พบผลลัพธ์ทั้งหมด 727 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 60/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำเตือนพนักงานตรวจแรงงานไม่ใช่ข้อบังคับและไม่สร้างความผิดให้นายจ้าง นายจ้างมีสิทธิฟ้องเพิกถอนคำเตือน
คำเตือนของพนักงานตรวจแรงงานตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน วันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 77 ให้จ่ายเงินชดเชยแก่ลูกจ้าง มิใช่บทบังคับให้นายจ้างต้องปฏิบัติตาม มิใช่เป็นองค์ประกอบความผิดของนายจ้าง ซึ่งนายจ้างมีอยู่ก่อนคำเตือนแล้วไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิที่นายจ้างจะฟ้องอธิบดีกรมแรงงานและพนักงานตรวจแรงงานที่จะฟ้องให้เพิกถอนคำเตือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการออกข้อกำหนดต้องสมเหตุผล เพื่อรักษาความเรียบร้อยและกระบวนการพิจารณาเท่านั้น
การที่ศาลจะออกข้อกำหนดใดๆ โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30 จะต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาความเรียบร้อยในบริเวณศาล และเพื่อให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปตามเที่ยงธรรมและรวดเร็วเท่านั้น
ท.เรียกเอาเงินจากจำเลยและคู่ความคดีอื่นโดยอ้างว่าเป็นค่าเขียนคำร้องศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามมิให้ ท.เข้ามาในบริเวณศาลในวันเปิดทำการ ซึ่งรวมทั้งวันอื่นๆ ต่อมาไม่ว่ากรณีใดๆ จึงเป็นการเกินเลยบทบัญญัติมาตราดังกล่าวและไม่ชอบ ดังนั้น ต่อมา ท. มีเหตุจำเป็นเข้ามาในบริเวณศาลในขณะที่ศาลเปิดทำการ อ้างว่าเป็นเพื่อน ส. เพื่อฟังศาลตัดสินเรื่องบุตรชาย ส.ถูกฟ้องกับ ข.ทนายความให้นำเงินมาให้ที่ศาล ท.มิได้เข้ามาในบริเวณศาลเพื่อสร้างความเดือนร้อนแก่ประชาชน การกระทำของ ท.หาเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลไม่
ท.เรียกเอาเงินจากจำเลยและคู่ความคดีอื่นโดยอ้างว่าเป็นค่าเขียนคำร้องศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามมิให้ ท.เข้ามาในบริเวณศาลในวันเปิดทำการ ซึ่งรวมทั้งวันอื่นๆ ต่อมาไม่ว่ากรณีใดๆ จึงเป็นการเกินเลยบทบัญญัติมาตราดังกล่าวและไม่ชอบ ดังนั้น ต่อมา ท. มีเหตุจำเป็นเข้ามาในบริเวณศาลในขณะที่ศาลเปิดทำการ อ้างว่าเป็นเพื่อน ส. เพื่อฟังศาลตัดสินเรื่องบุตรชาย ส.ถูกฟ้องกับ ข.ทนายความให้นำเงินมาให้ที่ศาล ท.มิได้เข้ามาในบริเวณศาลเพื่อสร้างความเดือนร้อนแก่ประชาชน การกระทำของ ท.หาเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจศาลในการออกข้อกำหนดรักษาความเรียบร้อย - การละเมิดอำนาจศาลต้องมีเหตุผลความจำเป็น
การที่ศาลจะออกข้อกำหนดใด ๆ โดยอาศัยอำนาจตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30 จะต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาความเรียบร้อยในบริเวณศาล และเพื่อให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปตามเที่ยงธรรมและรวดเร็วเท่านั้น
ท.เรียกเอาเงินจากจำเลยและคู่ความคดีอื่นโดยอ้างว่าเป็นค่าเขียนคำร้องศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามมิให้ ท. เข้ามาในบริเวณศาลในวันเปิดทำการซึ่งรวมทั้งวันอื่น ๆ ต่อมาไม่ว่ากรณีใด ๆ จึงเป็นการเกินเลยบทบัญญัติมาตราดังกล่าวและไม่ชอบ ดังนั้น ต่อมา ท. มีเหตุจำเป็นเข้ามาในบริเวณศาลในขณะที่ศาลเปิดทำการ อ้างว่าเป็นเพื่อน ส.เพื่อฟังศาลตัดสินเรื่องบุตรชายส. ถูกฟ้องกับ ช.ทนายความให้นำเงินมาให้ที่ศาลท. มิได้เข้ามาในบริเวณศาลเพื่อสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนการกระทำของท. หาเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลไม่
ท.เรียกเอาเงินจากจำเลยและคู่ความคดีอื่นโดยอ้างว่าเป็นค่าเขียนคำร้องศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามมิให้ ท. เข้ามาในบริเวณศาลในวันเปิดทำการซึ่งรวมทั้งวันอื่น ๆ ต่อมาไม่ว่ากรณีใด ๆ จึงเป็นการเกินเลยบทบัญญัติมาตราดังกล่าวและไม่ชอบ ดังนั้น ต่อมา ท. มีเหตุจำเป็นเข้ามาในบริเวณศาลในขณะที่ศาลเปิดทำการ อ้างว่าเป็นเพื่อน ส.เพื่อฟังศาลตัดสินเรื่องบุตรชายส. ถูกฟ้องกับ ช.ทนายความให้นำเงินมาให้ที่ศาลท. มิได้เข้ามาในบริเวณศาลเพื่อสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนการกระทำของท. หาเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการเรียกคืนเงินค่าจ้าง และการอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์
เมื่อเลิกสัญญาจ้างทำของผู้ว่าจ้างเรียกเงินที่ผู้รับจ้างรับล่วงหน้าไปคืน ไม่ใช่กรณีผู้รับจ้างเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) มีอายุความ 10 ปี ตาม มาตรา 164
จำเลยขอให้เรียกคนภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลยกคำร้องจำเลยอุทธรณ์คำสั่งแต่ศาลไม่รับอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์คำสั่งนี้เมื่อศาลพิพากษาแล้ว ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ศาลไม่รับนั้นเป็นการโต้แย้งคำสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา226 จึงอุทธรณ์ไม่ได้
จำเลยขอให้เรียกคนภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลยกคำร้องจำเลยอุทธรณ์คำสั่งแต่ศาลไม่รับอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์คำสั่งนี้เมื่อศาลพิพากษาแล้ว ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ศาลไม่รับนั้นเป็นการโต้แย้งคำสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา226 จึงอุทธรณ์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2904/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถทางแยก: ผู้ขับขี่ทั้งสองฝ่ายประมาท แต่จำเลยต้องรับผิดชอบ
การที่จำเลยขับรถมาด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงทางร่วมทางแยกและมีป้ายบอกทางแยกไว้อย่างชัดแจ้ง แต่จำเลยไม่ชะลอความเร็วของรถลงตามกฎหมายบัญญัติไว้ทั้งขับรถหลบไปทางด้านขวาของทางไปชนรถเก๋งซึ่งแล่นออกมาจากทางแยกและกำลังอยู่ในช่องทางของรถเก๋ง เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายถือได้ว่าจำเลยขับรถด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง แม้ผู้ตายจะเป็นฝ่ายประมาทอยู่ด้วย ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นผิดไปได้ แต่ก็เป็นเหตุอันสมควรลงโทษจำเลยสถานเบา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2802/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งประเด็น, เอกสารหลักฐาน, และหน้าที่ตามสัญญา: ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาเดิม
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นแก้ไขประเด็นหน้าที่นำสืบใหม่และระบุว่าหากศาลพิพากษาเห็นว่าไม่ควรแก้ไขให้ถือตามประเด็นเดิม จำเลยก็จะถือคำร้องฉบับนี้ เป็นคำร้องคัดค้านการกำหนดประเด็น เพื่อประโยชน์ในการอุทธรณ์ฎีกานั้น เป็นแต่เพียงการแสดงความประสงค์ของจำเลยไว้ล่วงหน้า ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่ง ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งคำสั่งของศาลตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2)
เอกสารท้ายคำให้การยอ่มถือเป็นส่วนหนึ่งของคำให้การด้วย เมื่อเอกสาร ล.1ซึ่งเป็นสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อความเป็นอย่างเดียวกับสำเนาสัญญาการจำหน่ายแก๊สปิโตรเลี่ยมท้ายคำให้การจำเลย ดังนั้น แม้โจทก์มิได้ระบุอ้างเอกสาร ล.1ก็เป็นอำนาของศาลที่จะหยิบยกเอาข้อความในเอกสาร ล.1 ซึ่งเป็นประเด็นและพยนหลักฐานในสำนวนนี้ขึ้นมาเป็นข้อวินิจฉัยได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
ข้อเท็จจริงที่จำเลยอ้างขึ้นใหม่ในชั้นฎีกา ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
เอกสารท้ายคำให้การยอ่มถือเป็นส่วนหนึ่งของคำให้การด้วย เมื่อเอกสาร ล.1ซึ่งเป็นสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อความเป็นอย่างเดียวกับสำเนาสัญญาการจำหน่ายแก๊สปิโตรเลี่ยมท้ายคำให้การจำเลย ดังนั้น แม้โจทก์มิได้ระบุอ้างเอกสาร ล.1ก็เป็นอำนาของศาลที่จะหยิบยกเอาข้อความในเอกสาร ล.1 ซึ่งเป็นประเด็นและพยนหลักฐานในสำนวนนี้ขึ้นมาเป็นข้อวินิจฉัยได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
ข้อเท็จจริงที่จำเลยอ้างขึ้นใหม่ในชั้นฎีกา ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2802/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดประเด็นหน้าที่นำสืบ, เอกสารประกอบคำให้การ, และหน้าที่ตามสัญญา การวินิจฉัยนอกประเด็น
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นแก้ไขประเด็นหน้าที่นำสืบใหม่และระบุว่าหากศาลพิจารณาเห็นว่าไม่ควรแก้ไขให้ถือตามประเด็นเดิม จำเลยก็จะถือคำร้องฉบับนี้เป็นคำร้องคัดค้านการกำหนดประเด็น เพื่อประโยชน์ในการอุทธรณ์ฎีกานั้น เป็นแต่เพียงการแสดงความประสงค์ของจำเลยไว้ล่วงหน้า ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่ง ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งคำสั่งของศาลตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2)
