจทก์ร่วมไม่ทราบแล้วช่วงชิงใส่กุญแจห้องมิให้โจทก์ร่วมเข้าใช้ห้องพิพาท ถือได้ว่าเป็นการรบกวนการครอบครองของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดฐานบุกรุกตามมาตรา 362 ประมวลกฎหมายอาญา (อ้างฎีกาที่ 1/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1980/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรบกวนการครอบครองโดยการเปลี่ยนกุญแจห้องเช่า ถือเป็นความผิดฐานบุกรุก
โจทก์ร่วมทำสัญญาเช่าห้องพิพาทมาจากจำเลยที่ 1 แม้โจทก์ร่วมจะเอาไปให้เช่าช่วง เมื่อการเช่าช่วงไม่มีหลักฐานการเช่า ก็ต้องถือว่าโจทก์ร่วมยังเป็นผู้ครอบครองห้องพิพาทนั้นอยู่โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่ากับจำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 1 ถือโอกาสให้ผู้เช่าช่วงอยู่ออกไปจากห้องพิพาทโดยโจทก์ร่วมไม่ทราบแล้วช่วงชิงใส่กุญแจห้องมิให้โจทก์ร่วมเข้าใช้ห้องพิพาท ถือได้ว่าเป็นการรบกวนการครอบครองของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดฐานบุกรุกตามมาตรา 362 ประมวลกฎหมายอาญา
(อ้างฎีกาที่ 1/2512)
(อ้างฎีกาที่ 1/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1943/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: การยิงผู้ที่วิ่งหนีโดยไม่มีท่าทีจะหันกลับมาต่อสู้
จำเลยติดตามคนร้ายที่ลักเหล้าไปพบผู้ตายนั่งกินเหล้าอยู่ผู้ตายลุกขึ้นก้าวถอยหลังหนีแล้วควักปืนยิงจำเลย 1 นัด แล้วหันหลังวิ่ง แม้ขณะผู้ตายวิ่งไปได้ราว 3 วาเศษ ผู้ตายจะหักลำกล้องปืนและเอามือล้วงกระเป๋า ซึ่งปรากฏภายหลังว่ามีกระสุนปืนอยู่ในกระเป๋ากางเกงผู้ตาย 4 ลูก แต่ผู้ตายก็มิได้แสดงกิริยาว่าจะหันกลับมาต่อสู้ พอห่างจำเลย 16 - 17 วา จำเลยก็ยิงผู้ตายขณะผู้ตายกำลังวิ่งหันหลังให้ กระสุนปืนถูกผู้ตายด้านหลังถึงแก่ความตาย ดังนี้ เป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน