คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 205

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 115 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1955/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดนัดชำระหนี้ซื้อขายที่ดิน ผู้รับมอบอำนาจเจ็บป่วยไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย
ข้อที่โจทก์อ้างว่า ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เจ็บป่วยกะทันหันจนไม่อาจไปรับโอนและชำระราคาที่ดินในวันนัดได้นั้น ไม่ปรากฏในคำฟ้องว่า ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เจ็บป่วยขนาดไหนและการป่วยเป็นลมพิษอย่างฉับพลันตามที่โจทก์กล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นฎีกาในกรณีปกติก็เดินทางกันได้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่โจทก์ไม่ต้องรับผิดชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 205เมื่อโจทก์ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดโจทก์จึงตกเป็นผู้ผิดนัดผิดสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5327/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความล่าช้าในการตรวจรับสินค้าทำให้จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาและต้องชำระเงินค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ส่งมอบสินค้าให้กรมจำเลยก่อนครบกำหนดตามสัญญา จำเลยยอมรับสินค้าไว้เพื่อทำการตรวจสอบ แต่มิได้แจ้งผลการตรวจสอบให้โจทก์ทราบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ ซึ่งบัญญัติไว้สอดคล้องกับระเบียบจำเลยว่าด้วยการบริหารงานด้านพัสดุ ที่ให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ที่ซื้อทำการตรวจรับให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด หากผู้ขายส่งพัสดุ ไม่ถูกต้องตามสัญญา ให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ รีบรายงานผู้ซื้อเพื่อแจ้งให้ผู้ขายทราบใน 3 วันทำการนับแต่วันที่ตรวจพบ แต่จำเลยหาได้ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวนั้นไม่การที่โจทก์ส่งมอบสินค้าที่ถูกต้องตามสัญญาล่าช้าเกินกำหนดอายุสัญญาจึงเกิดจากความล่าช้าในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของจำเลยเอง จะถือว่าโจทก์ส่งมอบสินค้าให้จำเลยล่าช้าและผิดสัญญาหาได้ไม่ จำเลยไม่มีสิทธิปรับโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดิน: การชำระเงินไม่ครบถ้วน การคำนวณผิดพลาด และสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหาย
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินจากจำเลย และผ่อนชำระราคาเรื่อยมาจำเลยได้ออกหลักฐานการชำระเงินงวดสุดท้ายให้โจทก์ระบุว่า"จ่ายให้หมดแล้ว" ซึ่งความจริงเงินที่ต้องผ่อนชำระยังขาดอยู่อีก2,600 บาท แต่จำเลยคำนวณผิดพลาด จำนวนเงินที่ขาดนี้ไม่ใช่โจทก์ไม่ยินยอมชำระ แต่เนื่องจากโจทก์เข้าใจว่าได้ชำระครบถ้วนแล้วตามหลักฐานที่จำเลยทำให้และที่จำเลยทวงถามก็ให้โจทก์ชำระเงินถึง8,200 บาท ซึ่งมิใช่จำนวนเงินที่ค้างจริง ทั้งเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษาให้โจทก์ชำระเงินส่วนที่ค้างชำระจริง โจทก์ก็มิได้ฎีกาโต้แย้ง แสดงว่าโจทก์ยอมรับที่จะชำระเงินส่วนนี้ให้จำเลยให้ครบถ้วนตามสัญญา จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ปฏิบัติผิดสัญญาจำเลยไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและต้องปฏิบัติตามสัญญาต่อไปเมื่อโจทก์ได้ชำระเงินส่วนที่ยังขาดอยู่ให้ครบถ้วนแล้ว โจทก์ชำระเงินค่าที่ดินให้จำเลยไปเพียง 45,000 บาท ถ้าจะบังคับให้จำเลยคืนเงินก็คงบังคับได้เฉพาะส่วนที่จำเลยได้รับชำระไปแล้วเท่านั้น จะบังคับให้คืนทั้งหมด 48,000 บาท ตามสัญญาจะซื้อจะขาย โดยรวมส่วนที่ยังชำระไม่ครบด้วยนั้นไม่ชอบ เมื่อโจทก์ยังชำระค่าที่ดินขาดอยู่อีก 2,600 บาท ซึ่งแม้ในตอนแรกจะเกิดขึ้นจากการคำนวณผิดพลาดของจำเลยว่าชำระครบแล้วแต่ต่อมาเมื่อจำเลยทวงถาม โจทก์ก็ยังไม่ยอมชำระ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญาที่ยังไม่โอนที่ดินให้โจทก์ โจทก์จึงไม่อาจจะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5039/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ซื้อตามสัญญาสัญญาประนีประนอมยอมความ vs. การบังคับคดี การคุ้มครองสิทธิผู้ซื้อก่อนเจ้าหนี้
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทภายในระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาบังคับตามยอมให้จำเลยซึ่งเป็นคู่ความแทนที่จำเลยในอีกคดีหนึ่ง โอนขายที่ดินพิพาทแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นโจทก์คดีนั้น ทำให้การโอนที่ดินพิพาทไม่อาจกระทำได้ การที่ผู้ร้องไม่ชำระราคาที่ดินพิพาทภายในกำหนดเวลาดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นฝ่ายผิดสัญญา
เมื่อศาลได้พิพากษาให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยโอนขายที่ดินพิพาทแก่ผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องจึงมีสิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ก่อนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1300 โจทก์จะบังคับคดียึดที่ดินพิพาทให้กระทบกระทั่งสิทธิของผู้ร้องอันอาจขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินนั้นไม่ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287
กรณียื่นคำร้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287 ถือได้ว่าเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เมื่อศาลชั้นต้นยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ขอให้ไต่สวนคำร้องต่อไปและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่สั่งให้ผู้ร้องใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์เกินอัตราขั้นสูงในคดีไม่มีทุนทรัพย์จึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2319/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักเงินบำเหน็จเป็นประกันหนี้ต้องไม่กระทบสิทธิลูกจ้างหากลูกจ้างมิได้ประมาทเลินเล่อ
โจทก์ยินยอมให้จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างหักเงินบำเหน็จของโจทก์ไว้บางส่วนเป็นประกันหนี้ของ ส. ตามจำนวนหนี้ที่โจทก์ถูกจำเลยกล่าวหาว่าจะต้องร่วมรับผิดกับ ส. ต่อมาเมื่อความปรากฏว่าโจทก์มิได้ประมาทเลินเล่อและบกพร่องต่อหน้าที่ในอันจะต้องร่วมรับผิดในการกระทำของ ส. ต่อจำเลยแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิหักเงินบำเหน็จของโจทก์ต่อไป โจทก์มีสิทธิเรียกคืนได้ แต่การที่จำเลยหักเงินบำเหน็จดังกล่าว ก็โดยความยินยอมของโจทก์ ดังนี้แม้โจทก์จะได้ทวงถามให้จำเลยคืนเงินบำเหน็จที่จำเลยพักไว้และการที่จำเลยไม่จ่ายเงินบำเหน็จคืนให้โจทก์ ก็จะถือว่าจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัดไม่ได้ จำเลยไม่ต้องรับผิดในดอกเบี้ยเงินบำเหน็จที่หักไว้ต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2669/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวนหากจำเลยสามารถมอบหมายให้ผู้อื่นดำเนินการแทนได้
จำเลยทั้งสองไม่นำเงินมาวางต่อศาลตามกำหนดในคำพิพากตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยอ้างว่ามารดาป่วยกะทันหันต้องเดินทางไปเยี่ยมที่ต่างจังหวัดนั้น มิใช่ความจำเป็นถึงขนาดจะนำเงินมาวางศาลไม่ได้ เพราะการนำเงินมาวางศาลมิใช่กิจการที่จำเลยทั้งสองจะต้องทำเองโดยเฉพาะตัว ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดชอบซึ่งจะทำให้จำเลยทั้งสองไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 205 ศาลยกคำร้องของดการบังคับคดีของจำเลยทั้งสองได้โดยไม่ต้องไต่สวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2669/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอม การมอบหมายให้ผู้อื่นชำระหนี้แทน และเหตุสุดวิสัย
จำเลยทั้งสองไม่นำเงินมาวางต่อศาลตามกำหนดโดยอ้างว่ามารดาป่วยกะทันหันต้องเดินทางไปเยี่ยมที่ต่างจังหวัดนั้น มิใช่ความจำเป็นถึงขนาดจะนำเงินมาวางศาลไม่ได้เพราะการนำเงินมาวางศาลมิใช่กิจการที่จำเลยทั้งสองจะต้องทำเองโดยเฉพาะตัว ดังนี้ถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดชอบตาม ป.พ.พ.มาตรา 205 ศาลยกคำร้องของจำเลยทั้งสองได้โดยไม่ต้องไต่สวน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3327/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยในการซื้อขายระหว่างประเทศ: การระงับส่งออกเนื่องจากสถานการณ์สู้รบ
จำเลยส่งชนวนลูกระเบิดแก่โจทก์เกินกำหนดสัญญาไป 308 วันเพราะรัฐบาลระงับการส่งออกของบริษัทผู้ผลิต เนื่องจากสถานการณ์ สู้ รบระหว่างจีนกับเวียตนาม และการส่งออกต้องผ่านประเทศเยอรมันตะวันตกทั้งต้องให้สถานทูตไทยในกรุงเวียนนารับรองอีกว่าเป็นชนวนลูกระเบิดที่จะส่งถึงโจทก์ ดังนี้ จำเลยและบริษัทผู้ผลิตไม่อาจป้องกันได้ และไม่อาจคาดหมายว่าจะเกิดขึ้น จึงเป็นเหตุสุดวิสัยอันเป็นพฤติการณ์ซึ่งจำเลยไม่ต้องรับผิดชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2878/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับการจ่ายเงินบำเหน็จ โบนัส และประกันของลูกจ้างที่ถูกสอบสวนทางวินัย และสิทธิเรียกดอกเบี้ย
ก่อนจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเกษียณอายุ โจทก์ถูกจำเลยตั้งคณะกรรมการสอบสวน เรื่องปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง เป็นเหตุให้จำเลยเสียหาย แต่ขณะเลิกจ้างการสอบสวนยังไม่เสร็จและตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยให้อำนาจจำเลยสั่งระงับการจ่ายเงินบำเหน็จเงินโบนัสและเงินประกันแก่โจทก์ เพื่อรอผลการสอบสวนได้ดังนั้น เมื่อศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าโจทก์ไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายในคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์เพราะเหตุปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง จำเลยก็รีบดำเนินการจ่ายเงินทั้งหมดดังกล่าวแก่โจทก์ทันที จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัด โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในเงินดังกล่าวจากจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2878/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับการจ่ายเงินบำเหน็จ โบนัส และประกันของลูกจ้างระหว่างการสอบสวนความเสียหาย นายจ้างมีอำนาจตามข้อบังคับ
ก่อนจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเกษียณอายุ โจทก์ถูกจำเลยตั้งคณะกรรมการสอบสวน เรื่องปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง เป็นเหตุให้จำเลยเสียหาย แต่ขณะเลิกจ้างการสอบสวนยังไม่เสร็จและตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยให้อำนาจจำเลยสั่งระงับการจ่ายเงินบำเหน็จเงินโบนัส และเงินประกันแก่โจทก์ได้ ดังนั้นการที่จำเลยสั่งระงับการจ่ายเงินดังกล่าวเพื่อรอผลการสอบสวน และเมื่อศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าโจทก์ไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายในคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์เพราะเหตุปฏิบัติหน้าที่บกพร่องจำเลยก็รีบดำเนินการจ่ายเงินทั้งหมดแก่โจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยตก เป็นผู้ผิดนัด.
of 12