พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,162 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 408-410/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าในสัญญาต่างตอบแทน แม้ไม่ใช่คู่สัญญา ก็มีสิทธิได้ตามสัญญา
สัญญาที่ฝ่ายจำเลยเป็นผู้ออกเงินสร้างตึกขึ้น แล้วจำเลยมีสิทธิที่จะอยู่ได้ 8 ปี ฝ่ายเจ้าของที่ดินเป็นผู้ที่จะได้ตึกโดยไม่ต้องออกเงินสร้าง แต่จะต้องยอมให้ผู้สร้างอยู่ได้ 8 ปี สัญญาเช่นนี้เป็นสัญญาต่างตอบแทนกันย่อมมีผลผูกพันกันได้โดยไม่ต้องจดทะเบียน (อ้างฎีกาที่ 1460/2495)
โจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมอยู่กับน.ส.สุภาคู่สัญญาซึ่งทำสัญญากันกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นและโจทก์รับในรายงานพิจารณาของศาลว่าโจทก์ได้รู้เห็นยินยอมให้ น.ส.สุภาทำสัญญานั้นด้วย โจทก์จึงต้องผูกพันในสัญญาด้วยและเมื่อโจทก์รับโอนที่ดินมาเป็นของตนแต่ผู้เดียวในภายหลัง โจทก์ต้องรับสิทธิและหน้าที่ตามสัญญานั้นมาด้วย เมื่อตามสัญญา จำเลยมีสิทธิจะอยู่ได้ 8 ปีขณะที่ยังไม่ครบกำหนดนั้น โจทก์ก็ยังไม่มีสิทธิจะเลิกสัญญาและยังไม่มีสิทธิจะขับไล่จำเลย
ตามสัญญาดังกล่าวข้างต้นปรากฎว่า น.ส.สุภายินยอมจะให้จำเลยอื่นอีก 2 คนได้เช่าตึกนั้นอยู่คนละ 1 ห้องตามเดิมมีกำหนด 8 ปี จำเลยอื่นทั้ง 2 คนนั้นได้ลงทุนเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างตึกตามส่วนที่ตนจะเช่าอยู่ และเมื่อสร้างตึกแล้วจำเลยอื่นทั้ง 2 นั้นก็ได้เข้าอยู่ในตึกคนละ 1 ห้อง ตามสัญญาดังกล่าว กรณีเช่นนี้ต้องด้วย ป.พ.พ. มาตรา 374 จำเลยอื่นทั้ง 2 นี้แม้ไม่ใช่คู่สัญญาก็มีสิทธิที่จะอยู่ในตึกตามสัญญานั้นได้
โจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมอยู่กับน.ส.สุภาคู่สัญญาซึ่งทำสัญญากันกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นและโจทก์รับในรายงานพิจารณาของศาลว่าโจทก์ได้รู้เห็นยินยอมให้ น.ส.สุภาทำสัญญานั้นด้วย โจทก์จึงต้องผูกพันในสัญญาด้วยและเมื่อโจทก์รับโอนที่ดินมาเป็นของตนแต่ผู้เดียวในภายหลัง โจทก์ต้องรับสิทธิและหน้าที่ตามสัญญานั้นมาด้วย เมื่อตามสัญญา จำเลยมีสิทธิจะอยู่ได้ 8 ปีขณะที่ยังไม่ครบกำหนดนั้น โจทก์ก็ยังไม่มีสิทธิจะเลิกสัญญาและยังไม่มีสิทธิจะขับไล่จำเลย
ตามสัญญาดังกล่าวข้างต้นปรากฎว่า น.ส.สุภายินยอมจะให้จำเลยอื่นอีก 2 คนได้เช่าตึกนั้นอยู่คนละ 1 ห้องตามเดิมมีกำหนด 8 ปี จำเลยอื่นทั้ง 2 คนนั้นได้ลงทุนเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างตึกตามส่วนที่ตนจะเช่าอยู่ และเมื่อสร้างตึกแล้วจำเลยอื่นทั้ง 2 นั้นก็ได้เข้าอยู่ในตึกคนละ 1 ห้อง ตามสัญญาดังกล่าว กรณีเช่นนี้ต้องด้วย ป.พ.พ. มาตรา 374 จำเลยอื่นทั้ง 2 นี้แม้ไม่ใช่คู่สัญญาก็มีสิทธิที่จะอยู่ในตึกตามสัญญานั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 408-410/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาสร้างแล้วเช่า: ผลผูกพันต่อคู่สัญญาและบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง
สัญญาที่ฝ่ายจำเลยเป็นผู้ออกเงินสร้างตึกขึ้นแล้วจำเลยมีสิทธิที่จะอยู่ได้ 8 ปีฝ่ายเจ้าของที่ดินเป็นผู้ที่จะได้ตึกโดยไม่ต้องออกเงินสร้างแต่จะต้องยอมให้ผู้สร้างอยู่ได้ 8 ปี สัญญาเช่นนี้เป็นสัญญาต่างตอบแทนกันย่อมมีผลผูกพันกันได้โดยไม่ต้องจดทะเบียน(อ้างฎีกาที่ 1460/2495)
โจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมอยู่กับน.ส.สุภาคู่สัญญาซึ่งทำสัญญากันกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นและโจทก์รับในรายงานพิจารณาของศาลว่าโจทก์ได้รู้เห็นยินยอมให้ น.ส.สุภาทำสัญญานั้นด้วยโจทก์จึงต้องผูกพันในสัญญาด้วยและเมื่อโจทก์รับโอนที่ดินมาเป็นของตนแต่ผู้เดียวในภายหลังโจทก์ต้องรับสิทธิและหน้าที่ตามสัญญานั้นมาด้วยเมื่อตามสัญญา จำเลยมีสิทธิจะอยู่ได้ 8 ปีขณะที่ยังไม่ครบกำหนดนั้นโจทก์ก็ยังไม่มีสิทธิจะเลิกสัญญาและยังไม่มีสิทธิจะขับไล่จำเลย
ตามสัญญาดังกล่าวข้างต้นปรากฏว่าน.ส.สุภายินยอมจะให้จำเลยอื่นอีก 2 คนได้เช่าตึกนั้นอยู่คนละ 1 ห้องตามเดิมมีกำหนด 8 ปี จำเลยอื่นทั้ง 2 คนนั้นได้ลงทุนเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างตึกตามส่วนที่ตนจะเช่าอยู่และเมื่อสร้างตึกแล้วจำเลยอื่นทั้ง2นั้นก็ได้เข้าอยู่ในตึกคนละ 1 ห้องตามสัญญาดังกล่าวกรณีเช่นนี้ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 จำเลยอื่นทั้ง 2 นี้แม้ไม่ใช่คู่สัญญาก็มีสิทธิที่จะอยู่ในตึกตามสัญญานั้นได้
โจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมอยู่กับน.ส.สุภาคู่สัญญาซึ่งทำสัญญากันกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นและโจทก์รับในรายงานพิจารณาของศาลว่าโจทก์ได้รู้เห็นยินยอมให้ น.ส.สุภาทำสัญญานั้นด้วยโจทก์จึงต้องผูกพันในสัญญาด้วยและเมื่อโจทก์รับโอนที่ดินมาเป็นของตนแต่ผู้เดียวในภายหลังโจทก์ต้องรับสิทธิและหน้าที่ตามสัญญานั้นมาด้วยเมื่อตามสัญญา จำเลยมีสิทธิจะอยู่ได้ 8 ปีขณะที่ยังไม่ครบกำหนดนั้นโจทก์ก็ยังไม่มีสิทธิจะเลิกสัญญาและยังไม่มีสิทธิจะขับไล่จำเลย
ตามสัญญาดังกล่าวข้างต้นปรากฏว่าน.ส.สุภายินยอมจะให้จำเลยอื่นอีก 2 คนได้เช่าตึกนั้นอยู่คนละ 1 ห้องตามเดิมมีกำหนด 8 ปี จำเลยอื่นทั้ง 2 คนนั้นได้ลงทุนเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างตึกตามส่วนที่ตนจะเช่าอยู่และเมื่อสร้างตึกแล้วจำเลยอื่นทั้ง2นั้นก็ได้เข้าอยู่ในตึกคนละ 1 ห้องตามสัญญาดังกล่าวกรณีเช่นนี้ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 จำเลยอื่นทั้ง 2 นี้แม้ไม่ใช่คู่สัญญาก็มีสิทธิที่จะอยู่ในตึกตามสัญญานั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในรถยนต์: การคุ้มครองเจ้าของตามกฎหมาย แม้มีการครอบครองโดยบุคคลภายนอก
ได้ความว่ารถยนต์พิพาทคดีนี้ศาลได้พิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าเป็นของโจทก์จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ฉะนั้นโจทก์จึงยกขึ้นยันบุคคลภายนอกรวมทั้งผู้ร้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(2)เว้นแต่ผู้ร้องจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าหากผู้ร้องจะอ้างว่าตนได้ครอบครองรถยนต์อยู่จึงควรได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1303 ผู้ร้องก็จะต้องพิสูจน์ว่าตนได้การครอบครองนั้นมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตจึงจะมีสิทธิในรถยนต์พิพาทดีกว่าโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การติดตามทรัพย์สินคืน vs. การฟ้องเรียกค่าเสียหาย: อายุความต่างกัน
โจทก์ฟ้องเรียกเรือนครัวพิพาท++ เมื่อฟังว่าเรือนครัวพิพาทจำเลย++ให้โจทก์ ดังนี้คดีของโจทก์ที่เกี่ยวกับอายุความต้องบังคับตาม ป.พ.พ. ม.1336 เพราะเป็นการติดตามทรัพย์ของตนคืน มิใช่เป็นการเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดตาม ป.พ.พ. ม.446.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกทรัพย์คืน: ไม่ใช่ละเมิด แต่เป็นการติดตามทรัพย์
โจทก์ฟ้องเรียกเรือนครัวพิพาทคืน เมื่อฟังว่าเรือนครัวพิพาทจำเลยยกให้โจทก์ ดังนี้คดีของโจทก์ที่เกี่ยวกับอายุความต้องบังคับตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1336 เพราะเป็นการติดตามทรัพย์ของตนคืน มิใช่เป็นการเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา446
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1654/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการฟ้องเรียกค่าเช่าหลังจดทะเบียนนิติบุคคล และประเด็นฟ้องซ้ำ/เคลือบคลุม
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ ศาลพิพากษาขับไล่ โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเช่าที่จำเลยเก็บรักษาไว้และยังค้างอยู่ในคดีเดิมเป็นคดีใหม่ขึ้นเช่นนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำต้องห้าม
ผู้ที่อุทิศที่ดินให้แก่ผู้อื่น (นิติบุคคล) ไปแล้วและ เข้าร่วมกับนิติบุคคลเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเช่นนี้ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ผู้ที่อุทิศที่ดินให้แก่ผู้อื่น (นิติบุคคล) ไปแล้วและ เข้าร่วมกับนิติบุคคลเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเช่นนี้ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1654/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเช่าหลังจดทะเบียนนิติบุคคล, ฟ้องซ้ำ, ฟ้องเคลือบคลุม และผลของการอุทิศที่ดิน
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิศาลพิพากษาขับไล่ โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเช่าที่จำเลย+ยังค้างอยู่ในคดีเดิมเป็นคดีใหม่ขึ้นเช่นนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำต้องห้าม
ผู้ที่อุทิศที่ดินให้แก่ผู้อื่น (นิติบุคคล) ไปแล้วและเข้าร่วมกับนิติบุคคลเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเช่นนี้ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ผู้ที่อุทิศที่ดินให้แก่ผู้อื่น (นิติบุคคล) ไปแล้วและเข้าร่วมกับนิติบุคคลเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเช่นนี้ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1654/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกค่าเช่าหลังจดทะเบียนนิติบุคคล, ฟ้องซ้ำ, และฟ้องเคลือบคลุม: กรณีสุเหร่าวัดคิด
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ ศาลพิพากษาขับไล่ โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเช่าที่จำเลยเก็บรักษาไว้และยังค้างอยู่ในคดีเดิมเป็นคดีใหม่ขึ้นเช่นนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำต้องห้าม
ผู้ที่อุทิศที่ดินให้แก่ผู้อื่น (นิติบุคคล) ไปแล้วและ เข้าร่วมกับนิติบุคคลเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเช่นนี้ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ผู้ที่อุทิศที่ดินให้แก่ผู้อื่น (นิติบุคคล) ไปแล้วและ เข้าร่วมกับนิติบุคคลเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเช่นนี้ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1236/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินซื้อขาย: การชำระราคาและการโอนกรรมสิทธิ์, สิทธิเรียกร้องของผู้ขายเมื่อผู้ซื้อผิดสัญญา
ข้อตกลงในวิธีการชำระราคาและข้อตกลงให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ซื้อขายให้โอนไปเมื่อใดนั้น ไม่ใช่ข้อตกลงพิเศษนอกเหนือสัญญาและไม่มีข้อกฎหมายบังคับว่า ข้อตกลงเช่นนี้จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ข้อตกลงเช่นว่านั้นมีผลใช้บังคับได้ ดังนั้นเมื่อบุคคลอื่นได้ทรัพย์นี้ไปและทรัพย์นั้นได้มาระหว่างกันเป็นทอดๆ ไม่ใช่ในท้องตลาดแม้จะได้มาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนก็ตาม ก็หาได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 1329 และ 1332 ไม่
โจทก์จำเลยตกลงกัน ให้โจทก์กู้เงินจากคนภายนอกมาซื้อโต๊ะบิลเลียดและเครื่องอุปกรณ์มอบให้จำเลยไปแล้ว ให้จำเลยรับชำระหนี้เงินกู้แก่บุคคลภายนอกแทนโจทก์ จำเลยชำระหนี้เสร็จและได้รับสัญญากู้คืนมาเมื่อใดให้โต๊ะบิลเลียดตกเป็นกรรมสิทธิแก่จำเลย เมื่อจำเลยผ่อนส่งต้นเงินแทนโจทก์ไปบ้างแล้วคงค้างอีก 6,000 บาท จำเลยจะอ้างว่าราคาโต๊ะอีก 6,000 บาทที่ค้างนี้ได้แปลงเป็นหนี้เงินกู้แล้วไม่ได้ เพราะหนี้เงินกู้นั้นเป็นหนี้ที่โจทก์กู้มาแต่แรกซึ่งจำเลยเพียงแต่รับปากว่าจะชำระแทนโจทก์เท่านั้น หาใช่ว่าได้แปลงหนี้ค่าโต๊ะบิลเลียดกับเครื่องอุปกรณ์มาเป็นสัญญากู้ยืมเงินให้จำเลยต้องรับผิดต้องชำระเงินกู้นั้นไม่ กรรมสิทธิ์ในโต๊ะยังอยู่กับโจทก์ โจทก์มีสิทธิติดตามเอาคืนมาได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336
โจทก์จำเลยตกลงกัน ให้โจทก์กู้เงินจากคนภายนอกมาซื้อโต๊ะบิลเลียดและเครื่องอุปกรณ์มอบให้จำเลยไปแล้ว ให้จำเลยรับชำระหนี้เงินกู้แก่บุคคลภายนอกแทนโจทก์ จำเลยชำระหนี้เสร็จและได้รับสัญญากู้คืนมาเมื่อใดให้โต๊ะบิลเลียดตกเป็นกรรมสิทธิแก่จำเลย เมื่อจำเลยผ่อนส่งต้นเงินแทนโจทก์ไปบ้างแล้วคงค้างอีก 6,000 บาท จำเลยจะอ้างว่าราคาโต๊ะอีก 6,000 บาทที่ค้างนี้ได้แปลงเป็นหนี้เงินกู้แล้วไม่ได้ เพราะหนี้เงินกู้นั้นเป็นหนี้ที่โจทก์กู้มาแต่แรกซึ่งจำเลยเพียงแต่รับปากว่าจะชำระแทนโจทก์เท่านั้น หาใช่ว่าได้แปลงหนี้ค่าโต๊ะบิลเลียดกับเครื่องอุปกรณ์มาเป็นสัญญากู้ยืมเงินให้จำเลยต้องรับผิดต้องชำระเงินกู้นั้นไม่ กรรมสิทธิ์ในโต๊ะยังอยู่กับโจทก์ โจทก์มีสิทธิติดตามเอาคืนมาได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1236/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิในทรัพย์สิน การซื้อขายผ่อนส่ง และผลกระทบต่อผู้ซื้อต่อจากผู้ผิดสัญญา
ข้อตกลงในวิธีการชำระราคา+ข้อตกลงให้กรรมสิทธิในทรัพย์ที่ซื้อขายให้โอนไปเมื่อใดนั้น ไม่ใช่ข้อตกลงพิเศษนอกเหนือสัญญาและไม่มีข้อกฎหมายบังคับว่า ข้อตกลงเช่นนี้จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ข้อตกลงเช่นว่านั้นมีผลใช้บังคับได้ ดังนั้นเมื่อบุคคลอื่นได้ทรัพย์นี้ไปและทรัพย์นั้นได้มาระหว่างกันเป็นทอด ๆ ไม่ใช่ในท้องตลาด แม้จะได้มาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนก็ตาม ก็หาได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 1320 และ 1332 ไม่
โจทก์จำเลยตกลงกันให้โจทก์กู้เงินจากคนภายนอกมาซื้อโต๊ะบิลเลียดและเครื่องอุปกรณ์มอบให้จำเลยไปแล้วให้จำเลยรับชำระหนี้เงินกู้แก่บุคคลภายนอกแทนโจทก์ จำเลยรับชำระหนี้เงินกู้แก่บุคคลภายนอกแทนโจทก์ จำเลยชำระหนี้เสร็จและได้รับสัญญากู้คืนมาเมื่อใดให้โต๊ะบิลเลียดตกเป็นกรรมสิทธิแก่จำเลย เมื่อจำเลยผ่อนส่งตต้นเงินแทนโจทก์ไปบ้างแล้วคงค้างอีก 6,000 บาท จำเลยจะอ้างว่าราคาโต๊ะอีก 6,000 บาทที่ค้างนี้ได้แปลงเป็นหนี้เงินกู้แล้วไม่ได้เพราะหนี้เงินกู้นั้นเป็นหนี้ที่โจทก์กู้มาแต่แรก ซึ่งจำเลยเพียงแต่รับปากว่าจะชำระแทนโจทก์เท่านั้นหาใช่ว่าได้แปลงหนี้ค่าโต๊ะบิลเลียดกับเครื่องอุปกรณ์มาเป็นสัญญากู้ยืมเงินให้จำเลยต้องรับผิดต้องชำระเงินกู้นั้นไม่ กรรมสิทธิในโต๊ะยังอยู่กับโจทก์ ๆ มีสิทธิติดตามเอาคืนมาได้ตาม ป.พ.พ.ม.1336
โจทก์จำเลยตกลงกันให้โจทก์กู้เงินจากคนภายนอกมาซื้อโต๊ะบิลเลียดและเครื่องอุปกรณ์มอบให้จำเลยไปแล้วให้จำเลยรับชำระหนี้เงินกู้แก่บุคคลภายนอกแทนโจทก์ จำเลยรับชำระหนี้เงินกู้แก่บุคคลภายนอกแทนโจทก์ จำเลยชำระหนี้เสร็จและได้รับสัญญากู้คืนมาเมื่อใดให้โต๊ะบิลเลียดตกเป็นกรรมสิทธิแก่จำเลย เมื่อจำเลยผ่อนส่งตต้นเงินแทนโจทก์ไปบ้างแล้วคงค้างอีก 6,000 บาท จำเลยจะอ้างว่าราคาโต๊ะอีก 6,000 บาทที่ค้างนี้ได้แปลงเป็นหนี้เงินกู้แล้วไม่ได้เพราะหนี้เงินกู้นั้นเป็นหนี้ที่โจทก์กู้มาแต่แรก ซึ่งจำเลยเพียงแต่รับปากว่าจะชำระแทนโจทก์เท่านั้นหาใช่ว่าได้แปลงหนี้ค่าโต๊ะบิลเลียดกับเครื่องอุปกรณ์มาเป็นสัญญากู้ยืมเงินให้จำเลยต้องรับผิดต้องชำระเงินกู้นั้นไม่ กรรมสิทธิในโต๊ะยังอยู่กับโจทก์ ๆ มีสิทธิติดตามเอาคืนมาได้ตาม ป.พ.พ.ม.1336