คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 249

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 42 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีอาญาต้องรอคดีถึงที่สุด แม้มีคำพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหาย
ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 245 วรรคแรก การบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีส่วนอาญาจะกระทำได้ต่อเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วคำพิพากษาในส่วนที่ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเนื่องจากการกระทำผิด มาตรา 44 วรรคสองบัญญัติว่า ให้รวมเป็นส่วนหนึ่งแห่งคำพิพากษาในคดีอาญา โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายย่อมจะขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาในส่วนนี้ได้ก็ต่อเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วเช่นเดียวกัน แม้มาตรา 249 จะบัญญัติว่าคำพิพากษาให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สิน ค่าทดแทนหรือค่าธรรมเนียมนั้น ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. บทบัญญัติดังกล่าวก็ไม่มีผลว่าให้บังคับคดีได้ก่อนคดีถึงที่สุด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีในคดีอาญาต้องรอจนคดีถึงที่สุด แม้มีคำพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหาย
การบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีส่วนอาญาจะกระทำได้ต่อเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา245 วรรคแรก คำพิพากษาในส่วนที่ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเนื่องจากการกระทำผิด เป็นส่วนหนึ่งแห่งคำพิพากษาในคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44 วรรคสองโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายจะขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษา ในส่วนนี้ได้ก็ต่อเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วเช่นเดียวกัน แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 249 จะบัญญัติว่าคำพิพากษาให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินค่าทดแทนหรือค่าธรรมเนียมนั้นให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งบทบัญญัติดังกล่าวก็ไม่มีผลว่าให้บังคับคดีได้ก่อนคดีถึงที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีอาญาตามคำพิพากษา ต้องรอจนคดีถึงที่สุดก่อน จึงจะดำเนินการได้
ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 245 วรรคแรก การบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีส่วนอาญาจะกระทำได้ต่อเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วคำพิพากษาในส่วนที่ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเนื่องจากการกระทำผิด มาตรา 44 วรรคสองบัญญัติว่า ให้รวมเป็นส่วนหนึ่งแห่งคำพิพากษาในคดีอาญา โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายย่อมจะขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาในส่วนนี้ได้ก็ต่อเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วเช่นเดียวกัน แม้มาตรา 249 จะบัญญัติว่าคำพิพากษาให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สิน ค่าทดแทนหรือค่าธรรมเนียมนั้น ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. บทบัญญัติดังกล่าวก็ไม่มีผลว่าให้บังคับคดีได้ก่อนคดีถึงที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ในคดีล้มละลายที่มีทุนทรัพย์น้อยกว่า 20,000 บาท ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาต้องปฏิบัติตาม
ในคดีล้มละลายที่ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้ตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยืนยันและเรียกให้ชำระหนี้นั้น ถือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ หากหนี้ซึ่งเป็นทุนทรัพย์ที่พิพาทมีจำนวนไม่เกิน 20,000 บาท ย่อมต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ประกอบกับพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153 การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงให้ จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวและถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาจึงไม่อาจรับไว้พิจารณาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีแพ่ง และความรับผิดของผู้ค้ำประกันจากการยักยอกทรัพย์
โจทก์ในฐานะผู้เสียหายได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีที่พนักงานอัยการฟ้องจำเลยที่1ฐานยักยอกเงินของโจทก์ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยที่1และให้คืนหรือใช้เงินที่ยักยอกไปแก่โจทก์แล้วโจทก์จึงมีสิทธิบังคับคดีส่วนแพ่งในคดีอาญาได้อยู่แล้วตามป.วิ.อ.มาตรา249,253หากรื้อฟื้นคดีส่วนแพ่งนั้นมาฟ้องใหม่โดยเรียกค่าดอกเบี้ยเพิ่มเติมย่อมเป็นฟ้องซ้ำ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่1ต้องรับผิดใช้หนี้ที่ทุจริตในการทำงานโดยยักยอกทรัพย์ของโจทก์ไปจำเลยที่2ที่3ในฐานะผู้ค้ำประกันอย่างไม่มีจำกัดในการทำงานของจำเลยที่1ย่อมต้องรับผิดชดใช้แทนจำเลยที่1ตามสัญญาค้ำประกันรวมทั้งดอกเบี้ยด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำคดีแพ่งหลังมีคำพิพากษาในคดีอาญาที่มีประเด็นแพ่งปนอยู่ การบังคับคดีส่วนแพ่ง และสิทธิในการเรียกร้องดอกเบี้ย
โจทก์ในคีดนี้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์และเรียกให้จำเลยที่1ใช้ค่าทดแทนความเสียหายแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา43,44,47ย่อมต้องผูกพันตามคำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าวซึ่งมีคดีส่วนแพ่งปนอยู่ด้วยและโจทก์ย่อมมีสิทธิบังคับคดีส่วนแพ่งตามคำพิพากษานั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา249,253อยู่แล้วโจทก์จะรื้อฟื้นคดีส่วนแพ่งนั้นมาฟ้องใหม่โดยเรียกค่าดอกเบี้ยเพิ่มเติมในคดีนี้อีกย่อมเป็นฟ้องซ้ำอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2754-2755/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยต้องคืนมันสำปะหลังที่ลักไปเท่านั้น ศาลไม่อนุญาตให้ชดใช้ด้วยการขุดมันสำปะหลังในไร่ของจำเลย
การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนทรัพย์คือมันสำปะหลังให้โจทก์ร่วมหมายถึงมันสำปะหลังที่จำเลยลักเอาไปจากโจทก์ร่วมเท่านั้น แม้โดยสภาพมันสำปะหลังจะเป็นสังกมทรัพย์จำเลยก็ไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับโจทก์ร่วมไปขุดมันสำปะหลังจากไร่ของจำเลย เมื่อจำเลยไม่คืนมันสำปะหลังที่ลักเอาไปให้โจทก์ร่วมตามคำบังคับ โจทก์ร่วมย่อมมีสิทธิขอให้ศาลออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยมาขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ร่วมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2754-2755/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ตามคำพิพากษา: คืนทรัพย์ที่ลักไปเท่านั้น, ไม่อาจบังคับให้ขุดของจากที่ดินผู้อื่นได้
การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนทรัพย์คือมันสำปะหลังให้โจทก์ร่วมหมายถึงมันสำปะหลังที่จำเลยลักเอาไปจากโจทก์ร่วมเท่านั้น แม้โดยสภาพมันสำปะหลังจะเป็นสังกมทรัพย์จำเลยก็ไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับโจทก์ร่วมไปขุดมันสำปะหลังจากไร่ของจำเลย เมื่อจำเลยไม่คืนมันสำปะหลังที่ลักเอาไปให้โจทก์ร่วมตามคำบังคับ โจทก์ร่วมย่อมมีสิทธิขอให้ศาลออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยมาขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ร่วมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 770/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนสิ่งรุกล้ำลำน้ำ: อำนาจบังคับคดีของศาลและเจ้าท่าตามกฎหมายเฉพาะ
เมื่อศาลได้พิพากษาลงโทษปรับจำเลยฐานปลูกสร้างอาคารล่วงล้ำในลำแม่น้ำเจ้าพระยาโดยมิได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385 และพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 117,118 กับสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่สร้างเพิ่มเติมล่วงล้ำลงไปในลำแม่น้ำเจ้าพระยาภายในกำหนด 1 เดือนแล้ว หากจำเลยขัดขืนไม่ยอมรื้อถอนภายในกำหนดเวลาดังกล่าว เจ้าท่าหรือเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ชอบที่จะดำเนินการตามคำสั่งของศาลจัดการรื้อถอนโดยคิดเอาค่าใช้จ่ายในการนั้นแก่จำเลยได้ดังที่พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา118 บัญญัติไว้ หาใช่มาขอให้ศาลบังคับจำเลยโดยวิธีการอย่างอื่น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297,298 ไม่ เพราะมิใช่เป็นการบังคับคดีแพ่ง ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนั้นและมิใช่เป็นการบังคับให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สิน ค่าทดแทนหรือค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 249 เป็นเรื่องที่เจ้าท่าหรือเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จะต้องเข้าดำเนินการตามคำสั่งศาลต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1672/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์กรณีผิดสัญญาประกันตัว: ศาลมีอำนาจบังคับตามสัญญาและเรียกค่าธรรมเนียมได้
นายประกันผิดสัญญาประกันในคดีอาญาต่อศาลศาลมีอำนาจสั่งบังคับตามสัญญาประกันโดยมิต้องฟ้องได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 และ 249 เมื่อยึดทรัพย์ไว้แล้วศาลสั่งถอนการยึดโดยไม่มีการขายทอดตลาดเพราะนายประกันยอมใช้เงินตามสัญญาประกันเช่นนี้ นายประกันย่อมต้องรับผิดเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีอีกร้อยละ 3 ครึ่งของราคาทรัพย์ที่ยึดตามตาราง 5 ข้อ 2 ท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
of 5