เอกสารท้ายคำให้การย่อมถือเป็นส่วนหนึ่งของคำให้การด้วย เมื่อเอกสาร ล.1 ซึ่งเป็นสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อความเป็นอย่างเดียวกับสำเนาสัญญาการจำหน่ายแก๊สปิโตรเลี่ยม ท้ายคำให้การจำเลย ดังนั้น แม้โจทก์มิได้ระบุอ้างเอกสาร ล.1 ก็เป็นอำนาจของศาลที่จะหยิบยกเอาข้อความในเอกสาร ล.1 ซึ่งเป็นประเด็นและพยานหลักฐานในสำนวนขึ้นมาเป็นข้อวินิจฉัยได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
ข้อเท็จจริงที่จำเลยอ้างขึ้นใหม่ในชั้นฎีกา ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
เอกสารท้ายคำให้การย่อมถือเป็นส่วนหนึ่งของคำให้การด้วย เมื่อเอกสาร ล.1 ซึ่งเป็นสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อความเป็นอย่างเดียวกับสำเนาสัญญาการจำหน่ายแก๊สปิโตรเลี่ยม ท้ายคำให้การจำเลย ดังนั้น แม้โจทก์มิได้ระบุอ้างเอกสาร ล.1 ก็เป็นอำนาจของศาลที่จะหยิบยกเอาข้อความในเอกสาร ล.1 ซึ่งเป็นประเด็นและพยานหลักฐานในสำนวนขึ้นมาเป็นข้อวินิจฉัยได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
ข้อเท็จจริงที่จำเลยอ้างขึ้นใหม่ในชั้นฎีกา ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2769/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการเรียกร้องค่าจ้างจากสัญญาจ้างทำของ เริ่มนับแต่วันเลิกสัญญา
จำเลยจ้างโจทก์ซึ่งเป็นทนายความให้ดำเนินคดีให้จำเลย สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาจ้างทำของ จำเลยผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605 เมื่อเลิกจ้างแล้วจำเลยต้องใช้เงินให้โจทก์ตามควรค่าแห่งการงานที่โจทก์ทำ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคสาม สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามมาตรานี้เกิดขึ้นเมื่อเลิกสัญญากัน และมีอายุความ 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(15)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2752/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานและเอกสารราชการ: การกระทำกรรมต่างกัน
ในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำเลยกรอกใบสมัครด้วยตนเองว่าจำเลยมียศร้อยโทยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัด กับแจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งมีหน้าที่สอบสวนคุณสมบัติให้จดข้อความอันเป็นเท็จลงในบันทึกการสอบสวนว่าจำเลยมียศร้อยโท โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จ ดังนี้ การกระทำของจำเลยแยกได้เป็น 2 ตอน คือจำเลยเอาใบสมัครมายื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตอนหนึ่ง กับเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดรับใบสมัครของจำเลยแล้วทำการสอบสวนปากคำจำเลยถึงเรื่องคุณสมบัติของจำเลยอีกตอนหนึ่ง การที่จำเลยเขียนใบสมัครว่ามียศร้อยโทมายื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น เป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานแล้ว และการกระทำของจำเลยในตอนยื่นใบสมัครนี้เป็นคนละกรรมกับการกระทำในตอนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสอบสวนคุณสมบัติของจำเลยแล้วจำเลยแจ้งว่ามียศร้อยโท อันเป็นความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความเท็จลงในเอกสารราชการหาใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2752/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จและจดข้อความเท็จลงในเอกสารราชการ: ความผิดแยกกระทง
ในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำเลยกรอกใบสมัครด้วยตนเองว่าจำเลยมียศร้อยโทยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัด กับแจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งมีหน้าที่สอบสวนคุณสมบัติให้จดข้อความอันเป็นเท็จลงในบันทึกการสอบสวนว่า จำเลยมียศร้อยโท โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จ ดังนี้ การกระทำของจำเลยแยกได้เป็น 2 ตอน คือจำเลยเอาใบสมัครมายื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตอนหนึ่ง กับเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดรับใบสมัครของจำเลยแล้วทำการสอบสวนปากคำจำเลยถึงเรื่องคุณสมบัติของจำเลยอีกตอนหนึ่ง การที่จำเลยเขียนใบสมัครว่ามียศร้อยโทมายื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น เป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานแล้ว และการกระทำของจำเลยในตอนยื่นใบสมัครนี้เป็นคนละกรรมกับการกระทำในตอนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสอบสวนคุณสมบัติของจำเลยแล้วจำเลยแจ้งว่ามียศร้อยโท อันเป็นความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความเท็จลงในเอกสารราชการ หาใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวไม่