คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 94

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,097 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเงินกู้ที่ไม่สมบูรณ์และข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วน การพิจารณาเจตนาที่แท้จริงของสัญญา
จำเลยชอบที่จะนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างว่า สัญญากู้ไม่มีผลผูกพันเพราะโจทก์จำเลยทำขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานคุ้มครองเงินของโจทก์ ที่นำไปช่วยลงทุนค้าขายน้ำแข็งก้อนกับจำเลยได้ไม่เป็นการสืบพยานบุคคลประกอบข้ออ้างเมื่อได้นำสัญญากู้มาแสดงแล้วว่ายังมีข้อความเพิ่มเติม ตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาอยู่อีก ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 เพราะเป็นการนำสืบว่าสัญญากู้ยืมไม่สมบูรณ์นั่นเอง และเมื่อทางพิจารณารับฟังได้ว่าโจทก์จำเลยเข้าหุ้นกันเปิดกิจการค้าน้ำแข็งก้อน สัญญากู้เป็นเพียงหลักฐานคุ้มครองเงินของโจทก์ที่นำไปร่วมลงทุนค้าน้ำแข็งก้อนกับจำเลยเท่านั้น กรณีก็มิใช่เป็นการกู้ยืมดังฟ้องโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานบุคคลเพื่อพิสูจน์ว่าสัญญากู้ยืมไม่สมบูรณ์ แม้จะมีการอ้างเอกสารสัญญากู้ยืมแล้ว
จำเลยกล่าวอ้างว่าเอกสารสัญญากู้ยืมไม่มีผลผูกพัน เพราะโจทก์จำเลยทำขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานคุ้มครองเงินของโจทก์ที่นำไปช่วยลงทุนค้าขายน้ำแข็งก้อนกับจำเลย ดังนั้น จำเลยชอบที่จะนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างเช่นนั้นได้เพราะเป็นการนำสืบว่าเอกสารกู้ยืมไม่สมบูรณ์นั่นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายเรือประมง: ศาลรับฟังพยานบุคคลยืนยันโจทก์เป็นผู้ซื้อ แม้สัญญาจะระบุชื่อจำเลยเป็นผู้ซื้อ
การนำสืบพยานหลักฐานถึงการเข้าเป็นคู่สัญญาของโจทก์ในการซื้อเรือประมงระหว่าง ด. กับจำเลยทั้งสองว่าโจทก์เป็นผู้ซื้อด้วยหรือไม่ ไม่ใช่เป็นการนำสืบในข้อพิพาทระหว่างคู่สัญญาซื้อขายที่กฎหมายบังคับให้ต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือแม้เอกสารสัญญาซื้อขายจะระบุว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ซื้อเรือศาลก็รับฟังพยานบุคคลว่าโจทก์เป็นผู้ซื้อเรือได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5586/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทะเบียนบ้านไม่ใช่หลักฐานกรรมสิทธิ์ ศาลรับฟังพยานบุคคลได้
ทะเบียนบ้านเป็นเพียงหลักฐานของทางราชการ ที่ระบุว่าใครเป็นเจ้าของบ้านและมีใครอาศัยอยู่ในบ้าน ไม่ใช่หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ในบ้าน ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงจึงย่อมนำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ต้องห้ามตามป.วิ.พ. มาตรา 94.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5586/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในบ้าน: พยานบุคคลพิสูจน์ได้แม้ไม่มีเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ ทะเบียนบ้านไม่ใช่หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์
ทะเบียนบ้านที่ระบุว่าผู้ร้องเป็นเจ้าบ้าน เป็นเพียงหลักฐานของทางราชการที่ระบุว่าใครเป็นเจ้าบ้านและมีใครอาศัยอยู่ในบ้านบ้าง ไม่ใช่หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ในบ้าน ทั้งไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง โจทก์ย่อมนำสืบพยานบุคคลและศาลย่อมรับฟังพยานบุคคลได้ ไม่เป็นการนำสืบพยานบุคคลแก้ไขพยานเอกสารอันต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5331/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนองเพื่อประกันหนี้ตนเอง – พยานหลักฐาน – การบังคับจำนอง
สัญญาจำนองเป็นสัญญาที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง จำเลยจึงนำสืบพยานบุคคลประกอบข้ออ้างว่า จำเลยมิได้จำนองเพื่อประกันหนี้ของตนเองไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4289/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การถอนผู้จัดการมรดกและการตั้งผู้จัดการมรดกใหม่
สัญญาประนีประนอมยอมความจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 851ซึ่งรวมถึงการต่อสู้คดีด้วย เมื่อจำเลยสู้ว่ามีสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือจึงรับฟังไม่ได้ ไม่ว่าจะมีการปฏิบัติตามสัญญาแล้วหรือไม่ก็ตาม การที่จำเลยโอนทรัพย์มรดกเป็นของตน เป็นการละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ และมีพฤติการณ์แสดงว่าจะจัดการทรัพย์มรดกของผู้ตายไปในทางที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทายาทของผู้ตายเป็นเหตุสมควรจะถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 และเมื่อโจทก์เป็นบุคคลไม่ต้องห้ามเป็นผู้จัดการมรดกตามกฎหมาย ก็สมควรตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายแทนจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3793/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินเพื่อเก็งกำไรและผลทางภาษีอากร การซื้อขายที่ดินโดยไม่มีเจตนาใช้ประโยชน์แต่เพื่อเก็งกำไร ต้องเสียภาษี
การที่โจทก์นำสืบว่า ผู้รับมอบอำนาจโจทก์แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยว่าโจทก์ขายที่ดินไปโดยมิได้มุ่งในทางการค้าที่ดิน แต่พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งว่า การขายที่ดินของโจทก์ ถือว่าประกอบการค้าที่ดินและให้โจทก์เสียภาษีการค้า ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ไม่ยินยอมเสียภาษีและจะอุทธรณ์ต่อไป แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ให้ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ลงชื่อไว้ในช่องผู้ให้ถ้อยคำ โดยแจ้งว่าให้ลงชื่อไปก่อน เพราะเป็นระเบียบของกรมสรรพากร ว่าต้องมีหลักฐานไว้เพื่อตรวจสอบ ส่วนการอุทธรณ์จะอุทธรณ์ในภายหลังย่อมทำได้ผู้รับมอบอำนาจโจทก์จึงลงชื่อไว้พร้อมกับแจ้งด้วยว่าจะอุทธรณ์การประเมิน ดังนี้ตามข้อนำสืบหรือข้ออ้างของโจทก์เท่ากับอ้างว่าผู้รับมอบอำนาจโจทก์มิได้มีเจตนาที่จะยินยอมเสียภาษีการค้าหรือเจตนาลงชื่อ ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยเอกสารดังกล่าวจึงใช้ไม่ได้ ซึ่งเป็นการนำสืบหักล้างเอกสารมิใช่นำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.มาตรา 94 ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 17 โจทก์มิได้มีเจตนาที่จะยินยอมหรือทำสัญญาประนีประนอมยอมความในส่วนภาษีการค้า โจทก์จึงมีสิทธิที่จะอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และเมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลภาษีอากรได้ โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมาและขายไปในระยะสั้น โดยในช่วงก่อนขายไม่ปรากฏว่าได้ใช้ประโยชน์ในกิจการของโจทก์อย่างใด ที่อ้างว่ามีโครงการต่าง ๆ ก็ไม่ปรากฏว่ามีเอกสารแสดงถึงโครงการเหล่านั้นมาสนับสนุน จึงเป็นการขายที่ดินเพื่อทางค้าหรือหากำไร ต้องเสียภาษีการค้าตามการประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2555/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรส: การนำสืบเอกสารการสมรสก่อนซื้อทรัพย์สินพิพาทพิสูจน์สถานะเป็นสินสมรสได้
การที่ผู้ร้องที่ 1 นำสืบพยานบุคคลและพยานเอกสารคือสำเนาสูติบัตร สำเนาใบสำคัญการหย่าเพื่อแสดงว่าผู้ร้องที่ 1 กับ จำเลยที่ 2 จดทะเบียนสมรสกันจริงพนักงานเจ้าหน้าที่จึงจดทะเบียนการหย่าให้ กับนำสืบสำเนาหนังสือยินยอมว่าในวันที่จำเลยที่ 2 ไปจดทะเบียนซื้อและจำนองที่ดินกับบ้านนั้น ผู้ร้องที่ 1 ให้ความยินยอมแล้วดังนี้ผู้ร้องมิได้นำสืบพยานบุคคลเพียงอย่างเดียว แม้มิได้นำทะเบียนสมรสมาแสดง ก็ไม่ใช่การนำสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสารไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 เมื่อการจดทะเบียนสมรสระหว่างผู้ร้องที่ 1 กับจำเลยที่ 2เกิดขึ้นก่อนวันที่จำเลยที่ 2 ซื้อที่ดินและบ้านพิพาท ที่ดินและบ้านพิพาทจึงเป็นสินสมรส.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2554/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมที่ทำโดยไม่สมัครใจและเจ้ามรดกหมดความสามารถในการทำนิติกรรม เป็นพินัยกรรมที่ไม่มีผลผูกพัน
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมของ ก. เจ้ามรดก ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่าพินัยกรรมที่ผู้ร้องอ้างเป็นพินัยกรรมปลอม และหากเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของเจ้ามรดกจริงก็เป็นการทำพินัยกรรมโดยไม่สุจริตเนื่องจากเจ้ามรดกมีสติไม่สมบูรณ์ปราศจากความรับผิดชอบคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่อ้างว่าพินัยกรรมปลอม ผู้คัดค้านมิได้ยืนยันว่าลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมนั้นไม่ใช่ลายพิมพ์นิ้วมือที่แท้จริงของ ก. เจ้ามรดก ส่วนข้อความต่อไปว่า หากเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของเจ้ามรดกจริง ก็เป็นการอ้างต่อไปว่า กระทำขึ้นโดยไม่สุจริตเพราะผู้ทำพินัยกรรมไม่มีสติสมบูรณ์ ไม่รู้สึกผิดชอบซึ่งเท่ากับเจ้ามรดกไม่มีเจตนาจะทำพินัยกรรมดังกล่าวขึ้นแต่ได้ถูกกระทำโดยพิมพ์ลายนิ้วมือลงไปโดยมิได้ยินยอม อันเป็นพินัยกรรมที่ไม่มีผลบังคับ คำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านจึงไม่ขัดแย้งกัน ไม่เคลือบคลุม และเป็นประเด็นที่จะนำสืบได้.
of 110