พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,097 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5045/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน การเลื่อนกำหนดโอนกรรมสิทธิ์ และการพิสูจน์ข้อเท็จจริงด้วยพยานบุคคล
จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินให้โจทก์ โดยกำหนดวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันไว้ในหนังสือสัญญาจะซื้อขายการที่โจทก์นำสืบว่ามีการเลื่อนกำหนดการโอนกรรมสิทธิ์จากวันที่กำหนดไว้ในสัญญาหาใช่นำสืบว่าวันที่กำหนดโอนไว้ในสัญญาไม่ใช่วันที่ระบุไว้ในสัญญา จึงมิใช่การนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)โจทก์ย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3846/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานบุคคลเพื่อพิสูจน์เอกสารปลอม แม้ไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในชั้นแรก ก็ทำได้หากมีเหตุตามฟ้อง
การที่จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบว่าโจทก์ที่2ไม่ได้ไปสำนักงานที่ดินในวันทำสัญญา ซื้อขาย ที่ดิน และไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจึงมีลายมือชื่อโจทก์ที่2ปรากฏอยู่ในหนังสือ สัญญาซื้อขายที่ดินที่ระบุว่า จ. กับโจทก์ที่2และจำเลยร่วมกันเป็นผู้ซื้อนั้นเป็นการนำสืบเพื่อแสดงว่าเอกสารนั้นเป็น เอกสารปลอม จำเลยจึงมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบได้เช่นนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา94วรรคสอง โจทก์ทั้งสี่เพียงแต่ บรรยายฟ้องว่าโจทก์ที่2ในฐานะส่วนตัวมีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินตาม หนังสือรับรองการทำประโยชน์กับเจ้ามรดกและจำเลยโดยมิได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินเมื่อจำเลยให้การว่าจำเลยเป็นเจ้าของผู้มี สิทธิครอบครองที่ดินจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะต้องให้การถึงหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินดังกล่าวฉะนั้นเมื่อต่อมาโจทก์นำหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินนั้นมาสืบจำเลยย่อมมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบว่าเป็นเอกสารปลอมเพื่อสนับสนุนข้อเถียงของจำเลยที่ได้ให้การว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินได้ไม่เป็นการสืบนอกคำให้การ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3390-3391/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไถ่ถอนการขายฝาก-ผิดสัญญาซื้อขาย-ผู้รับโอนสิทธิไถ่ได้-การหักกลบลบหนี้
สัญญาซื้อขายที่ดินพร้อมบ้านพิพาทเกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากสัญญาจะซื้อขายซึ่งมีการวางมัดจำหรือชำระราคาบางส่วนแล้วต้องด้วย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสองซึ่งฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แม้ไม่มีเอกสารมาแสดง เมื่อมีปัญหาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระเงินตามสัญญาซื้อขายครบถ้วนแล้วหรือไม่โจทก์จึงมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบได้ มิใช่เป็นการสืบพยานเพื่อหักล้างเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94อีกทั้งสัญญาดังกล่าวเป็นเอกสารที่ทำขึ้นระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2กับบริษัทบ.ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่โจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญาเดิมในการจองซื้อขอให้โอนให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2ฉะนั้น ผู้ที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 จะยกข้อกฎหมายดังกล่าวขึ้นอ้างได้ก็เฉพาะกรณีที่ต่อสู้กับบริษัทบ.เท่านั้น โจทก์ฝ่ายหนึ่งกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 อีกฝ่ายหนึ่งทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านพร้อมที่ดินซึ่งกันและกัน แต่ที่ดินและบ้านของจำเลยที่ 1 และที่ 2 นั้นจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้นำไปขายฝากไว้กับจำเลยที่ 3 เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จึงอยู่ในฐานะผู้รับโอนสิทธิไถ่ทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 497(2) จำเลยที่ 3 ต้องรับการไถ่เมื่อโจทก์มีเงินจำนวนที่เป็นสินไถ่ แต่จำเลยที่ 3 ไม่ยอมรับโจทก์ได้นำเงินไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์ก่อนพ้นกำหนดไถ่จำเลยที่ 3 จึงปฏิเสธไม่ยอมรับการไถ่ถอนการขายฝากไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3390-3391/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายฝาก, การผิดสัญญา, สิทธิไถ่, การหักกลบลบหนี้, หน้าที่ของบุคลากร
สัญญา ซื้อขายที่ดินพร้อมบ้านพิพาทเกิดขึ้นสืบเนื่องมาจาก สัญญาจะซื้อขายซึ่งมีการ วางมัดจำหรือชำระราคาบางส่วนแล้วต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา456วรรคสองซึ่งฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แม้ไม่มีเอกสารมาแสดงเมื่อมีปัญหาว่าจำเลยที่1และที่2ชำระเงินตามสัญญาซื้อขายครบถ้วนแล้วหรือไม่โจทก์จึงมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบได้มิใช่เป็นการสืบพยานเพื่อหักล้างเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา94อีกทั้งสัญญาดังกล่าวเป็นเอกสารที่ทำขึ้นระหว่างจำเลยที่1และที่2กับบริษัท บ.ซึ่งเป็น เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่โจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญาเดิมในการจองซื้อขอให้โอนให้แก่จำเลยที่1และที่2ฉะนั้นผู้ที่จำเลยที่1และที่2จะยกข้อกฎหมายดังกล่าวขึ้นอ้างได้ก็เฉพาะกรณีที่ต่อสู้กับบริษัท บ.เท่านั้น โจทก์ฝ่ายหนึ่งกับจำเลยที่1และที่2อีกฝ่ายหนึ่งทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านพร้อมที่ดินซึ่งกันและกันแต่ที่ดินและบ้านของจำเลยที่1และที่2นั้นจำเลยที่1และที่2ได้นำไปขายฝากไว้กับจำเลยที่3เมื่อจำเลยที่1และที่2เป็นฝ่าย ผิดสัญญา โจทก์จึงอยู่ในฐานะผู้รับโอนสิทธิไถ่ทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา497(2)จำเลยที่3ต้องรับการไถ่เมื่อโจทก์มีเงินจำนวนที่เป็นสินไถ่แต่จำเลยที่3ไม่ยอมรับโจทก์ได้นำเงินไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์ก่อนพ้นกำหนดไถ่จำเลยที่3จึงปฏิเสธไม่ยอมรับการไถ่ถอนการขายฝากไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3390-3391/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทซื้อขายฝากและสัญญาซื้อขาย สิทธิไถ่ถอน การผิดสัญญา และผลของการไม่ชำระหนี้
สัญญา ซื้อขายที่ดินพร้อมบ้านพิพาทเกิดขึ้นสืบเนื่องมาจาก สัญญาจะซื้อขายซึ่งมีการ วางมัดจำหรือชำระราคาบางส่วนแล้วต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา456วรรคสองซึ่งฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แม้ไม่มีเอกสารมาแสดงเมื่อมีปัญหาว่าจำเลยที่1และที่2ชำระเงินตามสัญญาซื้อขายครบถ้วนแล้วหรือไม่โจทก์จึงมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบได้มิใช่เป็นการสืบพยานเพื่อหักล้างเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา94อีกทั้งสัญญาดังกล่าวเป็นเอกสารที่ทำขึ้นระหว่างจำเลยที่1และที่2กับบริษัท บ.ซึ่งเป็น เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่โจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญาเดิมในการจองซื้อขอให้โอนให้แก่จำเลยที่1และที่2ฉะนั้นผู้ที่จำเลยที่1และที่2จะยกข้อกฎหมายดังกล่าวขึ้นอ้างได้ก็เฉพาะกรณีที่ต่อสู้กับบริษัท บ.เท่านั้น โจทก์ฝ่ายหนึ่งกับจำเลยที่1และที่2อีกฝ่ายหนึ่งทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านพร้อมที่ดินซึ่งกันและกันแต่ที่ดินและบ้านของจำเลยที่1และที่2นั้นจำเลยที่1และที่2ได้นำไปขายฝากไว้กับจำเลยที่3เมื่อจำเลยที่1และที่2เป็นฝ่าย ผิดสัญญา โจทก์จึงอยู่ในฐานะผู้รับโอนสิทธิไถ่ทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา497(2)จำเลยที่3ต้องรับการไถ่เมื่อโจทก์มีเงินจำนวนที่เป็นสินไถ่แต่จำเลยที่3ไม่ยอมรับโจทก์ได้นำเงินไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์ก่อนพ้นกำหนดไถ่จำเลยที่3จึงปฏิเสธไม่ยอมรับการไถ่ถอนการขายฝากไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์การชำระหนี้เงินกู้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 653: หลักฐานลายมือชื่อผู้ให้ยืม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์แล้วไม่ชำระหนี้ จำเลยให้การรับว่าได้กู้ยืมเงินโจทก์ไปจริง แต่ได้ชำระหนี้บางส่วนให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยย่อมมีภาระการพิสูจน์และหน้าที่นำสืบว่าได้ชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์แล้วบางส่วนตามคำให้การ แต่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 653 วรรคสอง การที่จำเลยจะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงเมื่อจำเลยไม่มีหลักฐานเอกสารลงลายมือชื่อของโจทก์มาแสดงเป็นพยานหลักฐานในคดี จำเลยจึงต้องห้ามมิให้นำสืบเรื่องการชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์ แม้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมสมควรอย่างยิ่งที่จะให้จำเลยนำพยานบุคคลและเอกสารการชำระเงินที่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์มานำสืบก็ตาม แต่ศาลก็ไม่อาจอนุญาตหรือรับฟังพยาน-หลักฐานเช่นนั้นได้ เพราะต้องห้ามตามกฎหมายดังกล่าวข้างต้นและขัดต่อ ป.วิ.พ.มาตรา 94 อีกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์การชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืม จำเป็นต้องมีหลักฐานเอกสารลงลายมือชื่อผู้ให้ยืม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์แล้วไม่ชำระหนี้จำเลยให้การรับว่าได้กู้ยืมเงินโจทก์ไปจริงแต่ได้ชำระหนี้บางส่วนให้แก่โจทก์แล้วจำเลยย่อมมีภาระการพิสูจน์และหน้าที่นำสืบว่าได้ชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์แล้วบางส่วนตามคำให้การแต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา653วรรคสองการที่จำเลยจะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงเมื่อจำเลยไม่มีหลักฐานเอกสารลงลายมือชื่อของโจทก์มาแสดงเป็นพยานหลักฐานในคดีจำเลยจึงต้องห้ามมิให้นำสืบเรื่องการชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์แม้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมสมควรอย่างยิ่งที่จะให้จำเลยนำพยานบุคคลและเอกสารการชำระเงินที่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์มานำสืบก็ตามแต่ศาลก็ไม่อาจอนุญาตหรือรับฟังพยานหลักฐานเช่นนั้นได้เพราะต้องห้ามตามกฎหมายดังกล่าวข้างต้นและขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา94อีกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3180/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิในสัญญาประกันภัย: การนำสืบพยานหลักฐานและข้อยกเว้นตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์เข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยฟัองจำเลยโดยอาศัยอำนายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา880มิใช่เป็นการฟ้องร้องบังคับคดีตามสัญญาประกันจึงไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา867วรรคหนึ่งและไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา94เพราะมิใช่กรณีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธินำสืบพยานเอกสารคู่ฉบับหนังสือกรมธรรม์ประกอบพยานอื่นๆในข้อรับช่วงสิทธิเพื่อแสดงว่าโจทก์รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุได้แม้ว่าคู่ฉบับหนังสือกรมธรรม์ประกันภัยจะปิดอากรแสตมป์ไม่ครบบริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากรมาตรา118ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3180/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิในสัญญาประกันภัย: ศาลอนุญาตให้ใช้พยานเอกสารแม้กรมธรรม์ขาดอากรแสตมป์
โจทก์เข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยฟัองจำเลยโดยอาศัยอำนายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880มิใช่เป็นการฟ้องร้องบังคับคดีตามสัญญาประกันจึงไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 วรรคหนึ่งและไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 เพราะมิใช่กรณีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธินำสืบพยานเอกสารคู่ฉบับหนังสือกรมธรรม์ประกอบพยานอื่น ๆ ในข้อรับช่วงสิทธิเพื่อแสดงว่าโจทก์รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุได้แม้ว่าคู่ฉบับหนังสือกรมธรรม์ประกันภัยจะปิดอากรแสตมป์ไม่ครบบริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3180/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิในสัญญาประกันภัย: พยานหลักฐานและข้อยกเว้นตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์เข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยฟ้องจำเลยโดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา880มิใช่เป็นการฟ้องร้องบังคับคดีตามสัญญาประกันภัยจึงไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา867วรรคหนึ่งและไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา94เพราะมิใช่กรณีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธินำสืบพยานเอกสารคู่ฉบับหนึ่งหนังสือกรมธรรม์ประกอบพยานอื่นๆในข้อรับช่วงสิทธิเพื่อแสดงว่าโจทก์รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุได้แม้ว่าคู่ฉบับหนังสือกรมธรรม์ประกันภัยจะปิดอากรแสตมป์ไม่ครบบริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากรมาตรา118ก็ตาม