คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 94

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,097 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3098/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัยกับบุคคลภายนอก: สิทธิเรียกร้องจากละเมิด ไม่ต้องติดข้อจำกัดเอกสาร
การประกันภัยเป็นนิติกรรมในลักษณะประเภทของสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งมีผลทำให้เกิดนิติสัมพันธ์อันพึงต้องปฏิบัติและบังคับระหว่างกันเฉพาะแต่คู่สัญญาเท่านั้น หามีผลผูกพันให้ใช้บังคับแก่บุคคลภายนอกไม่โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกให้รับผิดในผลจากมูลละเมิดของจำเลย ไม่ใช่เป็นการฟ้องบังคับคดีตามสัญญาประกันภัยโดยตรง จึงไม่อยู่ในบังคับต้องมีต้นฉบับกรมธรรม์ประกันภัยลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิดหรือตัวแทนมาแสดงตาม ป.พ.พ. มาตรา867 และไม่ต้องห้ามมิให้นำพยานบุคคลมาสืบแทนพยานเอกสารตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 ศาลย่อมรับฟังพยานบุคคลได้โดยไม่ต้องอาศัยเอกสาร และแม้โจทก์จะส่งอ้างภาพถ่ายสำเนากรมธรรม์ประกันภัยเป็นพยานและแนบคู่ฉบับกรมธรรม์ประกันภัยที่มิได้ปิดอากรแสตมป์ให้ถูกต้องตามป.รัษฎากร มาตรา 118 มาท้ายคำแถลงการณ์ของโจทก์ ก็จะอาศัยเป็นเหตุยกฟ้องโจทก์หาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2927/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในสัญญาจะซื้อขาย: การตกลงกันใหม่เรื่องสถานที่ชำระเงินไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย
สัญญาจะซื้อขายระบุว่า การชำระเงินค่าที่ดินแต่ละงวด โจทก์จะต้องนำไปชำระที่บ้านของจำเลยทุกครั้ง ถ้าไม่ปฏิบัติตามถือว่าโจทก์ผิดสัญญา เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์จำเลยตกลงกันให้ฝ่ายจำเลยเป็นผู้ไปเก็บเงินจากโจทก์ทุกงวด งวดประจำเดือนกันยายน 2524 จำเลยไม่ไปเก็บเงินจากโจทก์ การที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้ฝ่ายจำเลยเป็นผู้ไปเก็บเงินจากโจทก์ และได้ปฏิบัติกันตลอดมาเช่นนี้ แสดงว่าโจทก์จำเลยมิได้มีเจตนาถือเอาข้อกำหนดเรื่องสถานที่ชำระเงินค่าที่ดินว่าจะต้องให้โจทก์นำไปชำระที่บ้านของจำเลยโดยเคร่งครัดดังที่ระบุไว้ในสัญญา ดังนั้นในข้อที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยไปเก็บเงินค่าที่ดินจากโจทก์นี้ โจทก์ย่อมนำสืบได้ว่าโจทก์จำเลยตกลงปฏิบัติต่อกันใหม่แตกต่างจากข้อตกลงที่กำหนดไว้ในสัญญาเดิม ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาเช่าเดิมเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษ และการงดสืบพยานหลักฐาน
คำฟ้องแย้งของจำเลยเพียงแต่ขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนการเช่าตึก พิพาทกับจำเลยอีก 13 ปี นับแต่วันครบกำหนดสัญญาเช่าเดิม ตามที่จำเลยอ้างว่ามีข้อตกลงกันเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทำสัญญาเช่าและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่มีกำหนด 12 ปี จำเลยจะนำสืบว่ามีข้อตกลงกับผู้ให้เช่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาเป็นการขอสืบพยานบุคคลเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาเช่าต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 โจทก์ไม่จำต้องสืบพยานในประเด็นข้อนี้ แล้วศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในตึก พิพาทเช่นนี้ เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 24 ทำให้คดีเสร็จไปเฉพาะ แต่ประเด็นบางข้อ เป็นคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา228(3) หาใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยให้การปฏิเสธว่าโจทก์ทั้งสองไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลย และต่อสู้ว่าการเช่า ตึก พิพาทมีข้อตกลงให้จำเลยออกค่าก่อสร้างโดยผู้ให้เช่าจะให้จำเลยเช่า ตึก พิพาทมีกำหนดไม่น้อยกว่า25 ปี เพียงแต่ทำสัญญาเช่าไว้มีกำหนด 12 ปีก่อน จำเลยชอบที่จะนำสืบถึงเหตุที่จำเลยมีสิทธิเช่า ต่ออีกเพราะได้ออกเงินค่าก่อสร้างเป็นการตอบ แทนเท่ากับเป็นการนำสืบหักล้างสัญญานั้นว่าไม่ใช่สัญญาเช่าธรรมดา แต่เป็นสัญญาต่างตอบแทน ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเช่าต่างตอบแทน: การนำสืบเพื่อหักล้างสัญญาเช่าเดิม
คำฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนการเช่าให้จำเลย เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
จำเลยให้การต่อสู้ว่าการเช่าตึกพิพาทมีข้อตกลงให้จำเลยออกค่าก่อสร้างตึกพิพาทโดยโจทก์จะให้จำเลยเช่าตึกพิพาทมีกำหนด25 ปี เพียงแต่ทำสัญญาเช่าไว้มีกำหนด 12 ปีก่อน จำเลยมีสิทธินำสืบถึงเหตุที่จำเลยมีสิทธิเช่าต่อได้ เพราะเป็นการนำสืบหักล้างสัญญาที่ทำไว้ว่าไม่ใช่สัญญาเช่าธรรมดา แต่เป็นสัญญาต่างตอบแทนไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 249 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความแพ่ง, การเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร, และการพิสูจน์สภาพอาคาร
จำเลยให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม แต่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้และจำเลยก็มิได้โต้แย้ง จึงถือว่าจำเลยยินยอมดำเนินกระบวนพิจารณาเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นไว้เท่านั้น เมื่อจำเลยยกข้อต่อสู้นี้ขึ้นในชั้นฎีกาจึงเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249
สัญญาจะซื้อขายระบุชัดว่าโจทก์วางมัดจำเป็นเงิน 400,000บาทจำเลยจะนำสืบโต้เถียงเพื่อให้ศาลฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นอันมีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความที่ปรากฏในเอกสารหาได้ไม่ ต้องห้ามตามป.วิ.พ. มาตรา 94.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อกฎหมายที่มิได้ว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์, การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ, และการเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร
จำเลยให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม แต่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้และจำเลยก็มิได้โต้แย้ง จึงถือว่าจำเลยยินยอมดำเนินกระบวนพิจารณาเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นไว้เท่านั้น เมื่อจำเลยยกข้อต่อสู้นี้ขึ้นในชั้นฎีกาจึงเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 สัญญาจะซื้อขายระบุชัด ว่าโจทก์วางมัดจำเป็นเงิน 400,000 บาทจำเลยจะนำสืบโต้เถียง เพื่อให้ศาลฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นอันมีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความที่ปรากฏในเอกสารหาได้ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดิน: จำเลยผิดสัญญาไม่โอนที่ดินแม้โจทก์พร้อมชำระเงินเมื่อถึงกำหนด
โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินตามสัญญาระบุว่า เงินที่เหลืออีก 20,000 บาท ผู้จะซื้อจะชำระแก่ผู้จะขายในวันโอนสิทธิครอบครองทางทะเบียน โจทก์จำเลยได้ยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนต่อนายอำเภอและได้ประกาศเรื่องขอขายที่ดินแล้ว แต่จำเลยไม่ไปทำการจดทะเบียนให้โจทก์ จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจะนำสืบว่าตกลงชำระค่าที่ดินที่เหลือภายในวันที่ 17 เมษายน 2526 ต่างจากวันที่ที่ขอทำการโอนดังกล่าวไม่ได้เพราะเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาปลอมและการไม่ต้องรับผิดตามสัญญาซื้อขายข้าวเปลือก
โจทก์ให้จำเลยลงชื่อในหนังสือสัญญาซื้อขายข้าวเปลือกโดยยังไม่มีการกรอกข้อความ แล้วโจทก์นำสัญญานั้นไปให้บุคคลอื่นลงชื่อเป็นพยานและกรอกข้อความ ซึ่งไม่ตรงตามความประสงค์ของจำเลย เพราะจำเลยลงชื่อในสัญญาดังกล่าวเพื่อเป็นหลักฐานที่จำเลยได้กู้เงินโจทก์สัญญาดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอม จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างของจำเลยได้ ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
เมื่อสัญญาซื้อขายที่โจทก์นำมาฟ้องปลอม จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดส่งมอบข้าวเปลือกหรือชดใช้เงินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาปลอมจากการกรอกข้อความเท็จหลังลงชื่อ ทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญา
โจทก์ให้จำเลยลงชื่อในหนังสือสัญญาซื้อขายข้าวเปลือกโดยยังไม่มีการกรอกข้อความ แล้วโจทก์นำสัญญานั้นไปให้บุคคลอื่นลงชื่อเป็นพยานและกรอกข้อความ ซึ่งไม่ตรงตามความประสงค์ของจำเลย เพราะจำเลยลงชื่อในสัญญาดังกล่าวเพื่อเป็นหลักฐานที่จำเลยได้กู้เงินโจทก์ สัญญาดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอม จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างของจำเลยได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 เมื่อสัญญาซื้อขายที่โจทก์นำมาฟ้องปลอม จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดส่งมอบข้าวเปลือกหรือชดใช้เงินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 61/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ยืม: ภาระการพิสูจน์, การต่อสู้เรื่องการถูกบังคับ, และการคิดดอกเบี้ย
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ยืมซึ่งจำเลยให้การว่าลงชื่อโดยถูกบังคับหรือหลอกลวงโดยในสัญญากู้มิได้กรอกข้อความใดและไม่เคยรับเงิน จึงเป็นการต่อสู้ว่าสัญญากู้เงินไม่สมบูรณ์ ภาระการพิสูจน์ตกแก่โจทก์ และโจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน แต่เมื่อโจทก์นำสืบได้ความว่ามีการกู้ยืมแล้ว จำเลยจึงต้องมีภาระการพิสูจน์ให้ศาลเห็นตามข้อต่อสู้
ผู้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลยเพียงแต่มีหน้าที่ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแทนจำเลยซึ่งถึงแก่กรรมในระหว่างพิจารณาเท่านั้น ศาลจะพิพากษาให้ต้องรับผิดในหนี้ของจำเลยแทนจำเลยด้วยไม่ได้ กรณีต้องบังคับเอาจากกองมรดกของจำเลย
แม้คำฟ้องจะมิได้บรรยายว่าคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเท่าใดแต่ตามสัญญากู้ยอมให้คิดดอกเบี้ยอัตราตามกฎหมาย และโจทก์มีคำขอดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี เมื่อเห็นว่าดอกเบี้ยที่โจทก์คิดมาเกินอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีศาลฎีกามีอำนาจแก้ให้ถูกต้องได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
of 110