คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
กฤษณ์ โสภิตกุล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 727 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1640/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะขายที่ดินและการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ขาย ผู้ซื้อ และการจัดสรรที่ดิน โดยไม่ถือว่าเป็นการเชิดตัวแทน
จำเลยเคยทำหนังสือสัญญาจะขายที่ดินที่พิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 1717 ของโจทก์ให้แก่ ด. มีข้อความในสัญญาจะขายว่าผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อมีสิทธิครอบครองเหนือที่ดินแปลงนี้และเข้าทำประโยชน์ได้ทุกอย่าง ผู้ขายจะไปทำการรังวัดแบ่งแยกชี้แนวเขตให้กับผู้ซื้อนั้นแม้จำเลยรู้ว่า ด. นำที่ดินดังกล่าวไปจัดสรรแบ่งขายตลอดจนกระทำการรังวัดแบ่งแยกที่ดินเป็นแปลง ๆ ในนามของจำเลยก็ดี ไม่พอที่จะถือว่าจำเลยเชิด ด. เป็นตัวแทนจัดสรรที่ดิน การรังวัดแบ่งแยกเป็นเรื่องที่จำเลยปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ไปทำการรังวัดแบ่งแยกให้ ด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1640/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะขายที่ดิน, การครอบครองทำประโยชน์, ตัวแทนเชิด, นิติกรรมอำพราง, การปฏิบัติตามสัญญา
จำเลยเคยทำหนังสือสัญญาจะขายที่ดินที่พิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 1717 ของโจทก์ให้แก่ ด. มีข้อความในสัญญาจะขายว่าผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อมีสิทธิครอบครองเหนือที่ดินแปลงนี้และเข้าทำประโยชน์ได้ทุกอย่าง ผู้ขายจะไปทำการรังวัดแบ่งแยกชี้แนวเขตให้กับผู้ซื้อนั้น แม้จำเลยรู้ว่า ด. นำที่ดินดังกล่าวไปจัดสรรแบ่งขายตลอดจนกระทำการรังวัดแบ่งแยกที่ดินเป็นแปลง ๆ ในนามของจำเลยก็ดี ไม่พอที่จะถือว่าจำเลยเชิด ด. เป็นตัวแทนจัดสรรที่ดิน การรังวัดแบ่งแยกเป็นเรื่องที่จำเลยปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ไปทำการรังวัดแบ่งแยกให้ ด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1578/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการสั่งคุ้มครองชั่วคราวหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
โจทก์ฟ้องจำเลยให้โอนที่พิพาทตามข้อตกลงซื้อขาย โดยจำเลยได้ส่งมอบให้โจทก์ครอบครองมาตั้งแต่ซื้อขายกันแล้ว จำเลยให้การต่อสู้ว่าไม่เคยขายให้โจทก์ เป็นแต่ให้โจทก์เช่าทำนา ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์เช่าที่พิพาทของจำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ว่า โจทก์ทำนาพิพาทมาทุกปี จำเลยบุกรุกเข้าทำนาพิพาท ขอให้สั่งห้ามจำเลยมิให้เข้ารบกวนการครอบครองของโจทก์ไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ดังนี้ เป็นเรื่องขอให้คุ้มครองชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งไปได้ เมื่อศาลอุทธรณ์ยกคำร้องโดยเห็นว่าโจทก์ชอบที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้น และโจทก์ฎีกาคำสั่งต่อมา แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืน ให้ยกฟ้องโจทก์เสียแล้ว การที่ศาลฎีกาจะย้อนไปให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งใหม่ก็หาเป็นประโยชน์แก่โจทก์ในชั้นนี้ไม่ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฎีกาโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1578/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการคุ้มครองชั่วคราวหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
โจทก์ฟ้องจำเลยให้โอนที่พิพาทตามข้อตกลงซื้อขาย โดยจำเลยได้ส่งมอบให้โจทก์ครอบครองมาตั้งแต่ซื้อขายกันแล้ว จำเลยให้การต่อสู้ว่าไม่เคยขายให้โจทก์ เป็นแต่ให้โจทก์เช่าทำนา ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์เช่าที่พิพาทของจำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ว่า โจทก์ทำนาพิพาทมาทุกปี จำเลยบุกรุกเข้าทำนาพิพาท ขอให้สั่งห้ามจำเลยมิให้เข้ารบกวนการครอบครองของโจทก์ไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ดังนี้ เป็นเรื่องขอให้คุ้มครองชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งไปได้ เมื่อศาลอุทธรณ์ยกคำร้องโดยเห็นว่าโจทก์ชอบที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้น และโจทก์ฎีกาคำสั่งต่อมา แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืน ให้ยกฟ้องโจทก์เสียแล้ว การที่ศาลฎีกาจะย้อนไปให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งใหม่ก็หาเป็นประโยชน์แก่โจทก์ในชั้นนี้ไม่ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฎีกาโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้สัตยาบันการกระทำของกรรมการชุดเก่าโดยกรรมการชุดใหม่ ย่อมทำให้มติเดิมมีผลใช้ได้ แม้จะผิดระเบียบ
ที่ประชุมใหญ่สามัญของบริษัทได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เป็นกรรมการและลงมติให้คณะกรรมการชุดใหม่ให้สัตยาบันการกระทำของคณะกรรมการชุดเก่าได้ ดังนี้แม้มติที่ประชุมใหญ่วิสามัญซึ่งเรียกประชุมโดยคณะกรรมการชุดเก่าจะผิดระเบียบก็ตาม มติดังกล่าวก็ไม่เสียไปเพราะคณะกรรมการชุดใหม่ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทย่อมมีอำนาจให้สัตยาบันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้สัตยาบันกรรมการชุดใหม่ย่อมผูกพันบริษัท แม้มติเดิมจะผิดระเบียบ
ที่ประชุมใหญ่สามัญของบริษัทได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เป็นกรรมการและลงมติให้คณะกรรมการชุดใหม่ให้สัตยาบันการกระทำของคณะกรรมการชุดเก่าได้ ดังนี้ แม้มติที่ประชุมใหญ่วิสามัญซึ่งเรียกประชุมโดยคณะกรรมการชุดเก่าจะผิดระเบียบก็ตาม มติดังกล่าวก็ไม่เสียไปเพราะคณะกรรมการชุดใหม่ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทย่อมมีอำนาจให้สัตยาบันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1502/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปิดกั้นร่องน้ำสาธารณะโดยสุจริต: ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง แม้เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปิดกั้นร่องน้ำสาธารณะทำให้น้ำหยุดไหล ราษฎรได้รับความเดือดร้อนขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 375 ศาลชั้นต้นเห็นว่าร่องน้ำที่พิพาทเป็นร่องน้ำสาธารณะจำเลยไปปิดกั้นเข้าจึงมีความผิดพิพากษาลงโทษศาลอุทธรณ์ เห็นว่าร่องน้ำพิพาทเป็นร่องน้ำสาธารณะเช่นเดียวกันกับศาลชั้นต้น แต่จำเลยปิดกั้นโดยสุจริตโดยเชื่อว่ามีอำนาจปิดกั้นได้ จึงไม่มีความผิดพิพากษายกฟ้องจำเลยฎีกาขอให้วินิจฉัยว่าร่องน้ำพิพาทไม่ใช่ร่องน้ำสาธารณะตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดีโดยยกฟ้องโจทก์อยู่แล้วและร่องน้ำพิพาทจะเป็นร่องน้ำสาธารณะตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์หรือไม่นั้น ก็มิได้ทำให้จำเลยเสียสิทธิแต่ประการใด จึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1502/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปิดกั้นร่องน้ำสาธารณะโดยสุจริต แม้ขัดต่อกฎหมาย แต่ไม่มีความผิดทางอาญา หากศาลเชื่อถือ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปิดกั้นร่องน้ำสาธารณะทำให้น้ำหยุดไหลราษฎรได้รับความเดือดร้อน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 375 ศาลชั้นต้นเห็นว่าร่องน้ำที่พิพาทเป็นร่องน้ำสาธารณะจำเลยไปปิดกั้นเข้าจึงมีความผิดพิพากษาลงโทษ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าร่องน้ำพิพาทเป็นร่องน้ำสาธารณะเช่นเดียวกันกับศาลชั้นต้น แต่จำเลยปิดกั้นโดยสุจริต โดยเชื่อว่ามีอำนาจปิดกั้นได้ จึงไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง จำเลยฎีกาขอให้วินิจฉัยว่าร่องน้ำพิพาท ไม่ใช่ร่องน้ำสาธารณะตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดีโดยยกฟ้องโจทก์อยู่แล้วและร่องน้ำพิพาทจะเป็นร่องน้ำสาธารณะตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์หรือไม่นั้น ก็มิได้ทำให้จำเลยเสียสิทธิแต่ประการใดจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: ความผิดหลายกรรมต่างกัน แม้ฟ้องแยกกระทง สิทธิฟ้องไม่ระงับ
การที่จำเลยมีลูกระเบิดมือไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต และใช้ระเบิดมือนั้นในการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ถือว่าเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เมื่อโจทก์แยกฟ้องกระทงความผิดนั้น ส่วนกระทงความผิดที่จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายฐานต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานนั้นเป็นอีกกระทงหนึ่งซึ่งยังไม่มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงไม่ระงับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีอาญา: ความผิดฐานมีวัตถุระเบิดกับพยายามฆ่าเจ้าพนักงานเป็นคนละกรรมกัน
การที่จำเลยมีลูกระเบิดมือไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาตและใช้ระเบิดมือนั้นในการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ถือว่าเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เมื่อโจทก์แยกฟ้องและศาลลงโทษจำเลยฐานมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองแล้ว คดีย่อมเสร็จเด็ดขาดเฉพาะกระทงความผิดนั้น ส่วนกระทงความผิดที่จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายฐานต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานนั้น เป็นอีกกระทงหนึ่งซึ่งยังไม่มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4) สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงไม่ระงับ
of 73