พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,162 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของเช่าซื้อในการติดตามเรียกคืนทรัพย์สินจากผู้รับจำนำ แม้มีข้อจำกัดตามพรบ.โรงรับจำนำ
เจ้าของจักรได้ให้เช่าซื้อจักรไปโดยมีข้อสัญญาว่าผู้เช่าซื้อจะไม่นำไปจำนำแก่บุคคลอื่น เมื่อผู้เช่าซื้อนำไปจำนำ โจทก์ผู้เป็นเจ้าของชอบที่จะกลับเข้าครอบครองจักรรายพิพาทได้ และใช้สิทธิติดตามฟ้องเรียกคืนจากผู้รับจำนำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 เว้นแต่ผู้รับจำนำจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ แต่ปรากฏว่าเวลาที่รับจำนำจักรรายพิพาทยังอยู่ในระหว่างเวลาที่พระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2480 และพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2484 ยังใช้บังคับ ซึ่งกำหนดให้โรงรับจำนำรับจำนำแต่ละรายไม่เกิน 400 บาท เมื่อผู้รับจำนำรับจำนำไว้แต่ละรายเกินกว่า 400 บาท ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำดังกล่าว ส่วนพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ.2505 ก็ไม่อาจนำมาใช้บังคับ เพราะผู้รับจำนำรับจำนำไว้ก่อน โจทก์ไม่จำต้องนำสืบว่าผู้เช่าซื้อมีเจตนาทุจริตหรือไม่และไม่จำต้องฟ้องเรียกร้องตามสัญญาจากผู้ค้ำประกันก่อน โจทก์มีสิทธิติดตามฟ้องเรียกจักรรายพิพาทคืนจากผู้รับจำนำได้โดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีสัญญาประนีประนอมยอมความ: ศาลไม่อาจบังคับคดีเมื่อทรัพย์ตามสัญญาถูกขายไปแล้ว
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลระบุว่าทรัพย์ส่วนใดแบ่งให้โจทก์และทรัพย์ส่วนใดแบ่งให้จำเลย ทรัพย์ที่โจทก์จำเลยได้รับแบ่งไปเป็นส่วนของตนนี้มีสัญญายอมความอีกข้อหนึ่งบังคับไว้ว่า ทั้งโจทก์จำเลยจะต้องทำพินัยกรรมยกทรัพย์นั้นๆให้แก่บุตรของโจทก์และจำเลย ต่อมาโจทก์เอาทรัพย์ส่วนแบ่งตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีข้อผูกมัดให้โจทก์ต้องทำพินัยกรรมยกให้แก่บุตรนั้นไปขายให้แก่บุคคลอื่นเสียบางส่วน เช่นนี้จึงเป็นกรณีที่ไม่สามารถจะบังคับให้โจทก์ผู้เป็นลูกหนี้ปฏิบัติตามคำบังคับที่จำเลยร้องขอให้จับขังโจทก์ได้ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297 ที่ศาลจะมีคำสั่งจับกุมและกักขังโจทก์ ผู้เป็นลูกหนี้ให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความเมื่อมีการขายทรัพย์ตามพินัยกรรม: ศาลไม่อาจบังคับคดีได้
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลระบุว่าทรัพย์ส่วนใดแบ่งให้โจทก์และทรัพย์ส่วนใดแบ่งให้จำเลย ทรัพย์ที่โจทก์จำเลยได้รับแบ่งไปเป็นส่วนของตนนี้มีสัญญายอมความอีกข้อหนึ่งบังคับไว้ว่า ทั้งโจทก์จำเลยจะต้องทำพินัยกรรมยกทรัพย์นั้น ๆ ให้แก่บุตรของโจทก์และจำเลย ต่อมาโจทก์เอาทรัพย์ส่วนแบ่งตาม สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีข้อผูกมัดให้โจทก์ต้องทำพินัยกรรม ยกให้แก่บุตรนั้นไปขายให้แก่บุคคลอื่นเสียบางส่วน เช่นนี้จึงเป็นกรณี ที่ไม่สามารถจะบังคับให้โจทก์ผู้เป็นลูกหนี้ปฏิบัติตามคำบังคับที่จำเลยร้องขอให้จับขังโจทก์ได้ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297 ที่ศาลจะมีคำสั่งจับกุมและกักขังโจทก์ ผู้เป็นลูกหนี้ให้ ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางสาธารณประโยชน์ & ภารจำยอม: การอุทิศที่ดินโดยปริยาย, การละเมิด, ค่าเสียหาย
บรรยายฟ้องว่าทางเดินตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์และตอนต่อไปบรรยายว่าทางเดินนี้ตกเป็นทางสาธารณประโยชน์แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะทางเดินอาจตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินรายอื่น และก็อาจกลายสภาพเป็นทางสาธารณะได้ ซึ่งเมื่อเป็นทางเดินสาธารณะแล้วสิทธิในภารจำยอมของเจ้าของที่ดินรายอื่นก็ย่อมถูกกลืนหมดสภาพไปในตัว
พฤติการณ์ที่ถือว่าเป็นการอุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยาย
รับซื้อที่ดินที่เจ้าของเดิมได้อุทิศบางส่วนให้เป็นทางสาธารณประโยชน์ไปโดยปริยายแล้ว แม้ที่ดินส่วนนั้นจะอยู่ในเขตโฉนดที่ดินที่รับซื้อไว้ ผู้ซื้อที่ดินนั้นก็ไม่มีสิทธิที่จะยึดถือเอาเป็นของตนได้ และแม้จะมีผู้ทำหลังคาและชายคารุกล้ำที่ดินส่วนนั้น ผู้ซื้อที่ดินก็มิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องให้ตัดหลังคาและชายคาได้
กั้นรั้วสังกะสีปิดหน้าบ้านของโจทก์จนโจทก์ไม่มีทางที่จะออกไปสู่ทางสาธารณประโยชน์ และทำการค้าขายไม่ได้ตามที่เคย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้อง
ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิดของจำเลยตั้งแต่วันฟ้องซึ่งศาลพิพากษาบังคับให้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(4) ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอนาคต
พฤติการณ์ที่ถือว่าเป็นการอุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยาย
รับซื้อที่ดินที่เจ้าของเดิมได้อุทิศบางส่วนให้เป็นทางสาธารณประโยชน์ไปโดยปริยายแล้ว แม้ที่ดินส่วนนั้นจะอยู่ในเขตโฉนดที่ดินที่รับซื้อไว้ ผู้ซื้อที่ดินนั้นก็ไม่มีสิทธิที่จะยึดถือเอาเป็นของตนได้ และแม้จะมีผู้ทำหลังคาและชายคารุกล้ำที่ดินส่วนนั้น ผู้ซื้อที่ดินก็มิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องให้ตัดหลังคาและชายคาได้
กั้นรั้วสังกะสีปิดหน้าบ้านของโจทก์จนโจทก์ไม่มีทางที่จะออกไปสู่ทางสาธารณประโยชน์ และทำการค้าขายไม่ได้ตามที่เคย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้อง
ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิดของจำเลยตั้งแต่วันฟ้องซึ่งศาลพิพากษาบังคับให้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(4) ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอนาคต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางสาธารณประโยชน์ & ภารจำยอม: การอุทิศที่ดินโดยปริยาย & การละเมิดสิทธิในการใช้ทาง
บรรยายฟ้องว่าทางเดินตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ และตอนต่อไปบรรยายว่าทางเดินนี้ตกเป็นทางสาธารณะประโยชน์แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะทางเดินอาจตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินรายอื่น และก็อาจกลายสภาพเป็นทางสาธารณได้ ซึ่งเมื่อเป็นทางเดินสาธารณะแล้ว สิทธิ์ในภารจำยอมของเจ้าของที่ดินรายอื่นก็ย่อมถูกกลืนหมดสภาพไปในตัว
พฤติการณ์ที่ถือว่าเป็นการอุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยาย
รับซื้อที่ดินที่เจ้าของเดิมได้อุทิศบางส่วนให้เป็นทางสาธารณประโยชน์ไปโดยปริยายแล้ว แม้ที่ดินส่วนนั้นจะอยู่ในเขตโฉนดที่ดินที่รับซื้อไว้ ผู้ซื้อที่ดินนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะยึดถือเอาเป็นของตนได้ และแม้จะมีผู้ทำหลังคาและชายคารุกล้ำที่ดินส่วนนั้นผู้ซื้อที่ดินก็มิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องให้ตัดหลังคาและชายคาได้
กั้นรั้วสังกะสีปิดหน้าบ้านของโจทก์จนโจทก์ไม่มีทางที่จะออกไปสู่ทางสาธารณประโยชน์และทำการค้าขายไม่ได้ตามที่เคย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้อง
ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิดของจำเลยตั้งแต่วันฟ้อง ซึ่งศาลพิพากษาบังคับให้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (4) ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอนาคต
พฤติการณ์ที่ถือว่าเป็นการอุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยาย
รับซื้อที่ดินที่เจ้าของเดิมได้อุทิศบางส่วนให้เป็นทางสาธารณประโยชน์ไปโดยปริยายแล้ว แม้ที่ดินส่วนนั้นจะอยู่ในเขตโฉนดที่ดินที่รับซื้อไว้ ผู้ซื้อที่ดินนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะยึดถือเอาเป็นของตนได้ และแม้จะมีผู้ทำหลังคาและชายคารุกล้ำที่ดินส่วนนั้นผู้ซื้อที่ดินก็มิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องให้ตัดหลังคาและชายคาได้
กั้นรั้วสังกะสีปิดหน้าบ้านของโจทก์จนโจทก์ไม่มีทางที่จะออกไปสู่ทางสาธารณประโยชน์และทำการค้าขายไม่ได้ตามที่เคย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้อง
ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิดของจำเลยตั้งแต่วันฟ้อง ซึ่งศาลพิพากษาบังคับให้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (4) ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอนาคต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดและที่งอกริมตลิ่ง การสืบพยานในประเด็นกรรมสิทธิ์ไม่เป็นการสืบนอกฟ้อง
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 5143 จำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกอ้อย ฯลฯ ในที่งอกหน้าที่ดินของโจทก์โจทก์ห้ามปรามจำเลยกลับอ้างว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ดังนี้ เห็นได้ว่าโจทก์ตั้งประเด็นมาในคำฟ้องแล้วว่า ที่พิพาทเป็นที่งอกริมตลิ่งเป็นทรัพย์สินของโจทก์ ผู้เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 5143 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1308 เมื่อจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่งอกเป็นของจำเลย โจทก์ ก็สืบว่าที่งอกเป็นของโจทก์ได้ ไม่เป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานนอกประเด็นฟ้อง: ที่งอกริมตลิ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเดิม
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 5143 จำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกอ้อย ฯลฯ ในที่งอกหน้าที่ดินของโจทก์ โจทก์ห้ามปราม จำเลยกลับอ้างว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ ดังนี้ เห็นได้ว่าโจทก์ตั้งประเด็นมาในคำฟ้องแล้วว่า ที่พิพาทเป็นที่งอกริมตลิ่งเป็นทรัพย์สินของโจทก์ผู้เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 5143 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1308 เมื่อจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่งอกเป็นของจำเลย โจทก์ก็สืบว่าที่งอกเป็นของโจทก์ได้ ไม่เป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีกับกองมรดกก่อนแบ่งมรดก: เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์ในกองมรดก แม้จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ให้ทายาทแล้ว
ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินกู้ตามฟ้องให้โจทก์ในฐานะที่จำเลยเป็นภริยาผู้รับมรดก บ. โดยทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาต้องรับผิดร่วมด้วย แต่ขณะโจทก์ฟ้องจำเลยนั้นยังไม่ได้แบ่งมรดกกันระหว่างทายาท โฉนดยังเป็นชื่อของ บ. เจ้ามรดกเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ผู้ร้องเพิ่งโอนรับมรดกในขณะคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ฉะนั้น ถึงแม้ที่ดินพิพาทโอนใส่ชื่อผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนนายแบนเจ้ามรดกก็ตามที่พิพาทก็ยังเป็นทรัพยในกองมรดกของ บ. ซึ่งยังมิได้แบ่งอยู่นั่นเอง โจทก์จึงชอบที่จะยึดที่ดินพิพาทมาบังคับคดีได้โดยไม่ต้องฟ้องทายาทผู้รับมรดกคนอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้กองมรดกยึดทรัพย์มรดกได้ แม้โอนกรรมสิทธิ์ให้ทายาทแล้ว หากยังมิได้แบ่งมรดก
ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินกู้ตามฟ้องให้โจทก์ในฐานะที่จำเลยเป็นภริยาผู้รับมรดก บ. โดยทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาต้องรับผิดร่วมด้วย แต่ขณะโจทก์ฟ้องจำเลยนั้น ยังไม่ได้แบ่งมรดกกันระหว่างทายาท โฉนดยังเป็นชื่อของ บ. เจ้ามรดกเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ผู้ร้องเพิ่งโอนรับมรดกในขณะคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ฉะนั้น ถึงแม้ที่ดินพิพาทโอนใส่ชื่อผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนนายแบนเจ้ามรดกก็ตาม ทีJพิพาทก็ยังเป็นทรัพย์ในกองมรดกของ บ. ซึ่งยังมิได้แบ่งอยู่นั่นเอง โจทก์จึงชอบที่จะยึดที่ดินพิพาทมาบังคับคดีได้ โดยไม่ต้องฟ้องทายาทผู้รับมรดกคนอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทรัพย์สินของจำเลย แม้มีผู้ค้ำประกันและผ่อนชำระอยู่ การส่งมอบเอกสารและรถด้วยความเกรงใจ ไม่ถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
เอกสารการซื้อรถและรถรายพิพาทเป็นของจำเลยทั้งสิ้นจำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่ธนาคารผู้เสียหายเป็นผู้ค้ำประกัน ระหว่างนั้นจำเลยกำลังผ่อนชำระเงินให้แก่ธนาคารตามสัญญาอยู่การที่จำเลยยอมทิ้งรถและเอกสารการซื้อรถให้ผู้เสียหายก็ด้วย ความเกรงใจผู้เสียหายไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะยึดเอกสารและรถไว้เมื่อจำเลยกลับใจจำเลยย่อมมีสิทธิมาเอารถของจำเลยไปและมีสิทธิไปขอเอกสารของจำเลยจากผู้รักษาไว้ได้การกระทำของจำเลย ยังไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง